กรณี “แซน - วิศาพัช มโนมัยรัตน์” หนึ่งในผู้ที่นั่งอยู่บนเรือสปีดโบ๊ต พูดถึงเรื่องการโทรศัพท์แจ้งกู้ภัยว่า “ตอนนั้นแจ้งทุกเจ้าหน้าที่ที่จะสามารถช่วยได้ 191 โทร.ให้เพื่อนที่อยู่บนบกช่วยแจ้งทุกอย่าง มีหลักฐานการโทร.ออกทุกอย่าง ทำทุกวิถีทางในเวลานั้น ยังงงว่าทำไมกู้ภัยถึงไม่มีข้อมูล เขาโทร.มาถามข้อมูลเกิน 3 รอบ มีหลักฐานด้วยนะ ไม่ใช่ว่าพูดลอย ๆ งงว่ากู้ภัยไปไหน ในช่วงระยะเวลาแรกที่โทร. ทำไมถึงใช้เวลานานมาก”
"ต่าย - สายธาร นิยมการณ์" โพสต์เฟซบุ๊กผ่าน @Saitharn Niyomkarn ระบุว่า "ก่อนจะนอนคืนนี้อยากจะบอกว่า ต่อให้กู้ภัยหายตัวมาได้หรือมา เร็วปานจรวดไวกว่าเเสงแต่มาเจอการให้ข้อมูลของพวกคุณแบบชี้กันไปคนละทิศละทางแบบนี้ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ควรไปคุยกันก่อนนะว่าสรุปจะชี้ไปทางไหน จะได้ตรงกัน และดูไม่ปลอม📌📌📌 ฝันดีค่ะ ขอบพระคุณทุกข้อความทุกกำลังใจ 😂😂😂"
นอกจากนี้ “จูน กษม” ภรรยาของ “เปิ้ล นาคร ศิลาชัย” ผู้ที่เดินทางไปร่วมค้นหา ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “ขอพูดอีกเสียงค่ะ ตอนจูน กับ พี่เปิ้ล นาครไปถึง วันพฤหัสตอน 5 ทุ่มกว่า ๆ ได้เจอพี่กู้ภัยชุดแรก พี่เขาก็เล่าให้ฟังค่ะว่าพี่ ๆ บนเรือด่าพวกผมใหญ่เลย ผมบอกให้ชี้จุดเกิดเหตุ พี่ ๆ บนเรือก็ไม่อยากให้ข้อมูล ต่างคนต่างรีบขึ้นฝั่งแล้วหายกันไปเลย”
ล่าสุดวันที่ 28 ก.พ.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับ “เปิ้ล นาคร” และ “จูน กษมา” ภรรยา เปิดเผยว่า ในคืนนั้นเวลาประมาณ 23.00 น. พวกตนไปถึงท่าน้ำพิบูลสงคราม ตอนนั้นคนเริ่มเยอะและหน่วยกู้ภัยก็ทยอยมากันแล้ว และเมื่อไปถึงก็พบเจ้าหน้าหน่วยกู้ภัยทยอยกันมาเต็มพื้นที่ จากนั้นจึงได้เตรียมเจ็ตสกีเพื่อลงน้ำช่วยค้นหา และได้พูดคุยกับหน่วยกู้ภัยชุดแรก เพื่อสอบถามรายละเอียด ซึ่งทางหน่วยกู้ภัยดังกล่าวก็ตอบว่า "ไม่รู้เรื่องเลย และยังโดนด่าด้วยซ้ำ" ซึ่งเขาก็เล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงน้อยใจ เมื่อถามกลับไปก็โดนด่า หันมาอีกทีก็หายกันไปหมดแล้ว
สำหรับในส่วนของตนก็อยู่ช่วยค้นหาตั้ง 5 ทุ่ม – จนถึงประมาณ 6 โมงเช้า และกลับไปพักผ่อน จากนั้นช่วงบ่ายกลับมาช่วยค้นหาอีกครั้ง ซึ่งทีมอาสาต่าง ๆ ก็ยังคงอยู่ช่วยเหลือเช่นเดิม บางคนกินนอนอยู่กับพื้นตรงนั้น เพื่อรอที่จะช่วยเหลือตลอดเวลา บางคนผิวไหม้จากแดดก็ยังคงไม่ไปไหนเพราะยินดีช่วยกันเต็มที่
"มันรู้สึกสงสาร เห็นใจพี่ ๆ ทีมอาสาและกู้ภัยที่โดนด่า แต่ส่วนตัวก็มาคิดว่าเหตุการณ์แบบนั้นเป็นช่วงชุลมุน เราไม่ได้ยินเอง จึงไม่สามารถเอาอะไรได้มาก แต่กลับมาโดนว่าโดนตราหน้าว่าหิวแสง อะไรประมาณนี้ เขาทุกคนทุ่มเท ลงมือและวางแผนการช่วยเหลืออยู่ตลอด หวังแค่ให้เจอแตงโมเท่านั้น" จูน กษมา กล่าว
“เปิ้ล นาคร” กล่าวด้วยว่า จุดที่พบร่างของน้องแตงโม เป็นจุดที่ตนขี่เจ็ตสกีวนค้นหา เมื่อทราบแบบนั้นจึงทำให้ตนมาย้อนคิดว่า เขาอาจจะมองเห็นเจ็ตสกีของเราอยู่ข้างบน แต่พูดอะไรไม่ได้ อาจจะเห็นเราแต่เรียกเราไม่ได้ ในขณะเดียวกันหากตนรู้ว่าน้องแตงโมอยู่ตรงจุดนั้น และหากเป็นไปได้ตนจะกระโดดลงไปคว้าน้องขึ้นมาตอนนั้นเลย
ในวันนี้ (28 ก.พ.65) เพื่อนของสาวแตงโม อย่าง "คุณแซน" และ "คุณกระติก" ได้ไปออกรายการโหนกระแส พร้อมยกมือขอโทษเจ้าหน้าที่กู้ชีพ หลังทนกระเเสดราม่าถล่มไม่ไหว โดยอ้างว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเข้าใจผิดนึกว่าเจ้าหน้าที่กู้ชีพเป็นชาวบ้านในพื้นที่เข้ามาสอบถามข้อมูล จึงใช้คำพูดเหวี่ยงใส่ และไม่คิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริง ๆ เพราะไม่เห็นจะมีเรือขับมาช่วย
นายสุพจน์ สวดมาลัย หนึ่งในทีมกู้ชีพที่เข้าในพื้นที่เกิดเหตุเป็นชุดแรก และถูกต่อว่าจากเพื่อนของสาวแตงโม เล่าให้ฟังว่า จริง ๆ วันนั้นตนและทีมงานกว่า 10 นาย ได้รับแจ้งจากเครือข่ายวิทยุของมูลนิธิร่วมกตัญญู ประมาณเวลา 22.40 น. ตามคลื่นสัญญาณกู้ชีพของพระนั่งเกล้า แต่ตนเป็นหน่วยงานย่อยที่สแตนด์บายในพื้นที่ จึงได้รับข้อมูลมาก่อน ประกอบกับตนอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 20 กิโลเมตร ทำให้เข้าถึงพื้นที่ได้เร็ว
เมื่อไปถึงก็ตามที่ข่าวออกไป เพื่อนของคุณแตงโมขับเรือวนหากันเอง โดยที่ไม่เทียบฝั่งเข้ามาบอกรายละเอียด กระทั่งเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง เพื่อนของคุณแตงโม ได้เข้ามาให้ข้อมูล แต่กลับไม่ชัดเจนตามคลิปที่หลายคนเห็น ชี้กันไปคนละทิศคนละทาง เมื่อถามชื่อผู้สูญหายกลับอารมณ์เสียใส่ ก่อนจะขับเรือวนออกไปอีกครั้ง จากนั้นเวลาประมาณ 23.20 น. เพื่อน ๆ คนบนเรือเริ่มมีสติ และระบุพิกัดได้ ซึ่งกว่าจะค้นหาทำให้เวลาล่วงเลยหลายชั่วโมงแล้ว
"ตอนเช้าไปในพื้นที่ ผมได้แต่งกายชุดเต็มเครื่องแบบในการเข้าค้นหา ไม่ได้แต่งกายแบบชุดทั่วไป หากคนปกติสังเกตก็จะทราบว่าผมและทีมงานคือกู้ชีพ ไม่ใช่ชาวบ้านแน่นอน ส่วนปมที่อีกฝ่ายอ้างว่าไม่เห็นอุปกรณ์ หรือความพร้อมในการค้นหา จริง ๆ แล้วในฐานะกู้ชีพทางน้ำของมูลนิธิร่วมกตัญญู ทุกคนจะมีอุปกรณ์ประจำตัวอยู่แล้ว เป็นอุปกรณ์เบื้องต้นในการเข้าข่วยเหลือ ซึ่งอุปกรณ์ที่ทางทีมงานมีนั้น จะเป็นการค้นหาในระยะใกล้ชายฝั่ง หรือไม่ไกลจากริมตลิ่ง ซึ่งพอมาถึงหน้างานด้วยความที่ไม่ทราบข้อมูล ทางกู้ชีพเลยไม่ทราบว่าคนหายจุดไหน จะลงตรงไหน พอเวลาล่วงเลยทราบว่าคนหายตรงบริเวณกลางแม่น้ำ ซึ่งค่อนข้างเสี่ยง และจำเป็นต้องใช้เรือกู้ภัย เลยจะต้องมีขั้นตอนในการประสานกับทางกู้ชีพชุดใหญ่ที่บางพลี" นายสุพจน์ กล่าว
ส่วนประเด็นที่กู้ชีพต้องถามข้อมูลมากกว่าปกติ ก็เพื่อความชัดเจนและแม่นยำในการค้นหา เพราะข้อมูลทุกอย่างต้องชัดเจน หากไม่ชัดเจนก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มค้นหาต้นจุดไหน ซ้ำพฤติกรรมของเพื่อนคุณแตงโมก็ค่อนข้างจะมีพิรุธ ตั้งแต่การไม่กล้าให้ข้อมูล ไม่ยอมขึ้นฝั่ง แม้แจ้งข้อมูลแล้วแต่ก็ไม่ชัดเจน นอกจากนี้กู้ชีพบางคนยังได้ยินเพื่อน ๆ เขาคุยกันว่า "หรือแตงโมอาจจะติดเรือชาวบ้านกลับไปที่บ้านแล้ว" ก่อนที่ทั้งหมดจะปล่อยให้กู้ชีพยืนงง ๆ ว่าสุดท้ายเจอตัวแล้วหรือจมน้ำกันแน่ ทีมงานก็เลยลำบากใจ
อย่างไรก็ตาม ตนยอมรับว่าไม่ได้โกรธ แต่แค่น้อยใจบางคำพูดที่พูดออกมาแล้วมันทำให้กระทบจิตใจของคนทำงาน เพระาอาสามีเจตนาที่ดีและตั้งใจจะเข้าไปช่วยเหลือ ทั้งยอมอดหลับอดนอน แต่สุดท้ายสิ่งตอบแทนกลับโดนคำพูดของคนบางคนบั่นทอนจิตใจ โชคดีที่สื่อช่วยกันเสนอความจริง ทำให้ลดกระแสดราม่าของกู้ภัยลงไปได้ ตนจึงอยากจะฝากให้อีกฝ่ายคิดก่อนพูด และเวลาใช้เรือหรือสัญจรทางน้ำ สิ่งสำคัญที่สุดคือเสื้อชูชีพ เพราะเป็นสิ่งสำคัญช่วยให้รอดชีวิตได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- กระติก เพื่อนสนิท แตงโม นิดา เผยไทม์ไลน์บนเรือครั้งแรก
- เพื่อนโชว์หลักฐาน ละเอียดยิบ ไม่มีการหลอกไปเป็นเด็กเอ็น แตงโม รับรู้และเลือกวันไปเอง
- ตร.เตรียมเรียกสอบ โบ TK - ฮิปโป เพื่อนสนิทแตงโม โผล่อู่คุยก๊วนสปีดโบ๊ต
