กรณีพนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งเบญจา รับแจ้งเหตุหญิงสูงวัยถูกทำร้ายเสียชีวิต ภายในบ้านพักหลังหนึ่ง หมู่ที่ 17 ต.สองพี่น้อง อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี จึงรุดไปตรวจสอบบริเวณกลางบ้าน พบศพของ น.ส.เกียว มะลิทอง อายุ 65 ปี เจ้าของบ้าน นอนหงายเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่บนพื้น
จากการตรวจสอบ สภาพศพเริ่มบวมอืด มีเลือดไหลออกทางจมูก พบบาดแผลคล้ายถูกของแข็งที่บริเวณศีรษะ แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นบาดแผลที่ถูกทำร้ายจากอาวุธ คาดเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3-4 วัน นอกจากนี้ ยังพบว่านายมานะ แซ่เฮ้ง อายุ 36 ปี ลูกพี่ลูกน้องกับผู้ตาย นั่งอยู่ในโรงจอดรถด้วยอาการคล้ายคนเบลอ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้สอบสวน ก่อนนายมานะ จะรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุทำร้ายพี่สาวจนเสียชีวิต
ล่าสุดวันที่ 24 มี.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ในพื้นที่ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี พบเป็นบ้านปูนชั้นเดียว หน้าบ้านมีเสื้อผ้าและข้าวของวางอยู่กระจัดกระจาย ข้างบ้านเป็นโรงรถมีเปลนอน และผ้าห่มตกอยู่ที่พื้น สอบถามเพื่อนบ้านจึงทราบว่า ช่วงเกิดเหตุไม่ได้ยินเสียงทะเลาะกัน แต่สังเกตว่าช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา นายมานะ มักจะนอนที่เปลข้างบ้าน ไม่เข้าไปนอนในบ้าน และไม่พบเห็นนางเกียว ออกมานอกบ้าน แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปถาม เพราะนายมานะ มักจะมีอาการคลั่งเนื่องจากติดยาเสพติด ซึ่งก่อนจะพบศพ 1-2 วัน นายมานะ ก็ยังนำข้าวของออกมาปาทิ้งหน้าบ้านอีกด้วย
จากนั้นทีมข่าวเดินทางไปที่วัดเนินดินแดง อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ซึ่งญาติรับศพ น.ส.เกียว มะลิทอง มาตั้งบำเพ็ญกุศล สอบถามนายบอย (นามสมมติ) น้องชายผู้ตาย และเป็นพี่ชายนายมานะ เล่าให้ฟังว่า ปกติแล้วบ้านหลังเกิดเหตุ น.ส.เกียว อาศัยอยู่กับนายมานะ แค่ 2 คน ส่วนตนทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ และจะกลับมาเยี่ยมบ้านเดือนละ 2 ครั้ง
เมื่อวานนี้ (23 มี.ค.65) ช่วงบ่าย ๆ ตนโทรศัพท์มาหานายมานะ เพื่อสอบถามความเป็นอยู่ตามปกติ จู่ ๆ นายมานะ ก็บอกว่าน.ส.เกียว ตายแล้ว แต่ไม่ได้บอกสาเหตุ ตนก็รับโทรศัพท์ไปหาผู้ใหญ่บ้านให้เข้ามาดูที่เกิดเหตุทันที ซึ่งผู้ใหญ่บ้านก็โทรศัพท์กลับมาบอกว่า น.ส.เกียว ตายแล้วจริง ๆ โดยมีนายมานะ เป็นผู้ก่อเหตุ ซึ่งในวันนี้ตนก็ได้เข้าฟังการสอบสวนนายมานะ ในฐานะญาติ เขาอ้างว่ามีปากเสียงกับน.ส.เกียว ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 65 และพลั้งมือทำร้ายก่อนจะผลักอีกฝ่ายจนล้มได้รับบาดเจ็บ แต่ตอนนั้นน.ส.เกียว ยังไม่ตาย นายมานะ ก็คอยดูแลหาข้าวปลาให้
กระทั่งวันที่ 20 มีนาคม 65 น.ส.เกียว เริ่มแข็ง แต่นายมานะ ก็ไม่รู้ว่าเสียชีวิตแล้ว เขาอ้างว่าสาเหตุที่ไม่โทรศัพท์บอกตนตั้งแต่แรก เพราะทำอะไรไม่ถูก ตนก็เชื่อว่าเขาพลั้งมือทำร้ายพี่สาวจนเสียชีวิต และไม่ได้ตั้งใจฆ่า เนื่องจาก 2 คนนี้มักจะมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง น.ส.เกียว ก็มีอาการบกพร่องทางสติปัญญา ทำให้นายมานะไม่พอใจ ส่วนนายมานะ เคยติดยาเสพติดและเข้ารับการบำบัด เมื่อออกมาจากสถานบำบัดอาการก็ดีขึ้น แต่ตนไม่มั่นใจว่ากลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกหรือไม่
"ตอนนี้ทำอะไรไม่ถูก เพราะพี่สาวก็เสียชีวิต ส่วนเรื่องคดีความ ผมก็ขอปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย ส่วนที่สภ.ทุ่งเบญจา เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวนายมานะเข้าห้องสอบสวน เขาตอบสั้น ๆ ว่า ไม่รู้ จำไม่ได้ พนักงานสอบสวน เลยแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย" นายบอย กล่าว
นายอาคม บุญสง่า ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (23 มี.ค.) เวลา 13.00 น. นายบอย พี่ชายของนายมานะ ซึ่งอยู่กรุงเทพฯ โทรศัพท์มาแจ้งว่า น.ส.เกียว เสียชีวิตแล้ว วานให้ตนช่วยเข้าไปดู จึงเข้ามาเปิดบ้านดู พบว่าเป็นศพจริงอยู่กลางบ้าน สภาพขึ้นอืด มีเลือดเต็มพื้น ส่วนนายมานะ นั่งอยู่ที่เปลข้างบ้าน สอบถามอ้างว่าเป็นคนผลัก น.ส.เกียว จนศีรษะกระแทกขอบประตู แต่น.ส.เกียว ยังไม่ตาย สามารถคลานอยู่ในบ้านได้ จึงคอยดูแลหาข้าวปลาให้กิน ก่อนจะเสียชีวิตกลายเป็นศพดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม น.ส.เกียว มีความพิการทางสติปัญญา แต่สามารถพูดคุยได้ ส่วนนายมานะ ติดยาเสพติด และชอบทำร้ายน.ส.เกียว ครั้งล่าสุดเมื่อช่วงต้นปี 2564 นายมานะ ทุบตีน.ส.เกียว จนกะโหลกยุบ ตนต้องพาเข้าแจ้งความ กระทั่งนายมานะถูกส่งไปบำบัด และเพิ่งกลับมาอยู่ที่บ้าน 5-6 เดือน ก็ก่อเหตุคล้าย ๆ กันขึ้นอีก ส่วนตนมองว่าสาเหตุเกิดจากนายมานะหลอนยาเสพติด
