แม่ค้ารถพุ่มพวงที่โคราชเดือดร้อนหนัก หลังราคาก๊าซและน้ำมันแพง บ่นอุบตั้งแต่ทำอาชีพนี้มาไม่เคยเจอของแพงแบบนี้มาก่อน ขายของแทบไม่ได้กำไร วอนรัฐแก้ปัญหาด่วน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้สินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ พาเหรดขึ้นราคาตามไปด้วย อันเนื่องจากมีต้นทุนราคาค่าขนส่งที่แพงขึ้น ขณะเดียวกันประชาชนที่ประกอบอาชีพต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้รถยนต์วิ่ง เช่น พ่อค้าแม่ค้าอาชีพรถพุ่มพวง ที่ต้องใช้รถยนต์วิ่งเร่ขายของไปตามชุมชน หมู่บ้าน ตรอก ซอก ซอย เพื่อบริการลูกค้าถึงหน้าบ้าน ก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากราคาน้ำมันที่แพงขึ้น หลายคนจึงต้องพยายามปรับตัวด้วยวิธีต่างๆ เพื่อความอยู่รอด
นางอุทัย ชมพูทีป อายุ 47 ปี แม่ค้ารถพุ่มพวงรายหนึ่งในอำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีอาชีพรถเร่ขายกับข้าว (รถพุ่มพวง) มานานกว่า 13 ปี เปิดเผยว่า ปกติจะเร่ขายสินค้าจำพวกกับข้าวเนื้อสด ปลาสด ผัก ผลไม้ ตามหมู่บ้าน ในช่วงเย็น ตั้งแต่ทำอาชีพนี้มาไม่เคยเจอปัญหาของแพงและน้ำมันแพงเท่านี้มาก่อน แถมล่าสุดราคาก๊าซหุงต้มปรับขึ้นอีก เมื่อก่อนจะขึ้นราคาแค่บางอย่าง ไม่ได้ขึ้นพร้อมๆ กัน แต่ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นราคาหมด ทำให้ต้องประสบกับปัญหาต้นทุนค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ตนเองต้องลงทุนซื้อสินค้าครั้งละ 20,000 บาท มาตุนเอาไว้จำนวนมากๆ เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ เพราะหากซื้อสินค้ามาขายน้อย ลูกค้าก็จะไม่มีตัวเลือก ทำให้ไม่อยากมาซื้อสินค้า
ส่วนราคาขาย ต้องขายในราคาเท่าเดิมแต่ลดปริมาณลงเป็นบางอย่าง ลูกค้าก็ไม่มีกำลังทรัพย์มาซื้อสินค้าเหมือนในอดีต ทำให้ลูกค้าประจำหายหน้าไปหลายรายแล้ว ส่วนบางรายที่ยังมาอุดหนุนอยู่ เคยซื้อครั้งละ 200-300 บาท ก็ซื้อลดลงไปกว่าครึ่ง เหลือเพียงครั้งละ 100 บาทเท่านั้น ทำรายได้ลดลงไปกว่าเดิมมาก ตอนนี้ลงทุน 20,000 บาท ได้กำไรเพียงแค่ 1,000 บาท หักค่าน้ำมันแล้ว แทบไม่เหลือกำไร อีกทั้งสินค้าก็เหลืออยู่เป็นจำนวนมาก ต้องตระเวนขายของนานขึ้น จากเดิมเติมน้ำมันวันละ 500 บาท ปัจจุบันนี้ต้องเติมวันละ 1,000 บาท เท่ากับว่ารายได้ลดลงแต่ต้องเสียค่าน้ำมันเพิ่มเท่าตัว จึงอยากวิงวอนให้ภาครัฐได้เห็นใจ เร่งแก้ไขปัญหาปากท้องให้กับประชาชนโดยเร็ว
เมื่อสอบถาม นางรำไพ แชมเบอร์เลน อายุ 49 ปี ชาวชาวบ้านรายหนึ่ง ที่มาซื้อสินค้าจากรถพุ่มพวง บอกว่า คนเราต้องกินต้องใช้ทุกวัน สินค้าราคาแพงขึ้นแค่ไหน แต่ก็ยังจำเป็นต้องซื้อต้องใช้ แม้ว่าตนเองจะพยายามประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนแล้ว แต่อาหารการกินเป็นเรื่องจำเป็นที่ขาดไม่ได้ ก็ต้องซื้อต้องจ่ายกันทุกวันเหมือนเดิม แต่อาศัยบางวันก็ต้องลดปริมาณการซื้อลงบ้าง จึงอยากให้ทางภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหาข้าวของแพงด้วย