“วุฒิสภา” ตั้ง กมธ.ศึกษาทำประชามติแก้ รธน. พร้อมเลือกตั้ง "วันชัย" เตือน ดึงเกมเตรียมตกเป็นจำเลยสังคม "กิตติศักดิ์" ค้านมีผลเสียมากกว่า
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 21 พ.ย. ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภาที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา (ส.ว.) ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติด่วนของสภาผู้แทนราษฎร ที่ขอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทำประชามติสอบถามความเห็นประชาชน ต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับในวันเดียวกันกับวันเลือกตั้งส.ส. ตามที่พรรคก้าวไกลเสนอ
โดยมีในการประชุมดังกล่าวมี ส.ว.อภิปรายทั้งเห็นด้วย และคัดค้านญัตติดังกล่าว สำหรับ ส.ว.ที่เห็นด้วย อาทิ นายมณเทียณ บญตัน ส.ว. อภิปรายว่า ในยามใดที่มีความขัดแย้งสูง การยกร่างรัฐธรรมนูญอาจจะเป็นตัวกระตุ้น ทำให้ประชาชนที่เห็นต่างหันมาเผชิญหน้าโดยไม่จำเป็น ดังนั้นควรลดความตึงเครียดทางการเมือง แก้โดยคำนึงถึงความพอดี ไม่ให้รัฐธรรมนูญอายุสั้น
ขณะที่นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. อภิปรายว่า ถ้าครม.ทำตามที่รัฐสภาเสนอ กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องใช้เวลาไม่น้อย 5-6 เดือน กว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้ รัฐบาลชุดนี้จะหมดวาระในเดือน มี.ค. 66 แม้เราจะมีมติเห็นชอบวันนี้ ก็ไม่ทันต่อการตัดสินใจของ ครม.ชุดนี้ ต่อให้มีรัฐบาลรักษาการณ์ก็คงไม่มีใครเอาเรื่องใหญ่มาตัดสินใจ หากประวิงให้ล่าช้าจะเสียโอกาส ยิ่งเสียไปกันใหญ่ ตอนแก้รัฐธรรมนูญ เราก็บอกว่าแก้ไม่ได้ต้องไปทำประชามติ พอศาลรัฐธรรมนูญบอกให้ทำประชามติ แล้วเขาเสนอให้ทำประชามติ หากคัดค้านส.ว.จะกลายเป็นจำเลยสังคม
นายวันชัย อภิปรายว่า ส.ว.ชุดเราจะหมดวาระเดือน พ.ค. 67 แต่ถ้านับหลังเลือกตั้ง ส.ส.ในเดือน พ.ค.66 เราจะเหลือเพียง 1 ปี ถ้าไม่ร่วมไม้ร่วมมือกัน ไม่มีทางแก้เสร็จทันสมัย ส.ว.ชุดนี้ อีกทั้ง ส.ว.ชุดนี้ ยังมีสิทธิ์โหวตนายกฯ ภายใน 1 ปี เมื่อเรามีสิทธิ์ มีโอกาสร่วมแก้ไข และผลักดัน จะทำให้การแก้รัฐธรรมนูญอยู่มือของพวกเรา เราจะมีอำนาจต่อรอง และมีอำนาจเสนอประเด็นต่างๆ ที่เราต้องการ ต้องยอมรับว่ารัฐธรรมนูญ 2560 ในที่สุดต้องถูกแก้แน่นอนดูจากเสียงของ ส.ส.ทั้งหมดแล้ว เขาตั้งธงแก้ทั้งฉบับชัดเจน เพียงแต่จะแก้ในยุค ส.ว.ชุดเรา หรือ ส.ว.ชุดหน้า หากปี 67 หมดยุคเรา เราก็จะได้แต่นั่งตาปริบๆ เพราะยังไม่มีการแก้รัฐธรรมนูญจะด้วยเหตุผลกลใด หรือการดึงเกม เราจึงไม่ควรคัดค้านการแก้ไข และควรเร่งให้เกิดการแก้ไข
ด้านนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว. อภิปรายว่า ตนไม่เห็นเหตุผลกับการขัดขวางการตัดสินใจโดยตรงเบื้องต้นของประชาชน และเป็นการปฏิบัติตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 64 พวกเราเคารพประชามติมาตลอด เราชื่นชมรัฐธรรมนูญ 2560 ว่ามาจาก 16 ล้านเสียง จึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่เคารพการทำประชามติอีกครั้ง ถ้าเลือกได้อยากให้เป็นการแก้ไขรายมาตรา แต่นี่ใจเขาใจเรา ส.ส.มีความเห็นมาแบบนี้ การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับไม่ใช่ของใหม่ในประเทศ จึงไม่เห็นเหตุผลอะไรที่จะไม่สนับสนุนหรือ คัดค้านประชาชน
ขณะที่ ส.ว.อภิปรายคัดค้านญัตติดังกล่าว อาทิ นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. กล่าวว่า ยืนยันว่ารัฐธรรมนูญทุกฉบับไม่มีฉบับไหนดี 100 % แต่ไม่เห็นด้วยที่จะไปทำประชามติในวันเดียวกับการเลือกตั้ง ผลเสียมากกว่าผลดี ทำวันเดียวกันประชาชนอาจจะสับสน เป็นข้ออ้างของบางพรรคใดพรรคหนึ่งที่จะใช้ในการหาเสียง หากหารือกันแล้วพร้อมที่จะแก้ ตนมองว่ามีอยู่ 2 ทางเลือกคือ ทำประชามติก่อนการเลือกตั้ง หรือทำมติหลังการเลือกตั้ง แต่ตนมองว่าน่าจะเกิดหลังการเลือกตั้ง ให้รัฐบาลชุดต่อไปมีหน้าที่แก้รัฐธรรมนูญ เมื่อแก้ไขเสร็จคาดว่าจะใช้เวลา 2 ปี และจัดการยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่ด้วยรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าทำมติก่อนการเลือกตั้งคิดว่าเวลาที่เหลือไม่น่าพอ เหตุผลที่ว่าประหยัดงบประมาณ ไม่น่าใช่ จัดทำประชามติเป็นการลงทุนในระบอบประธิปไตย จะเสียเงินเท่าไหร่ก็ถือว่าคุ้มค่า ถ้าเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง
ส่วนนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. อภิปรายว่า ตนไม่ค่อยเห็นด้วยกับเหตุผลที่ท่านเสนอเท่าไหร่ แต่ก็ยอมรับว่ารัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่ควรมีการแก้ไข ซึ่งมีเรื่องสำคัญหลายเรื่องที่ต้องทำใหม่ เช่น ประเด็นการบัญญัติว่านายกฯต้องมีวาระ 8 ปี ทำให้เกิดวิกฤตความเป็นผู้นำประเทศ ตนไม่ได้พูดถึงตัวนายกฯปัจจุบัน แต่ถ้ารัฐธรรมนูญเขียนไว้แบบนี้ หากบ้านเมืองไปเจอคนดีมีความรู้ความสามารถสร้างความเจริญให้ประเทศได้ เขาจะถูกจำกัดด้วยระยะเวลา 8 ปี ถ้ามีคนดี 8 ปีก็ไม่จำเป็น ตนยังมีความกังวลในเนื้อหาบางส่วน ซึ่งญัตติที่เสนอมา เราต้องให้ ส.ว.ยืนอยู่บนความชอบธรรมในหลักการ
ต่อมาเวลา 12.10 น. การอภิปรายของ ส.ว.ผ่านไปเกือบ 3 ชั่วโมง นายสมชาย แสวงการ ส.ว. เสนอญัตติให้ที่ประชุมตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญพิจารณากรณีสภาฯ มีมติส่งเรื่องที่มีเหตุสมควรจะให้มีการออกเสียงประชามติให้ครม.ดำเนินการมายังวุฒิสภา ตามข้อบังคับข้อที่ 77 เพื่อให้ ส.ว.ศึกษารายละเอียดแล้วนำข้อมูลมาพิจารณาว่าจะโหวตเห็นด้วยกับญัตติหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องสำคัญต่อประเทศชาติ ทำให้นายกิตติศักดิ์เห็นด้วยที่ตั้งกมธ. เพราะจะใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงโหวตไปก่อนคงไม่เหมาะสม และไม่เป็นที่ข้อครหาว่า นักการเมืองจะเอาข้อได้เปรียบเหล่านี้ไปขยำปนเปในการหาเสียงเลือกตั้งที่จะมีเร็วๆ นี้ ตนคิดว่าการตั้ง กมธ.เหมาะสม
ด้านนายเฉลิมชัย เฟื่องคอน ส.ว. คัดค้านญัตติขอตั้งกมธ.ของนายสมชาย ระบุว่า ตนมาอยู่ที่นี่ 3 ปี กว่า ทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมนี้ รู้อะไรทะลุปรุโปร่งหมดแล้วรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ไม่เห็นเหตุผลใดที่จะต้องไปศึกษา ศึกษาก็คือยื้อรัฐธรรมนูญ ยื้อประชามติ ถ้าท่านยื้อแบบนี้นะ ไอ้โครงการ ส.ว.พบประชาชน พี่น้องประชาชนทั่วประเทศฟังไว้ คราวต่อไปถ้าโครงการ ส.ว.พบประชาชน ท่านก็ลองถามคนที่ลงไปว่า แล้ววันนี้ตั้งทำไม ไปยื้อทำไม ตนว่า ส.ว.เขารู้กันหมดแล้ว รัฐธรรมนูญ 279 มาตราฉบับนี้ ไม่ต้องไปศึกษาให้เสียเวลาเปล่าๆ ไม่ต้องไปศึกษาแล้ว
จากนั้นเวลา 12.30 น. พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานส.ว.คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุมได้ขอมติที่ประชุม ส.ว.ว่าจะเห็นด้วยกับการตั้ง กมธ.สามัญศึกษาฯหรือไม่ ผลปรากฎว่า ที่ประชุม ส.ว.เห็นชอบกับญัตติดังกล่าวด้วยคะแนน 151 ต่อ 26 เสียง งดออกเสียง 15 เสียง โดยคณะกมธ.สามัญฯคณะนี้ มีจำนวน 26 คน และใช้เวลาพิจารณา 30 วัน