“จ้าว เหว่ย” ถามหาหลักฐานโยงทุนจีนสีเทา-ยาเสพติด” เชิญ “ชูวิทย์” เยือน “คิงส์โรมัน” จูนความคิดใหม่ ย้ำไม่รู้จัก “ตู้ห่าว“ ซัดสหรัฐฯเบื้องหลังวาดภาพปีศาจ
สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน นำโดย พล.อ.อุทัย ชินวัตร อุปนายกฯ นายไพศาล พืชมงคล เลขาธิการสมาคม ฯ และคณะ เยือนพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ตรงข้าม อ. เชียงแสน จ. เชียงราย พร้อมพบพูดคุยกับ นายจ้าว เหว่ย ประธานเขตเศรษฐกิจพิเศษ ผู้ก่อตั้งอาณาจักรกาสิโน “คิงส์โรมัน” ที่ถูกนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองออกมาระบุว่ามีความเกี่ยวโยงกับ 5 เสือกลุ่มจีนสีเทา
นายจ้าว เหว่ย ในวัย 71 ให้สัมภาษณ์เป็นภาษาจีน ถึงกรณีถูกโยงเข้ากับกลุ่ม 5 เสือทุนสีเทาว่า ไม่กระทบต่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมทองคำ เพราะยืนยันว่าตนเองไม่ได้รู้จักทั้ง 5 คน เพราะเป็นคนต่างยุคต่างสมัย จึงไม่สามารถรู้ว่าเขาคิดอย่างไร แต่ดูจากการกระทำที่ออกมาแล้ว ตนไม่เห็นด้วย แต่ไม่ไปก้าวก่าย ถ้าเขาทำผิดกฎหมายในไทยแล้ว ไทยก็ควรปราบปรามเขาโดยกฎหมายของไทย ซึ่งคนจีนส่วนใหญ่ก็รู้ว่าสิ่งไหนถูกสิ่งไหนผิด แต่ผลกระทบคือข่าวที่ออกมาในทำนองกล่าวหาชาติพันธุ์หนึ่งในทางลบ เป็นการเหมารวมเกินไป หรือแม้กระทั่งการพาดพิงถึงตน ทั้งที่ไม่เป็นความจริง เป็นการกล่าวหากันลอยๆ ซึ่งผิดทั้งกฎหมาย และศีลธรรม
นายจ้าว เหว่ย กล่าวด้วยว่า ตนยังคงเดินหน้าต่อไปในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจฯ โดยยึดหลักความจริง ไม่ให้เสียงภายนอกมากระทบ ต่อจากนี้ก็จะให้คนไทยรู้จักตนมากขึ้น เพื่อนำไปสู่ความร่วมมือพัฒนาด้วยกัน และใช้ความมุ่งมั่นชี้แจงความจริงต่อไป อย่างไรตามเชื่อว่า การโยงนายชัยณัฐร์กรณ์ ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว นักธุรกิจชาวจีน กับตนเอง ส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจ จีน- สหรัฐฯ ที่ผ่านมาสหรัฐฯ ก็สร้างภาพให้ตนเป็นปีศาจอยู่แล้ว โดยอ้างสิทธิในการที่จะกล่าวหาอะไรก็ได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในไทย ตนเชื่อว่าสามารถแก้ไขด้วยกฎหมาย ใครทำผิดก็ลงโทษคนนั้น แต่ไม่ควรพาดพึงถึงคนจีนคนอื่นด้วย
“เขาซื้อที่ดิน คอนโด หรือบ้าน เป็นเรื่องทางธุรกิจ การหมุนเวียนของเงินที่นี่ก็ตรวจสอบได้ และคนจีนที่มีฐานะร่ำรวย เพราะเขาขยันหมั่นเพียร ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาตรงไหนก็ไปแก้ตรงนั้น อย่ามาพาดพิง และทำไมต้องมากล่าวหาว่า จ้าว เหว่ย เป็นตัวบงการใหญ่ของกลุ่มจีนสีเทา หรือมีอิทธิพลด้านมืด ซึ่งในประเทศจีนถ้าเจอก็ต้องปราบอยู่แล้ว เพราะในสังคมจีนต่อต้านเรื่องพวกนี้มาก” นายจ้าว เหว่ย กล่าว
เมื่อถามว่า อยากให้อธิบายคำว่าแค้น นายชูวิทย์ นายจ้าว เหว่ย กล่าวว่า คงไม่ใช่แค้นขนาดนั้น แต่รู้สึกเบื่อหน่ายกับการกระทำอย่างนี้ จนไม่อยากไปสนใจ และมองว่าเป็นการกระทำที่น่าละอาย ตนไม่ทราบจุดประสงค์ของเขาว่าทำเพื่ออะไร อยากให้ทบทวนในสิ่งที่ทำ และขอให้พูดความจริง เพราะส่วนตัวแล้วมองคนไทยในแง่บวก และยินดีที่จะต้อนรับคนไทยทุกคน
เมื่อถามว่า จะเชิญนายชูวิทย์ มาดูที่นี่ให้เห็นกับตาตัวเองหรือไม่ นายจ้าว เหว่ย กล่าวว่า ยินดีต้อนรับมาก อยากใช้ความจริงให้เขาเข้าใจในส่วนนี้ ให้เขาปรับทัศนคติ และมีหลักการที่ถูกต้อง กับการใช้ความจริงมองคนชาติพันธุ์จีนว่าเป็นคนอย่างไร อย่ามองภาพชาติพันธุ์หนึ่งให้เป็นภาพเดียวกันหมด ฝากถึงการกระทำแบบนี้ว่ามันเป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างจีน-ไทย ทั้งที่เราได้สร้างร่วมกันมาอย่างดี ไทยไม่เคยมีเหตุการณ์กดขี่คนจีนเกิดขึ้นในสังคมไทย จึงเป็นเหตุผลที่ว่าคนไทยและคนจีน เวลามีอะไรเราสามารถพูดคุยร่วมกันได้ เรามีหัวข้อเดียวกัน มีหัวอกเดียวกัน มีความสัมพันธ์สนิทสนมกัน การสร้างภาพพจน์ที่ไม่ดีต่อชาติพันธุ์ การกล่าวหาทำลายแบบนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-ไทย เกิดการแตกร้าวขึ้นมาได้ การที่จะตำหนิ หรือออกความคิดเห็น มันต้องเป็นความจริงเท่านั้น และให้อีกฝ่ายยอมรับ เพื่อพร้อมปรับปรุงแก้ไข แต่หากเป็นการสร้างกระแส หรือสร้างเรื่องขึ้นมา มันเป็นอะไรที่ไม่สมควร และไม่ถูกต้อง เพราะมันไม่ใช่ความจริง ถ้าไม่ใช่ความจริงหรือไม่ใช่ความคิดที่โปร่งใส มันจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเราเปลี่ยนแปลงไป มันจะไม่เหมือนเดิม
“จากใจจริงเลย อยากเชิญชวนนายชูวิทย์มาที่คิงส์โรมันนี้ มาดูความจริงและพูดความจริง ลองเยี่ยมชมดู คนเราถ้าทำผิดเป็นปีศาจร้ายเลย แต่แค่หากกลับใจ วางมีดในมือลง เรายินดีที่จะให้อภัยได้เสมอ แต่อาจจะมีความประสงค์จากด้านไหน หรืออะไรที่ทำให้นายชูวิทย์คิดผิดเพี้ยนไป ก็อยากให้เขาลองมองใหม่” นายจ้าว เหว่ย กล่าว
เมื่อถามว่า มีข่าวลือในไทยว่าที่นี่สามารถนำยาเสพติดมาใช้หนี้พนันได้ หากไม่มีเงิน นายจ้าว เหว่ย กล่าวว่า ที่กล่าวหาคิงส์โรมันเป็นผู้ร้าย ทำสิ่งใดร้ายๆ มีหลักฐานหรือไม่ และคนที่ให้ร้ายมีวัตถุประสงค์อะไร ยืนยันว่าที่นี่ต่อต้านยาเสพติด มีมาตรการเข้มงวดในการตรวจปัสสาวะพนักงานเจ้าหน้าที่ แม้แต่ตนเองก็ต้องตรวจ และหากพบว่ามีปริมาณมากเกิน 10 เม็ด จากผู้เสพ ก็จะกลายเป็นผู้ค้า ซึ่งโทษหนักหากเป็นแรงงานต่างด้าวก็ส่งกลับทันที
“กล่าวหาผมว่าเลวร้ายมีหลักฐานไหมว่าเลวร้ายอย่างไร ผมยืนยันว่าผมเป็นคนดีและมีหลักฐานให้เห็นว่าทำสิ่งดีๆ อะไรที่เป็นรูปธรรมแล้วบ้าง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ผมไม่สามารถควบคุมมันได้ แต่กลายเป็นว่าเกิดสิ่งที่ไม่ดี ก็จับโยนมาที่ผมหมด” นายจ้าว เหว่ย กล่าว