สาวดัมป์ขายบ้านถูกหนีฝูงพิราบป่วน สองป้าโปรยข้าวเลี้ยงแค่ทำบุญ (คลิป)

16 ธ.ค. 65

วันที่ 16 ธ.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้รับการร้องเรียนจาก “น.ส.กนกวรรณ โพธิ์นุ่ม” อายุ 29 ปี เจ้าของบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ภายในหมู่บ้านมิตรประชา ซอย 29 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าตอนนี้ได้รับความเดือดร้อนหนักมาก เพราะเพื่อนบ้านชอบนำอาหารมาโปรยให้ฝูงนกพิราบกินจนส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว อีกทั้งยังมีขนนกปลิวว่อนเข้าบ้านตนบ่อยครั้ง จนต้องติดป้ายประกาศขายบ้านในราคาถูก ๆ เหมือนได้เปล่า

990802

ทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านของ “น.ส.กนกวรรณ” เจ้าตัวส่งคลิปที่คู่กรณีให้อาหารนกบริเวณถนนภายในซอยข้างบ้าน ซึ่งติดกับบ้านคู่กรณีให้กับทีมข่าว พบว่าบุคคลที่คอยให้อาหารนกมีอยู่ 2 คนคือ “นางตุ๊ก” (สงวนนามสกุล) อายุ 70 ปี และ “นางส้ม” (นามสมมติ) ทั้งคู่อยู่บ้านติดกัน โดยคลิปชุดแรกจะเป็นช่วงต้นเดือน ธ.ค. 65 ซึ่งตอนนั้นตนเห็นเพียงแค่นกพิราบประมาณ 20 ตัว มารุมกินข้าวที่ถูกโปรยอยู่บนถนน แต่ยังไม่เห็นกับตาว่าใครเป็นคนโปรย

951887403382

จนกระทั่งวันที่ 15 ธ.ค. 65 ตนได้ยินเสียงเหมือนมีนกมารุมกินอะไรบางอย่างก็เลยออกมาดูปรากฎว่า ทั้ง “นางตุ๊ก” และ “นางส้ม” กำลังยืนโปรยข้าวสุกให้ฝูงนกพิราบประมาณ 20 คนอยู่ที่ถนนจึงถ่ายคลิปใว้เป็นหลักฐาน

345717

โดยวันนี้ “น.ส.กนกวรรณ” พาทีมข่าวไปดูที่ระเบียงหน้าต่างห้องนอนชั้น 3 กับช่องลมของห้องน้ำ พบว่าเต็มไปด้วยขี้นกและขนนกเกาะติดแทบทุกจุด ทั้งนี้เจ้าตัวยังบอกอีกว่าเดิมทีห้องนี้แม่เคยใช้นอน แต่ปัจจุบันไม่สามารถหลับนอนได้มาประมาณ 2 ปีแล้ว เพราะกลิ่นขี้นกแรงมาก แม่ต้องลงมานอนที่ชั้น 1 แทน

108432

“นางสาวกนกวรรณ” เล่าให้ทีมข่าวฟังว่าบ้านหลังนี้สร้างมาประมาณ 6 ปีได้แล้วในราคาประมาณ 3 ล้านบาท ตอนแรกอาศัยอยู่กับครอบครัวรวม 5 คน แต่เมื่อประมาณกลางปี 64 พ่อของตนเสียชีวิตทำให้ขาดเสาหลักของบ้านมีปัญหาทางการเงินก็เลยตัดสินใจประกาศขายบ้านหลังนี้เพื่อไปสร้างหลังใหม่ที่อื่น บวกกับตลอดระยะเวลา 5-6 ปี ที่ผ่านมาตนต้องประสบปัญหาเรื่องนกพิราบที่มาขี้ มาเกาะเต็มหลังคาและระเบียงบ้าน รวมถึงเรื่องขนนก กลิ่นเหม็น ซึ่งตนมองว่านกพิราบเป็นแหล่งเชื้อโรคขนานดี ไม่สามารถอยู่ด้วยกันกับคนได้จริง ๆ

นอกจากปัญหาสุขภาพกายแล้ว สิ่งที่ตนต้องเจอคือปัญหาสุขภาพจิต เพราะนกพิราบที่มาเกาะทั้งกลางวันกลางคืนสร้างความรำคาญให้ตนมาก นอนไม่หลับถึงหลับก็ไม่สนิทสักคืน ตนกับครอบครัวเคยพยายามตะโกนพูดให้เขาหยุดให้อาหารบ้างแล้วแต่ไม่เป็นผล ยังคงให้อาหารแบบที่เรียกว่า “รีฟิล” ก็ว่าได้ บางวันก็เป็นข้าวสารเกือบกระสอบมาวางกองไว้ตามถนน หมดเมื่อไหร่ก็ให้เพิ่มเมื่อนั้น ก็เลยอยากจะถามว่าจะให้ทนจนมีนกเพิ่มจาก 20 เป็น 100 ตัวก่อนหรือถึงจะหยุด

ทั้งนี้จริง ๆ แล้วตนก็เคยประสานไปยังเทศบาลนครปากเกร็ดให้เข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้แล้ว ซึ่งทางเทศบาลก็ติดต่อกลับมา แต่ยังไม่ระบุวันว่าจะเข้ามาวันไหน สำหรับราคาที่ตนตั้งใจจะขายบ้านหลังนี้พร้อมที่ดิน 39 ตารางวา ราคาอยู่ที่ 2.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่ขาดทุนมาก ๆ หากเทียบกับราคาขายปัจจุบันแต่ตนก็ต้องยอมแลกเพื่อทางออกที่ดีกว่า และตอนนี้ยังไม่มีใครติดต่อตกลงซื้อ มีเพียงแค่ขอเข้ามาดูเฉย ๆ ซึ่งตนก็ยังคงยืนยันว่าต่อให้คู่กรณีจะหยุดให้อาหารนกก็จะยังคงขายบ้านอยู่เพราะอย่างที่บอกว่านอกจากปัญหานี้แล้ว มันก็มีปัญหาภายในครอบครัวที่จำเป็นต้องขายและใช้เงิน

399517

ต่อมาทีมข่าวเดินทางไปสอบถาม “นางตุ๊ก” (สงวนนามสกล) อายุ 70 ปี เล่าว่าตนเองเพิ่งจะให้อาหารนกมาประมาณ 2-3 ปี ซึ่งอาหารที่ให้เป็นข้าวสุกที่เหลือมาจากวัด พอกินเหลือก็แบ่งเอามาโปรยให้นกกินต่อ เพราะตั้งแต่แรกมันมีนกพิราบบินมาเกาะอยู่บนหลังคาบ้านของบ้านผู้เสียหายอยู่แล้วแต่จำนวนไม่เยอะขนาดนี้ ยืนยันว่าตนเองไม่ได้ส่งเสียงเรียกนกให้มา ส่วนตัวเป็นคนชอบทำบุญตลอดจึงมองว่าการให้อาหารสัตว์เป็นเหมือนการทำทานอย่างหนึ่งก็เลยคอยโปรยให้มาเรื่อย ๆ และโปรยเฉพาะบริเวณถนนหน้าบ้าน ไม่เคยเอาไปวางบนหลังคาหรือที่บ้านคนอื่น จนนกมันพากันมาเกือบ 20 ตัว ตามที่เห็นในคลิป

เวลาให้อาหารก็จะให้แค่วันละครั้งคือช่วงบ่าย แต่ละครั้งที่นกพากันมากินก็ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที อาทิตย์นึงประมาณ 4-5 วัน โดยระหว่างที่นกกินตนก็จะคุยกับนกว่า “กินซะนะ กินแล้วก็ไป ขอให้ไปอยู่สุขสบาย ไปเข้ารัง ป้าให้ทานขอให้ป้ามีความสุข อย่าเจ็บอย่าไข้ อย่าป่วย” แล้วถ้ามีเหตุนกหรือไก่แย่งอาหารกันตนก็จะบอกว่า “อย่าตีกัน กินด้วยกัน” ซึ่งนกกับไก่ก็เหมือนจะรู้เรื่อง ดังนั้นเวลาตนให้อาหารตนไม่ได้ปล่อยปะละเลยแน่นอน

ส่วนเรื่องที่มีการไปร้องสื่อฯ นั้นที่ผ่านมา “น.ส.กนกวรรณ” กับครอบครัวไม่เคยมาบอกตนว่านกไปสร้างความรำคาญยังไงให้บ้าง ตนจึงไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ยอมรับว่ามันก็มีขี้นกขนนกมาอยู่ที่บ้านตนเหมือนกัน แต่ส่วนตัวไม่เคยได้กลิ่นเหม็นและยืนยันว่าจมูกตนยังปกติ

จนกระทั่งเมื่อวานที่ “น.ส.กนกวรรณ” พานักข่าวมาชี้บ้านตนแล้วบอกว่าเป็นคนให้อาหารนก ยอมรับว่าตอนนั้นโกรธมากก็เลยไม่ได้ออกมาชี้แจงตั้งแต่แรกวันนี้จึงถือโอกาสได้ชี้แจงกับสื่อฯ ว่าตนไม่ได้ตั้งใจจะเลี้ยงนกพิราบ แค่ให้เพราะอยากให้ทานเท่านั้น ที่สำคัญที่เจ้าของบ้านเขาบอกว่าต้องขายบ้านเพราะนกมาขี้ใส่บ้านนั้น ตนเองเชื่อว่าไม่ใช่ความผิดที่ตนเอาอาหารให้นกกินเพราะเจ้าของบ้านประกาศขายบ้านมาเป็น 10 ปีแล้ว เนื่องจากครอบครัวเขาประสบปัญหาทางธุรกิจ ทำให้มีปัญหาทางการเงินตามที่เขาเล่า ไม่ใช่เพิ่งมาประกาศขายเร็ว ๆ นี้

สุดท้ายถ้าถามว่า สามารถเปลี่ยนการให้ทานเป็นแบบอื่นได้ไหม เช่น ไปทำบุญที่วัด ไปให้อาหารสัตว์ที่วัดแทน เจ้าตัวบอกว่าอายุมากแล้วไปวัดไม่ไหวก็เลยจะขอทำทานแบบนี้ต่อ แต่รับปากว่าจะค่อย ๆ ปรับลดปริมาณการให้อาหาร นาน ๆ ให้ที เพราะตัวเองก็ไม่อยากมีปัญหากับใครเหมือนกัน

118224

ด้าน “นางส้ม” (นามสมมติ) วันนี้ก็ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนเอาข้าวสารข้าวเปลือกไปวางให้นกจริง แต่ไม่ได้วางบนถนนและไม่ได้เยอะเป็นกระสอบแค่ 1-2 กำมือ แล้วเอาไปใส่ภาชนะที่เตรียมไว้หน้าบ้าน เพื่อให้ไก่และนกที่ผ่านไปมาได้กินก็เท่านั้น ซึ่งเจ้าตัวได้พาทีมข่าวไปดูถังใส่ข้าวเปลือกในถังที่ซื้อมาเตรียมไว้ให้ไก่ ให้นก และสาธิตให้ดูว่าตัวเองกำเพียงแค่ 1 กำมือ แล้วเอาไปใส่ภาชนะหน้าบ้านจริง ๆ จากนั้นไก่กับนกก็มากินกันเอง

105538

ส่วนจากคลิปที่ “น.ส.กนกวรรณ” ส่งให้ทีมข่าวดูนั้น ก็ยอมรับเช่นกันว่าเป็นตัวเองแต่ยืนยันว่าไม่ได้เลี้ยงนกพวกนี้ เพียงแค่เห็นว่านกมันมากันเยอะก็เลยเอาไปโปรยให้ ไม่ได้เรียกมาและไม่ได้ให้ทุกวันด้วย แต่ในเมื่อวันนี้มันเกิดปัญหาขึ้นตนก็ขอยุติปัญหาต่อกันและกัน ด้วยการรับปากว่าจะไม่ให้อาหารนกบริเวณถนนอีก จะไม่มีภาพเหล่านั้นออกมาอีกแน่นอน แต่สำหรับข้าวเปลือกที่กำมาใส่ภาชนะให้ไก่นั้นก็ยังขอให้ต่อไปเพราะเอ็นดูและมีไก่แค่ 2 ตัวที่ชอบมาหากิน

356003

หลังจากนั้นประมาณเวลา 13.00 น.  “นางส้ม” ก็บอกกับทีมข่าวว่าตัวเองอยากเจรจาไกล่เกลี่ยกับ “น.ส.กนกวรรณ” เพื่อจบปัญหานี้ จึงทำให้ทั้งคู่ได้มาเผชิญหน้ากันโดย “นางส้ม” ยืนยันว่าน้อยครั้งที่ตนจะไปยืนโปรยอาหารตามถนนเพราะเห็นว่านกมันหิว แต่อย่างไรก็ตามขอรับปากว่าจะไม่ให้อาหารนกอีกและจะบอก “นางตุ๊ก” ให้ด้วย เพื่อที่จะได้ไม่ทะเลาะกันต่อไป เนื่องจากตนก็เห็น “น.ส.กนกวรรณ” มาตั้งแต่เด็ก อยู่บ้านติด ๆ กัน ซึ่งที่มีการไปร้องเรียนสื่อฯ ตัวเองก็ไม่ได้โกรธเคืองด้วย

ส่วน “น.ส.กนกวรรณ” ก็บอกว่า “ถ้าเลิกได้ก็เลิก ถ้าอยากให้ทานก็ไปที่วัด ปั่นจักรยานไปไม่เกิน 15 นาที และเชื่อว่านกหากินเองได้ เพราะถ้ามันหากินเองไม่ได้มันคงตายมาหลายตัวแล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งที่ยังขายบ้านไม่ได้เพราะเวลาคนมาดูบ้าน เขาเห็นขี้นนกเยอะและรู้ว่าคนในซอยให้อาหารบ่อย” แล้วสุดท้ายทั้งคู่ก็จบกันด้วยดี มีการยกมือไหว้กันก่อนจะแยกย้าย

396501

ทีมข่าวเดินทางย้อนกลับไปที่บ้านของ นายวีระศักดิ์ สุนทรจามร หรือ ลุงปุ้ยลุงนกพิราบ อายุ 66 ปี ที่บ้านเลี้ยงนกพิราบจำนวนมาก และเคยเป็นข่าวโด่งดังไปแล้วเมื่อปี 60 ที่ ซอยอุดมสุข แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กทม.

331705

พบว่าบ้านของลุงปุ๋ยยังมีสภาพทรุดโทรมข้าวของเต็มหน้าบ้าน ที่สำคัญคือยังพบกลุ่มนกพิราบจำนวนหนึ่งที่อาศัยเกาะอยู่ตามบ้านของลุงปุ๋ย ลุงปุ๋ยยังเทกระสอบให้ดู พบว่าเป็นอาหารที่หมดอายุแล้ว ที่เก็บตามถังขยะเพื่อนำมาผสมให้นกพิราบกิน

593473

นายวีระศักดิ์ หรือ ลุงปุ๋ย เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ตนเองเรียนรู้พิราบมานานกว่า 30 ปี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตนเองอยากให้สังคมมองว่าอยากให้รัฐจัดการปัญหาที่ต้นเหตุไม่ใช่ที่ปัจเจกบุคคล แต่อยากให้ไปดูปัญหาเรื่องของกฎหมายเกี่ยวกับการดูแลควบคุมบริมาณนกพิราบ จากต้นเหตุ 

วันนี้ยืนยันว่า ถึงแม้จะมีนกพิราบมาวนเวียนบริเวณบ้านตลอด 30 ปี แต่ตนเองก็ไม่ได้เป็นเจ้าของนกพิราบ เพียงแค่ให้อาหารเท่านั้น ทุกวันนี้ก็ยังให้อาหารนกพิราบประมาณ 400 ตัว วันละ 2 เวลา คือช่วง 10.00 น. และ 14.00 น. หลังจากนั้นช่วงเย็นนกพิราบก็จะไปอาศัยอยู่ตามรังตามปกติ นอกจากนี้ที่บ้านยังมีแมวอีก 12 ตัว 

ขณะที่ทุกวันนี้หลังจากที่เป็นข่าวไปเมื่อหลายปี ที่ผ่านมาตนเองถูกปรับเรื่องของพระราชบัญญัติสาธารณสุขไปแล้วจำนวน 5 ครั้ง ครั้งล่าสุดจำนวนเงิน 2,500 บาท หากได้อีก 8 ปีข้างหน้าตนเองถูกปรับอีกจำนวนเงินจะเพิ่มมากขึ้นอยู่ที่ประมาณ 25,000 บาท และถูกปรับเกี่ยวกับการทิ้งสิ่งปฏิกูล 1 ครั้ง ตนเองอยากจะฝากกับสังคมว่า ที่ตนเองเลี้ยงนกพิราบเพราะว่าตนเองสงสารและมีเมตตา ทุกวันนี้สังคมและประเทศชาติขาดความเมตตาธรรมกันเยอะจนทำให้สังคมเสื่อมโทรม ตนเองก็ยืนยันว่าจะให้อาหารนกพิราบต่อไปเรื่อย ๆ ส่วนเรื่องสุขภาพไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ได้เป็นอะไร เพราะปั่นจักรยานทุกวันสุขภาพยังแข็งแรงดี

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม