มูลนิธิ วิน วิน ประกาศยุติการค้นหา "น้องต่อ" พร้อมร่ายยาวถึงเหตุผล เบื้องหลังของการทำงาน คำสารภาพของ น. แม่เด็ก 8 เดือน
ความคืบหน้าคดี น้องต่อ วันที่ 1 มี.ค.66 เพจฯ มูลนิธิ วิน วิน เผยว่า มูลนิธิ วิน วิน ส่วนตัวคิดว่าคงจะยุติการค้นหาน้อง ต แล้ว
ทำไม ไม่ค้นหาต่อ หมดความพยายามแล้วเหรอ มาจะเล่าให้ฟัง
จากการหาน้อง ต ตั้งแต่วันแรกๆเกิดเหตุใหม่พวกเราก็ไปซักถามพ่อแม่น้อง ต ตามปกติเพื่อหาข้อมูลการหายตัวไป พ่อแม่ก็ไม่ค่อยให้ความสนใจในการตามหาลูกเลย คำตอบทุกครั้งที่ได้คือมีคนเอาลูกไป คนใส่เสื้อสีเหลืองเอาลูกไป จะยืนยันคำนี้ตลอด ใช้เวลาหลายวันพอสมควรจนพบว่าชายเสื้อเหลืองไม่มีจริง จึงมุ่งประเด็นการหายตัวไปจากการกระทำของพ่อแม่เด็กแทน
ไม่นานเท่าไหร่มีกระแสมีนาย ร ชายที่สติไม่ดีแต่คุยตอบโต้ได้บ้าง เล่าว่าเอาเด็กใส่ตะกร้าหน้ารถจักรยานไป เพราะไปหน้าบ้านที่น้อง ต อยู่แล้วเด็กมาเกาะขาเลยอุ้มไป หลงทางกันมาอีกหลายวันจนพบว่าสิ่งที่เล่ามาไม่มีจริงเลย เอ้า เสียเวลาไปไล่ตามเส้นทางที่บอกอีก
จนวันนึงมีการไปขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับเด็กหายเลย เป็นเรื่องไร้สาระมาก การค้นหาเป๋ออกทะเลไปคนนั้นคนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องอีกตามสอบตามหาข้อมูลจนวุ่นวาย
แม่เด็กถูกสอบสวนทุกวันจนวันนึงยอมรับสารภาพว่า ชายเสื้อเหลืองไม่มีจริง โอ้โหเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มากเหมือนทำงานนับ 1 ทุกวันเลย เริ่มต้นหาข้อมูกันใหม่อีกแล้วเหรอเพราะประเด็นคนนอกตัดทิ้งได้หมดเลย เหลือข้อมูลจริงอย่างเดียวคือจากปากแม่น้อง ต
อย่างที่เคยเขียนไปเราไม่รู้เลยตำรวจทำงานไปถึงไหนทุกอย่างปิดเป็นความลับหมด ไม่ได้ประสานงานทีมค้นหาเลย แม่เด็กก็ยืนยันคำเดียวไม่รู้ลูกหายไปไหน จนตำรวจเองก็ตันในการหาข้อมูลมาประกอบเพื่อเชื่อมโยง
ไม่ได้ละวิธีเดิมๆไม่ได้ผล จนมีวันนึงน้องหนึ่งติดต่อเข้ามาว่าจะมาช่วยเรื่องนี้กัน น้องหนึ่งเป็นหมอดูไพ่ยิปซีที่จะต้องใช้จิตวิทยาช่วยในการให้แม่น้อง ต ยอมเปิดใจเล่าเรื่องราว เราจึงนัดกันพบที่บ้านที่แม่เด็กอาศัยอยู่ ใช้การพูดคุยส่วนตัวท่ามการการมุงดูของชาวบ้านจน น ใกล้จะบอกความจริง พ่อ น ก็โวยวายหน้าบ้านให้ลูกไม่ต้องพูดอะไร ไม่เล่าอะไร จะหาหลานเอง พัง พังไม่เป็นท่าแผนนี้ แต่ได้ความร่วมมือบางอย่างที่ให้ น ไปจุดธูปบอกกล่าวขอให้หาน้อง ต ให้เจอที่จุดที่เราคาดว่าน่าจะนำร่างน้อง ต มาทิ้ง พร้องให้ น เรียกน้อง ต ให้กลับมาหาแม่
เอาใหม่เพราะเช้าวันรุ่งขึ้น น ต้องเอา จยย. ไปคืนให้กับบ้านของ พ ที่ถูกดำเนินคดีไปแล้วที่ สภ.บางหลวง มาคนเดียวไม่ได้พาพ่อมาด้วย วางแผนกันใหม่หลังจากคืน จยย. พวกเรารับ น ไปร้านกาแฟแห่งหนึ่ง มีหนึ่ง มีออย อาร์ม นักข่าวช่อง3 และอ้อร่วมในการพูดคุย น จะเป็นคนที่ระวังตัวมากจะไม่ยอมพูดด้วยเสียงกลัวการแอบอัดเสียง หนึ่งจึงใช้การจับมือกันโดยไม่ต้องใช้การคุยหลายคำถามมากนัก โดยมีคำถามหนึ่งที่ถามว่าถ้าน้องเสียแล้วแล้วแล้วแม่รู้เห็นให้บีบมือหนึ่ง แต่ถ้าไม่ได้ทำให้ปล่อยมือแล้วหนึ่งจะกลับทันที
ปรากฎว่า น บีบมือหนึ่งด้วยความแรงจนหนึ่งเจ็บมือถึง 3 ครั้ง พร้อมน้ำตาที่ไหลออกมา หนึ่งจึงหันมาแล้วพูดว่าพี่ออยเอาน้องไป นั่นหมายความ น ยอมบอกเรื่องสาเหตุการหายตัวไปของน้องแล้ว จึงเป็นหน้าที่ของออยจะต้องถาม น เราจึงพา น มาเก็บตัวที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง น พร้อมยินยอมให้ รอง ผบช.ภ.7 ท่านหนึ่งมาแบบส่วนตัวเข้าพบ เพื่อเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นการส่วนตัว
คืนวันนั้นพวกเราไม่ได้นอนเลยคิดไปต่างๆ นานา จะหนีมั๊ย จะกลับคำมั๊ย เพราะตอนเช้าต้องพา น ไปให้การกับพนักงานสอบสวน ดีที่สืบสวน ภ.จว นครปฐม ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมานั่งในรถเฝ้าที่หน้าห้องจนเช้า เช้ามาราบรื่นดีพาพบพนักงานสอบสวนส่งฝากขังที่ศาลเด็กเรียบร้อย
คืนนั้นเราได้ให้ น เขียนแผนที่จุดที่ทิ้งน้อง ต ตรงกับจุดที่เราเคยพา น ไปไหว้นั่นแหละ ตำรวจจึงปูพรมหาในคลองท่ออีกรอบแบบชุดใหญ่แต่ก็ยังไม่พบร่างน้อง ต จนวันนี้จะด้วยเวลาที่นานถึง 20 กว่าวันแล้วกระแสน้ำ ตัวเงินตัวทอง และสัตว์อื่นๆเป็นตัวแปรทั้งนั้น
วันนี้คงไปวันสุดท้ายแล้วที่พวกเราจะค้นหา เพราะด้วยเวลา เกรงใจนักประดาน้ำ เกรงใจเจ้าของรถแบ็คโฮ ที่ไม่ได้คิดค่าใช้จ่ายในการค้นหาน้องเลย เกรงใจชาวบ้าน
ขอบขอบคุณทุกท่านที่เอ่ยนามไม่หมดจริงๆ ทั้งอาจารย์เจ ที่อยู่ในทีมค้นหา น้องหนึ่ง ทีมจิตวิทยา สารวัตรแป๊ะ เจ้าของรถแบ็คโฮ ผู้ใหญ่ประกอบ และอีกนับ 100 คนที่เอ่ยชื่อไม่หมด ขอขอบคุณจากใจครับ