พี่ชายร้องทนาย หวั่นคดีน้องไม่คืบหลังถูกหมอศัลยกรรมชนเสียชีวิต เนื่องจากคู่กรณีมีญาติเป็นตำรวจ และมีญาติทำงานอยู่ในกระทรวงธารณสุข
เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2566 ที่สำนักงานทนายความคู่ใจ ถ.แจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายเอกรัฐ ปรีจินดา อายุ 39 ปี (พี่ชายผู้เสียชีวิต) นำหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดวันที่เกิดเหตุเดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับนายรณณรงค์ แก้วเพชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ให้ช่วยเหลือหลัง หมอศัลยกรรม ซึ่งขับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่น อัลติส สีขาว เฉี่ยวชนท้ายรถจักรยานยนต์ของนายวิทยา ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลตรัง เกรงว่าคดีไม่คืบหน้าเนื่องจากน้องชายของคู่กรณี เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมีญาติทำงานอยู่ในกระทรวงธารณสุข เหตุเกิดบริเวณตรงข้ามหน้าโรงเรียนเพาะปัญญา ถ.ตรัง-พัทลุง ตำบลนาโยงใต้ อ.เมือง จ.ตรัง เวลาประมาณ 20.24 น.แจ้งความไว้ที่สภ.เมืองตรัง
นายเอกรัฐ (พี่ชายผู้เสียชีวิต) กล่าวว่า ตนอาศัยอยู่ที่กรุงเทพ ส่วนน้องชายอายุ 33 ปี อาชีพผู้รับเหมาไฟฟ้า อยู่ที่จ.ตรังคืนเกิดเหตุวันที่ 26 ธ.ค. 65 ลูกของน้องชายป่วยจึงขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไปซื้อยาประมาณ 20.00 น. และเกิดเหตุถูกรถชนตอน 20.24 น. จุดเกิดเหตุห่างจากบ้านไม่ถึง 1 กิโลเมตร
หลังเกิดเหตุไปขอดูกล้องวงจรปิดเอง ถามคู่กรณีบอกว่ามองไม่เห็น เขาก้มหยิบมือถืออยู่ทำให้ชนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ของน้องชายตน ดูจากกล้องวงจรปิดน้องตนขี่รถคู่ไปกับมอเตอร์ไซค์อีกคันและแซงขึ้นไป ก่อนรถคู่กรณีจะเข้ามาชนจากอีกเลน ดูจากกล้องไม่ได้มีการตัดหน้า หรือรถน้องชายตนออกมาจากจุดอับ รถน้องชายมีไฟท้าย และถนนมีแสงสว่างชัดเจน ซึ่งจะมาบอกว่ามองไม่เห็นเป็นไปไม่ได้เลย รถมอเตอร์ไซค์ไม่ได้เสียหายเยอะ แต่จากจุดชนรถไถลห่างไปอีกประมาณ 20 เมตร น้องชายกระเด็นไปตรงเกาะกลางและหัวกระแทกพื้นอาการสาหัสและเสียชีวิตตอนประมาณเที่ยงคืนของคืนเกิดเหตุ ซึ่งตรงนั้นเป็นหน้าโรงเรียน ไม่ควรขับเร็วเพราะตามกฎหมายต้องไม่เกิน 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง
งานศพของน้องชายจัดตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 65 - 12 ม.ค. 66 แม่คู่กรณีเข้ามาที่งานศพแต่คนชนไม่เคยเข้ามาเลย คนชนเป็นหมอ อายุประมาณ 35 ปี ครอบครัวคู่กรณีมีจ่ายเงินมาให้ครั้งแรก 5,000 บาท คืนวันเกิดเหตุ และจ่ายอีก 50,000 บาท วันที่ทำศพ ครอบครัวของตนได้นัดเจรจาถึง 2 ครั้ง แต่ทางคนชนไม่ได้เสนอความรับผิดชอบอะไรอีกเลย เขาบอกให้ทางตนคำนวณค่าเสียหาย ซึ่งน้องตนเป็นผู้รับเหมามีรายได้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท คำนวณแล้วถึงน้องชายอายุ 60 ปี รวมแล้วประมาณ 6 ล้านบาท เขาก็รับไปพิจารณา
แต่พอมาเจรจาอีกรอบคนชนบอกว่าไม่รับผิดชอบถ้าอยากได้ให้ไปฟ้องเอา ญาติตนติดต่อไปเจรจาทางคนชนก็ไม่ยอมคุย ตนคิดว่าเขาเป็นหมอ มีน้องชายเป็นตำรวจ ส่วนพ่อทำงานในกระทรวงสาธารณสุขจังหวัด ซึ่งเรื่องผ่านไปกว่า 3 เดือนยังไม่มีความคืบหน้า รถคนชนไม่มีประกัน มีแต่พรบ.จ่าย 500,000 บาท
นอกจากนี้คนชนไม่เคยเจรจาอะไรอีกเลย ไม่คุยต่อ บอกแต่ว่าอยากได้ให้ไปฟ้องศาลเอา ศาลตัดสินเท่าไหร่ก็จ่ายเท่านั้น ตำรวจเรียกแล้วแต่ได้คำตอบว่าคนชนไม่ยอมปั๊มรายนิ้วมือ และเซ็นรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งน้องชายตนมีลูก มีค่าใช้จ่ายทุกวัน ถ้ายื้อไปเรื่อยๆภาระต้องตกไปที่ภรรยาน้องชายและพ่อแม่ตน ตนเลยมาร้องขอความเป็นธรรมกับทนายรณณรงค์ในวันนี้เพื่อให้คดีมีความคืบหน้า
ทางด้านทนายรณณรงค์ กล่าวว่า กรณีหมอศัลยกรรมที่ จ.ตรัง ขับรถชนน้องชายเขาตายและไม่รับผิดชอบ ไม่มีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ซึ่งขัดกับระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องนี้ไม่ปกติ วรรณะของหมอในต่างจังหวัดถือว่าใหญ่ ไม่ธรรมดา รู้จักไปหมด ผู้เสียหายกลัวว่าคดีนี้จะมีการวิ่งเต้น วันนี้เลยมาขอความเป็นธรรมที่กรุงเทพมหานคร ให้พี่น้องสื่อมวลชลช่วยนำเสนอเรื่องราวของเขา เรื่องนี้เกิดในพื้นที่จ.ตรัง ทางครอบครัวจะต้องไปยื่นเรื่องที่จังหวัดตรัง แต่แนะนำไปที่สตช. เพราะคดีมันช้า วิงวอนไปถึงคู่กรณีอาชีพการงานดี เค้าเรียกไป 6,000,000 บาทเราไม่มีจ่ายเป็นก้อน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่รับผิดชอบเลยเพราะเขาเสียชีวิต