“เพื่อไทย” เยือนตลาดกลางดินแดง ชาวบ้านบ่นระงม “รัฐบาลลุงตู่แพงทุกอย่าง” ด้าน “กิตติรัตน์” ปลื้มกำลังใจล้น ไม่ขัดหาก “ลุงตู่” จะขอเงิน กกต. แก้ค่าไฟแพง แค่งง ทำไมแก้ปัญหาตอนหาเสียง
วันที่ 22 เมษายน 2566 พรรคเพื่อไทย นำโดย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และอดีตรัฐมนตรีกระทรวงพานิชย์ พร้อมด้วย นายดนุพร ปุณณกันต์ คณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร นายประภัสร์ จงสงวน ผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และ นายอุเมศนัส ปานเดย์ ผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่พบปะประชาชน ที่ตลาดกลางดินแดง เพื่อแนะนำตัว ภัทร ภมรมนตรี ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตดินแดง-พญาไท โดยพ่อค้าแม่ค้า ประชาชนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
ทั้งนี้พ่อค้าแม่ค้าหลายแผงบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าเดือนที่ผ่านมาค่าไฟจาก 3,000 บาทกว่าขึ้นเป็น 4,500 บาท เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน เหตุใดรัฐบาลนี้จึงแพงทั้งค่าน้ำมัน ค่าไฟ ทำงานหาเงินเลยแทบไม่เหลือกำไร ประกอบกับชาวบ้านในชุมชนยังร้องเรียนอีกว่าอยากให้แก้ปัญหายาเสพติด ซึ่งระบาดอยู่ในชุมชนเป็นจำนวนมาในขณะนี้ ดีใจที่เพื่อไทยมา และขอให้เข้ามาเป็นรัฐบาล เพื่อแก้ไขค่าไฟแพงโดยด่วน
นายกิตติรัตน์ กล่าวถึงกระแสที่ได้รับรู้จากการลงพื้นที่ ว่ามีประชาชนมาให้กำลังใจ นายภัทร อย่างล้นหลาม พร้อมขอแรงประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยให้ชนะขาด เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ ซึ่งเวลานี้แม้ประชาชนจะขายสินค้าได้เท่าเดิม แต่ไม่ได้กำไรเพราะต้นทุนสูงขึ้น อีกทั้งไม่สามารถเพิ่มราคาสินค้าได้ ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่พรรคเพื่อไทยต้องรับไปพัฒนา
ขณะที่ปัญหาราคาค่าไฟแพงในเวลานี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศไว้แล้วตั้งแต่แรกเริ่ม ว่าเป็นภารกิจที่ต้องลดราคาพลังงานให้ประชาชน ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจะดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวทันทีเมื่อเป็นรัฐบาล
สำหรับกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เตรียมดำเนินการยื่นของบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อช่วยเหลือประชาชนเรื่องปัญหาค่าไฟนั้น นายกิตติรัตน์ มองว่า การของบประมาณในเวลานี้ อาจทำให้มีบางฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ได้ว่า จะส่งผลต่อคะแนนนิยมในการเลือกตั้งหรือไม่ แต่สำหรับพรรคเพื่อไทย อะไรที่ทำให้ความทุกข์ของประชาชนน้อยลง เราไม่ขัดข้องแน่นอน
"แต่ก็เชื่อว่าประชาชนอาจมีคำถามอยู่ในใจเอง โดยที่เราไม่ต้องถาม ว่ารัฐบาลอยู่ตั้งนานทำไมไม่ทำ ต้องให้ประชาชนเดือดร้อนถึงขนาดนี้ถึงจะเริ่มทำ แต่อย่างไรก็ตาม เราไม่ค้านแน่นอน ถ้าทำให้ความทุกข์ของประชาชนน้อยลง ทำเถอะครับ เพียงแต่คำถามนี้จะอยู่ในใจของประชาชนตลอด ว่าอยู่มาตั้งนานทำไมไม่ทำ"
นายกิตติรัตน์ ย้ำว่า คำถามดังกล่าวเป็นเสียงสะท้อนจากประชาชนเมื่อครั้งตนไปลงพื้นที่ ก็ขอให้รัฐบาลหาคำตอบเอาเองว่าเหตุใดจึงไม่ทำตั้งนานแล้ว
เมื่อถามถึงความมั่นใจในนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่พรรคเพื่อไทยได้ชี้แจงต่อ กกต. ไป นายกิตติรัตน์ ระบุว่า มั่นใจ เพราะทีมงานเศรษฐกิจได้คิดนโยบายดังกล่าวมาอย่างละเอียด แต่ยังไม่อยากชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดในตอนนี้ และแม้ขนาดอธิบายหลักการไปแล้ว ก็ยังมีแฟนคลับฝ่ายตรงข้ามบอกว่าไม่เข้าใจ ทั้งที่ประชาชนเข้าใจในหลักการกันแล้ว
"ทุกวันนี้เดินตามตลาด เด็ก ๆ ยังถามพ่อแม่เลยว่าทำไมใช้เงินสด ทำไมไม่ใช้ Wallet ผมสงสัยว่า คนที่วิจารณ์จะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่ไม่เคยไปจับจ่ายใช้สอยด้วยเงินของตัวเองกระมัง"
นายกิตติรัตน์ ทิ้งท้ายว่า ขอให้สบายใจ เงินจำนวนนี้ไม่ใช่จะมาซื้อเสียงหรือมาแจก เพียงแต่รัฐบาลจะใช้เงินจำนวนนี้ เพื่อผลักดันเศรษฐกิจขึ้นมา พร้อมจัดเตรียมนโยบายในฝั่งอุปสงค์เพื่อเพิ่มกำลังซื้อไว้ เพื่อทำให้เศรษฐกิจในภาพรวมหมุนเวียนไปด้วยกัน จะไม่มีการแจกเงินอย่างกะปริดกะปรอยเดือนละไม่กี่บาท ที่ไม่ได้สร้างประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ