แม่ช็อก! วันบวชลูกชายคนกลาง คือวันตายของลูกชายคนโต เย็นกินเลี้ยงสนุกสนาน เช้าลูกชายคนโตตาย ช่วงสายต้องบวชลูกชายคนกลางทั้งน้ำตา
กรณี ญาติผู้เสียชีวิตร้องสื่อ หลังลูกโดนยิงคาร้านอาหารกึ่งผับดังกลางอำเภอแปลงยาว เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2566 นางจุไรรัตน์ ชัยศรี ได้แจ้งว่าลูกชายตนถูก ยิงที่ร้านอาหารกึ่งผับดังกลาง อำเภอแปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมเพื่อน ก่อนจะมาเสียชีวิตที่โรงพยาบาลแปลงยาว โดยเช้าวันต่อมาต้องมาบวชลูกชายคนกลาง
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางไปยังวัดคลองสอง ต.แปลงยาว อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา เป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ ของ นายกฤษฎา ชัยศรี อายุ 27 ปี หรือ เจมส์ และ นายอดิศร สุวรรณเทศ อายุ 28 ปี หรือ เอ็ม โดยตั้งศพคู่กัน
ด้านนางจุไรรัตน์ ชัยศรี แม่ของนายกฤษฎา เล่าว่า ช่วงกลางวันของวันที่ 17 มิถุนายน 2566 ตนเองและครอบครัวสนุกสนานกันมากเนื่องจากมีการเลี้ยงโต๊ะจีนก่อนที่จะถึงงานบวชของ นายเจษฎาภรณ์ ลูกชายคนกลาง จนกระทั่งถึงตอนกลางคืนตนเองกลับบ้านแต่ลูกชายกับญาติรวม 30 คนแยกย้ายกันไปผับเพื่อที่จะไปเลี้ยงฉลองกันต่อ
ต่อมาเวลา 02.00 น. ตนเองได้รับสายจากญาติแจ้งว่าลูกชายถูกยิง จึงรีบเดินทางไปที่โรงพยาบาลทันทีไม่คิดด้วยซ้ำว่าลูกชายจะบาดเจ็บสาหัส จนถึงขั้นถึงแก่ชีวิต ลูกชายเป็นคนดีมากเป็นหัวหลักหัวแรงของตนเองและเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัวทั้งหมดและใจดีกับคนทั้งหมู่บ้านเรียกได้ว่าครบสูตร
จนกระทั่งถึงช่วงเช้าหลังจากลูกชายคนโตเสียชีวิตตนเองจึงรีบเดินทางไปที่การบวชของลูกชายคนกลางต่อโดยทั้งพระและแขกในงานก็ต้องรอตนเองเพราะยังไม่สามารถบวชได้จนกระทั่งเวลา 08.00 น. ของวันที่ 18 มิถุนายน 2566 ตนเองเดินทางไปถึงที่สัดและบวชลูกชายคนกลางทั้งชุดนอน ทั้งๆ ที่เตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้วแต่ทุกอย่างมาพัง เพราะลูกชายคนโตถูกยิง
ตนเองอยากจะเรียกร้องความเป็นธรรม ให้ลูกชายทั้งจากเจ้าของร้าน ที่ไม่ตรวจอาวุธก่อนเข้าไปในร้าน และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้ายได้ตามกฎหมาย ขณะที่พ่อแม่ของผู้ก่อเหตุได้บอกผ่านคนอื่นว่าจะเดินทางเข้ามาที่งานศพแต่ตนเองก็ยังไม่เห็น
นางสาวชลอรัก แซ่ล้อ อายุ 52 ปี ป้าของนายกฤษฎา และอยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่าหลังจากที่จบงานเลี้ยงที่วัดแล้ว ตนเองจึงเดินทางไปรอที่ร้าน ทุกอย่างปกติดี ร้านเป็นผับปิดมิดชิด ไม่มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งอะไรเลยจนกระทั่งผับปิด หลังจากมีการเปิดไฟส่องสว่างภายในร้าน ตนเองได้เดินออกจากประตูพร้อมกับนายกฤษฎาซึ่งตามหลังมา ระหว่างนั้นมีเหตุการณ์ชุลมุนกัน ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรกันหลานชายคงคิดว่าญาติที่เป็นผู้หญิงถูกลวนลามจึงขว้างน้ำแข็งไปแบบไม่โดนใคร แต่หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงปืน 2 นัด ก่อนที่ทุกคนจะวิ่งหนี พากันไปโรงพยาบาล แต่หลานชายและเพื่อนเสียชีวิต ตนเองจึงอยากตั้งคำถามว่าก่อนหน้านี้ทำไมไม่มีการตรวจอาวุธกับคนที่อยู่ในร้าน
ด้าน นางสาวศิริพร จันทรัตน์ อายุ 33 ปี ภรรยาของนายอดิศร หรือ เอ็ม เล่าว่า หลังจากที่จบงานเลี้ยงโต๊ะจีน ตนเองกับสามียังพูดคุยกันอยู่โดยสามีบอกว่าจะเดินทางไปที่ผับเพื่อฉลองกับเพื่อนและญาติ ส่วนตนเองรออยู่ที่บ้านเนื่องจากป่วยเป็นก้อนเนื้อในมดลูก ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการนำมดลูกออกไปหนึ่งข้างแล้ว ประกอบกับมีอาการป่วยซึมเศร้าและแพนิคด้วย จนกระทั่งเวลาประมาณตีสองได้รับทราบข่าวร้ายบอกว่าสามีถูกยิงเสียชีวิต ตนเองเสียใจมาก เพราะก่อนหน้านี้สามีเป็นคนดูแลตนเองอย่างดี ขายของตามตลาดนัด คบหากันมา 4 ปีดูแลอย่างดีมาโดยตลอด หลังจากเกิดเหตุยังไม่มีญาติของผู้ก่อเหตุหรือเจ้าของสถานบันเทิงเดินทางมาแสดงความเสียใจหรือเยียวยาครอบครัวเลย ตนเองอยากได้รับความรับผิดชอบตรงจุดนี้ด้วย
นอกจากนี้ ขณะที่ตนเองเดินทางไปทำพิธีเชิญวิญญาณแฟนหนุ่มที่บริเวณจุดเกิดเหตุ ยังถูกคนของสถานบันเทิงพูดจาไม่ดีและทำท่ากระฟัดกระเฟียดใส่ นำเครื่องเซ่นไหว้ไปวางก็บอกให้หยิบไปทิ้ง ตนเองอยากยืนยันกับวิญญาณของสามีว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้คนได้ได้รับการลงโทษ
ด้านพระเจษฎาภรณ์ ชัยศรี พระน้องชายคนตาย เผยว่าก่อนหน้านี้ได้มีการวางแผนการบวชมาประมาณหนึ่งเดือน และอาตมาก็ได้ปรึกษากับพี่ชายที่เสียชีวิตเป็นประจำเนื่องจากบวชก่อนหน้าตนเองประมาณ 4 ปี แล้ว โดยช่วงกลางคืนของวันที่ 17 มิถุนายน ก่อนจะเกิดเหตุทุกคนกินเลี้ยงกันอย่างสนุกสนาน หลังจากจบงานก็แยกย้ายกันกลับเข้าที่พัก ตนเองก็ขึ้นไปนอนบนกุฏิ
เวลาประมาณตี 4 หลังจากทราบข่าวว่าพี่ชายถูกยิงเสียชีวิตหน้าทำอะไรไม่ถูกแล้ว นอนไม่หลับ ภาวนาให้พี่ชายปลอดภัย จนกระทั่งช่วงเช้าฤกษ์บวชคือประมาณ 06.00 น. แต่พอรู้ว่าพี่ชายถูกยิงจนเกือบจะเสียชีวิต แม่ก็ไปดูอาการพี่ชายที่โรงพยาบาล ทุกคนรอแม่จนถึงเวลา 8 โมง จนถึงเวลาบวชของอาตมา แม่ก็มาด้วยอาการเศร้า แทบจะร่วมพิธีไม่ไหว อาตมารู้สึกสงสารแม่มาก ที่ก่อนหน้านี้จะเป็นวันที่มีความสุขที่สุดในชีวิต กลับเป็นวันที่ต้องเสียลูกชายคนโตซึ่งเป็นเสาหลักไป อยากให้คนก่อเหตุมาขอขมาแม่อาตมาด้วย การบวชครั้งนี้จะได้เป็นการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับโยมพี่ชาย