อดีตพนักงานรถไฟร้อง"สายไหมต้องรอด"ถูกพ่อค้าผลไม้เมาใช้ปังตอฟันจนกะโหลกร้าวกระดูกแขนหักเอ็นข้อมือขาด แต่คู่กรณีอ้างว่าจะหาคนมาเคลียร์คดีกับตำรวจ หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม
นายยิน วิมานธนทรัพย์ อายุ อายุ 60 ปี พ่อค้าขายข้าวสวย ผู้เสียหายถูกพ่อค้าผลไม้เพื่อนข้างห้องใช้มีดฟันหลายแผลตามใบหน้าแบะลำตัวหลายแห่งเข้าร้องขอความช่วยเหลือ จาก นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ว่า เมื่อวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา ถูกพ่อค้าขายผลไม้บุกใช้มีดฟันภายในห้องเช่า ซอยกิ่งแก้ว 25/1 จนกะโหลกร้าวกระดูกแขนหักเอ็นข้อมือขาด ได้รับบาดเจ็บสาหัส
หลังเกิดเหตุได้ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรบางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ แต่เมื่อตำรวจจับกุมผู้ก่อเหตุแล้ว แจ้งข้อกล่าวหาแค่ทำร้ายร่างกาย ไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาพยายามฆ่า ทั้งที่ร่องรอยเป็นบาดแผลฉกรรจ์ ซึ่งทางตำรวจอ้างว่าไม่มีหลักฐานตอนที่ถูกทำร้าย ก่อนจะให้ประกันตัวผู้ก่อเหตุไปและยังส่งคนสนิทไปพูดคุยกับตำรวจ ให้ช่วยเหลือทางคดีกับผู้ก่อเหตุทำให้ผู้เสียหายรู้สึกไม่ปลอดภัยและเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
นายยิน ผู้เสียหาย เล่าว่า ตัวเองรู้จักกับผู้ก่อเหตุที่เป็นพ่อค้าผลไม้มาประมาณ5-6ปี เพราะว่าห้องพักอยู่ติดกัน ส่วนตัวเองขายข้าวนึ่งที่ตลาดเดียวกัน ที่ผ่านมาเจอหน้ากันก็พูดคุยปกติไม่เคยมีปัญหา จนกระทั่งกลางเดือนสิงหาคมช่วงประมาณบ่ายโมง ตัวเองกางร่มล้างจานอยู่บริเวณด้านหน้าบ้าน ตามปกติไม่ได้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น แต่วันต่อมาผู้ก่อเหตุกลับพูดต่อว่าหาว่าร่มที่ตัวเองกางไว้หน้าบ้านล้มใส่รถกระบะของเขาและหลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดคุยกันอีก
ต่อมาวันที่ 28 สิงหาคม เวลาประมาณ 19.30 น. ผู้ก่อเหตุได้นั่งดื่มสุราอยู่บริเวณหน้าห้อง ก่อนจะมีการปาขวดเบียร์มาที่หน้าห้องพักตัวเอง เเละด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย แต่ไม่ได้เอ่ยชื่อตัวเอง แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นผู้ก่อเหตุก็ยังด่าทอไม่หยุด และมีช่วงหนึ่งที่ด่าว่า “ไอ้เป๋ ไอ้เขมร” ถึงรู้ว่าตั้งใจด่าตัวเอง แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไร
ต่อมาตัวเองตั้งใจไปเอาข้าวเหนียวมาแช่เพื่อที่จะได้นึ่งขายวันต่อมา โดยหยิบมีดสำหรับตัดปากถุงข้าว เดินออกไปห้องเก็บข้าว ซึ่งระหว่างนั้นผู้ก่อเหตุเห็นตัวเองถือมีดออกมาจึงทักว่าถือมีดมาด้วยเหรอ แล้วด่าทอกันไปมาสักพัก และแยกย้ายกันไป ปรากฏว่าระหว่างที่ตัวเองกำลังกลับเข้าห้อง ผู้ก่อเหตุได้หยิบอาวุธมีดเดินตามมา กระหน่ำฟันเข้าบริเวณใบหน้า แขน เเละขาไม่ยั้ง จนเกิดแผลฉกรรจ์ ตัวเองจึงรีบหนีเข้าห้อง แต่ผู้ก่อเหตุก็ยังเอามีดมาฟันประตูห้องตั้งใจตามเข้าไปซ้ำอีก ซึ่งระหว่างนั้นภรรยาและเจ้าของห้องพักได้เข้ามาช่วยไว้ทัน
ขณะที่นายบุญฤทธิ์ วิมานธนทรัพย์ อายุ 31 ปี ลูกชายผู้เสียหายเปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ ได้เข้าแจ้งความที่ สภ. บางแก้วทันที แต่วันเกิดเหตุพนักงานสอบสวนไม่อยู่ จึงฝากเรื่องกับตำรวจอีกนายไว้ จากนั้นวัน ที่29 สิงหาคม ญาติผู้ก่อเหตุ เเละญาติผู้เสียหาย ได้เข้าไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน แต่ต่อมาวันที่ 30 สิงหาคม ทางพนักงานสอบสวนบอกว่า มีการแจ้งข้อหา"ทำร้ายร่างกาย" กับก่อเหตุแล้ว ซึ่งฝั่งผู้ก่อเหตุได้ยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัว โดยทางตำรวจได้ให้ประกันในชั้นพนักงานสอบสวน ซึ่งญาติผู้เสียหายมองว่าการกระทำดังกล่าวพยายามฆ่า เเต่เมื่อไปสอบถามกับตำรวจ ก็บอกเพียงว่าไม่มีหลักฐาน กระทั่งมาทราบภายหลัง ว่าภรรยาผู้ก่อเหตุได้บอกกับแม่ตัวเองว่าตอนนี้กำลังให้คนมาเคลียร์เรื่องคดีความกับตำรวจ ทำให้กังวลว่าอาจไม่ได้รับความเป็นธรรม
ด้าน นายเอกภพ กล่าวว่าในเรื่องนี้พนักงานสอบสวน ควรจะคัดค้านการประกันตัวเป็นสิ่งแรก เพราะว่าพฤติกรรมอุกอาจมาก กระทำโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย เเต่ผู้ต้องหากลับได้ประกันตัวรับประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน ก็เลยเป็นเหตุให้ผู้เสียหายเขามีความเข้าใจว่ามีเส้นสายอยู่กับทางตำรวจหรือไม่ จึงอยากให้ตำรวจทำคดีอย่างตรงไปตรงมา เชื่อว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย เบื้องต้นวันนี้ตนเองจะประสานไปยังผู้กำกับการ สภ.บางเเก้ว เเล้วในวันพรุ่งนี้ (4 ก.ย.) จะพาผู้เสียหายเดินทางไปที่ สภ.บางเเก้ว รวมถึงจะประสานไปยังกระทรวงยุติธรรม ดูเเลในเรื่องเงินเดียวยาครอบครัวด้วย.