ส่วยรถบรรทุกกลับมาอีกในรูปแบบใหม่ จะแก้ได้ต้องปรับโครงสร้างตำรวจ

ประธานสหพันธ์ขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยเผยสติกเกอร์ส่วยรถบรรทุก เตรียมกลับมาอีกครั้ง แต่กลับมาในรูปแบบใหม่ มองตำรวจไม่สามารถปราบปรามส่วยรถบรรทุกได้ หากยังไม่มีการปรับแก้โครงสร้าง

นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ที่ก่อนหน้านี้ออกมาเปิดประเด็นเรื่อง “ส่วยสติกเกอร์” ร่วมกับนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โดยเปิดเผยว่าหนึ่งในพื้นที่ที่มีปัญหามากที่สุดคือ จ.นครปฐม

โดยทีมข่าวอมรินทร์ได้สอบถามว่าก่อนหน้านี้เคยรู้จักกับ ”กำนันนก” หรือไม่ คุณอภิชาติ บอกว่า ส่วนตัวไม่เคยรู้จัก แค่เคยได้ยินชื่อ รู้แค่ว่าหากไม่กินเหล้าจะเป็นคนสุภาพเรียบร้อย แต่ถ้าดื่มเหล้าเข้าไปก็จะเป็นคนโผงผาง  ส่วนตัวมองว่า “กำนันนก”  น่าจะเป็นคนรับ เคลียร์เรื่องส่วยรถบรรทุก จากคนอื่นฝากมา เพราะกำนันนก ถือเป็นผู้กว้างขวางและมีอิทธิพล แต่เกิดการเคลียร์ไม่ลงตัว ทำให้รู้สึกเหมือนเสียหาย จึงเกิดเหตุสลดขึ้น

ส่วน  พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. หรือ สารวัตรศิว/สารวัตรแบงก์ ทราบว่ามาดำรงตำแหน่งที่จังหวัดนครปฐม ได้ประมาณ 4 เดือน ได้รู้ถึงนิสัยว่าเป็น “คนจริงจังกับงาน สามารถปราบ ส่วนสติ๊กเกอร์รถบรรทุกได้อย่างเด็ดขาด ถือเป็นตำรวจน้ำดี” ซึ่งที่ผ่านมาในห้อง ไลน์ของสหพันธ์รถบรรทุก สารวัตรศิว จะรายงานการจับกุม รถบรรทุกที่ผิดกฎหมายให้ทราบโดยตลอด

สำหรับสถานการณ์ส่วยรถบรรทุกตอนนี้ หลังจากที่ผ่านมา มีการปราบปรามอย่างจริงจัง จนทำให้รถบรรทุกที่ทำผิดกฎหมายมีน้อยลง แต่ตอนนี้สติกเกอร์ส่วยรถบรรทุก เริ่มที่จะกลับมาอีกครั้ง แต่มาในรูปแบบชุดข้อมูล ที่ทางผู้ประกอบการ จะรวบรวมทะเบียนรถบรรทุก

ส่งข้อมูลผ่านไลน์ให้กับตำรวจ เมื่อตำรวจเห็นว่ารถบรรทุกหมายเลขทะเบียนนี้ มีการเคลียร์แล้วก็จะอนุญาตให้ผ่านไปได้ แตกต่างจากของเดิมที่จะมีสติกเกอร์ติดอยู่บริเวณหน้ากระจกรถ

โดยจำนวนรถบรรทุกที่มีอยู่ในประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 1,400,000 คัน แบ่งเป็นรถบรรทุกที่ขึ้นทะเบียนกับสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เพียง 400,000 คัน ที่ยอมปฏิบัติตามกฏหมาย ไม่บรรทุกน้ำหนักเกิน ส่วนอีกกว่า 900,000 คัน ไม่ได้เข้าระบบ

เบื้องต้นกฎหมายกำหนดน้ำหนักรถบรรทุก 10 ล้อบรรทุกได้ไม่เกิน 25 ตัน // ส่วนรถพ่วงและรถเทเลอร์ บรรทุกได้ไม่เกิน 55 ตัน บวก 500 กิโลกรัม ส่วนรถที่ทำผิดกฎหมาย จะยัดน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด 1-2 เท่าตัว

สำหรับปัญหาหากปล่อยให้รถบรรทุกน้ำหนักเกินวิ่งตามท้องถนน จะทำให้ถนนในประเทศไทยเสียหายเร็วขึ้นกว่าเดิม จากเดิมที่มาตรฐานอยู่ที่ 20 ถึง 30 ปี แต่ปัจจุบันถนน 2-3 ปีก็เริ่มชำรุดเสียหายแล้ว ซึ่งทั้งหมดก็เป็นเงินภาษีของประชาชน

นอกจากนี้ส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก ยังมีส่วย ”เลนขวา” ที่รถบรรทุกจะสามารถวิ่งแช่เลนขวาได้ตลอด โดยไม่ถูกจับกุมดำเนินคดี เพราะกฎหมายกำหนดให้รถบรรทุกต้องวิ่งเลนซ้ายด้วย

โดยหน่วยงานหลักๆที่ดูแลตามถนน คือ ตำรวจทางหลวง, กรมทางหลวง, และตำรวจท้องที่

ซึ่งส่วยที่จะต้องจ่าย จะต้องให้สามหน่วยงานนี้เป็นหลักเพราะหากจ่ายหน่วยใดหน่วยหนึ่งการเดินทางก็จะไม่ค่อยราบรื่น

ส่วนตัวมองว่าสถานการณ์ตอนนี้ ตำรวจยังไม่สามารถปราบปรามส่วยรถบรรทุกได้  หากยังไม่มีการปรับโครงสร้างของตำรวจ ล้มเลิกตั๋วช้างเด็กนาย ให้ทุกคนตั้งไจทำงาน เพื่อเอาผลงานมาแข่งขันกัน จะทำให้ปัญหาส่วยค่อย ๆ หมดไป  ตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่ารัฐบาลใหม่จะช่วยเร่งแก้ปัญหาเรื่องส่วยรถบรรทุกอย่างจริงจัง