พ่อเยาวชน 14 ปี เข้ากราบเท้า พร้อมมอบเงินเยียวยา แม่ น้องตะวัน เหยื่อสลด พารากอน แต่แม่ไม่รับ บอกชีวิตของลูกแลกกับอะไรไม่ได้
เมื่อเวลา 18.50 น. วันที่ 7 ต.ค. 66 ที่ศาลา 2 วัดผาสุกมณีจักร ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ที่มีการจัดพิธีสวดอภิธรรมคืนที่ 4 ของ น้องตะวัน เหยื่อชาวเมียนมา ที่ถูกมือปืนวัย 14 ปี ยิงเสียชีวิตในห้างฯสยาม พารากอนนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ่อของเยาวชนอายุ 14 ปีผู้ก่อเหตุ ได้เดินทางมายังวัด เพื่อร่วมรับฟังการสวดอภิธรรมศพของ น้องตะวัน โดยมีสีหน้าแววตาที่ดูเศร้า ทันทีที่มาถึงก็เดินเข้าไปหาแม่ของผู้เสียชีวิตภายในศาลา พร้อมกับก้มกราบเท้า เพื่อแสดงความเคารพ ความเสียใจ และกล่าวคำขอโทษกับเหตุการณ์ที่ลูกชายก่อไว้ทั้งหมด
ก่อนจะหยิบซองเงินจำนวนหนึ่งขึ้นมาจากกระเป๋าสะพาย แล้วพยายามจะมอบให้กับแม่ของผู้เสียชีวิต แต่แม่ น้องตะวันปฎิเสธที่จะรับ โดยให้เหตุผลเป็นภาษาเมียนมาว่า “เงินไม่สามารถแลกกับชีวิตของลูกตัวเองได้”
ซึ่งด้านพ่อของผู้ก่อเหตุวัย 14 ปี ก็ขอร้องให้รับไว้ เพราะตัวเองต้องการที่จะแสดงความรับผิดชอบด้วยการเยียวยาเงินเบื้องต้นก่อน และสัญญาหลังจากนี้จะเยียวยาต่อ จึงอยากให้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตรับไว้ เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย แต่แม่ของผู้เสียชีวิตก็ยืนยันที่จะไม่รับ พร้อมกับบอกกับพ่อของเยาวชนชายวัย 14 ปีเป็นภาษาเมียนมาว่า “แม่ไม่ได้ถือโทษโกรธพ่อแม่ของผู้ก่อเหตุ เพราะเข้าใจว่าการมีลูกไม่ดี และมาก่อเกิดเหตุแบบนี้ ก็ทำให้พ่อแม่เป็นทุกข์ไม่น้อย เชื่อว่าสิ่งที่ผู้ก่อเหตุทำไป คงไม่เกี่ยวกับพ่อแม่ ถือว่าลูกสาวกับผู้ก่อเหตุอาจจะเคยทำกรรมกันไว้ จึงเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น แม่เองยังรู้สึกเห็นใจ และสงสารพ่อของผู้ก่อเหตุด้วย แม้ว่าตัวเองจะเสียใจมากก็ตามที่ต้องเสียลูกที่ดีมาก ซึ่งเลี้ยงดูมากับมือไป ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามหรือจะเป็นเงินที่มอบให้ ก็ไม่สามารถแลกกับชีวิตของลูกสาวแม่ได้ ขอให้พ่อสู้ๆกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น”
ระหว่างนั้นพ่อของผู้ก่อเหตุก็ก้มหน้า พร้อมหลั่งน้ำตานั่งฟังคำพูดของแม่ผู้เสียชีวิต หลังจากนั้นแม่ของผู้เสียชีวิตก็ค่อยๆ ใช้มือลูบศีรษะของพ่อผู้ก่อเหตุอย่างทะนุถนอม พร้อมกับบอกอีกว่า “ไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น”
ซึ่งพ่อของผู้ก่อเหตุก็เคารพการตัดสินใจของแม่ผู้เสียชีวิต ก่อนจะเก็บซองเงินกลับเข้ากระเป๋า และยืนยันว่าหลังจากเสร็จสิ้นพิธีฌาปนกิจจะเยียวยาช่วยเหลืออย่างเต็มความสามารถ ก่อนจะลุกขึ้นไปกราบแสดงความเคารพต่อโลงศพของ น้องตะวันผู้เสียชีวิตจากน้ำมือของลูกชายวัย 14 ปีของตนเอง ด้วยสีหน้าแววตาเศร้าหมอง
และไปเดินไปยกมือไหว้ขอโทษนายจ้างของผู้เสียชีวิตอีกรอบ ก่อนจะไปนั่งฟังสวดอภิธรรมศพที่ด้านนอกศาลาเพียงลำพัง และจุดธูป 1 ดอก เพื่อเคารพศพของผู้เสียชีวิตอีกครั้ง แล้วก็เลือกเป็นเก้าอี้ด้านซ้ายสุด เพื่อนังฟังสวดฯ และไม่ได้ตอบคำถามใดๆจากสื่อ
โดยบรรยากาศการสวดอภิธรรมศพมี นายมงคล วิศิษฏ์สตัมภ์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง เมียนมา และ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธี พร้อมกับมีเหล่าบรรดาเพื่อนร่วมงาน ญาติพี่น้องของ ผู้เสียชีวิตร่วมฟังสวดอภิธรรมศพในคืนที่สามซึ่งเป็นคืนสุดท้าย ก่อนที่ในวันพรุ่งนี้ 8 ต.ค. 2566 จะมีพิธีฌาปนกิจศพในเวลาประมาณ 12.00 น. เป็นต้นไป