หนุ่มนักร้อง - MC ร้อง ทนายดัง หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรมและยืนยันดำเนินคดีให้ถึงที่สุด หลังถูก เก๋งดำ กร่าง พุ่งชน รถพังยับ แถมอ้างป่วยจิตเวช
จากกรณีเมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 2 พ.ย.66 ที่ สภ.บางศรีเมือง ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายวรภพ (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี อาชีพนักร้อง , MC (ผู้เสียหาย) ถูกนายวรเมธ อายุ 36 ปี (ผู้ก่อเหตุ) ขับรถหรู BMW สีดำ หมายเลขทะเบียน กท 5155 ปทุมธานี ขับปาดหน้าก่อนถอยหลังกลับรถเร่งเครื่องชนรถยนต์สีขาว หมายเลขทะเบียน 4 ขบ 1569 กทม.ของผู้เสียหาย ทำให้รถของผู้เสียหายถูกชนบริเวณด้านหน้ารถและด้านหลังรถพังยับ โดยไม่ทราบสาเหตุ
หลังจากเกิดเหตุนายวรเมธ (ผู้ก่อเหตุ) ได้ทิ้งรถไว้ที่จุดเกิดเหตุและนั่งรถแท็กซี่กลับบ้าน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางศรีเมือง ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุและตามไปที่บ้านพักย่านกรุงเทพฯ พบตัวผู้ก่อเหตุและครอบครัว จึงเชิญตัวนายวรเมธและครอบครัวมาสอบปากคำเพิ่มเติม นำปัสสาวะส่งตรวจหาสารเสพติดและแอลกอฮอล์ ซึ่งครอบครัวผู้ก่อเหตุได้นำเอกสารทางจิตเวชของนายวรเมธ (ผู้ก่อเหตุ) ยื่นให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าป่วยทางจิต
ล่าสุด เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 3 พ.ย. 66 นายวรภพ ผู้เสียหาย พร้อมครอบครัว เดินทางเข้าร้องเรียนกับนายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือ ทนายโป้ง ประธานชมรมทนายความจิตอาสา เนื่องจากกังวลในเรื่องความปลอดภัยและในด้านคดี หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม
นายวรภพ (ผู้เสียหาย) กล่าวว่า คืนเกิดเหตุรู้สึกโดนตามตั้งแต่ช่วงที่กลับรถใต้สะพานวัดโบสถ์ เส้นที่สามารถขึ้นสะพานเจษฎาได้ แต่ตนเลี้ยวเข้าซอยก่อน เพื่อดูว่าคู่กรณีได้ขับตามมาหรือไม่ ตนได้มีการกลับไปดูคลิปย้อนหลังก่อนเกิดเหตุว่าได้ทำเผลอขับรถหรือทำอะไรที่ไม่สมควรหรือไม่
แต่ยืนยันว่าไม่มีการขับแซง หรือขับเบียดแต่อย่างใด ตนขับมาจากถนนเส้นงามวงศ์วานและเพิ่งทราบว่าคู่กรณีเริ่มตามมาตั้งแต่ตรงข้ามเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์
สำหรับเรื่องอาการป่วยทางจิตของคู่กรณีนั้น ตนมองว่าหากคนเราไม่มีสติจะสามารถทำอะไรเป็นขั้นตอนได้อย่างไร ย้อนกลับไปวันเกิดเหตุคู่กรณีเปิดกระจกลงมามีอาการคล้ายเหมือนคนเมาสุรา อยากให้ออกมารับผิดชอบเรื่องรถและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตนเป็นคนหวงรถมาก และได้มีการไปตรวจสุขภาพมาเสียเงินไปเป็นหมื่น ตอนนี้ยังมีอาการเจ็บหน้าอกและหน้าท้องอยู่ คิดว่าจะเข้าไปหาหมออีกครั้งแต่ต้องทำงานเพราะยังต้องหาเงินจ่ายค่ารถอยู่ ตอนนี้ยืมรถพ่อมาใช้เพื่อจะจัดการปัญหาแล้วเสร็จ ตนเคยเจอคุณแม่ของคู่กรณีที่โรงพัก แต่ตอนนี้ไร้การติดต่อจากคู่กรณีทั้งที่ให้เบอร์ติดต่อไปแล้ว
คุณแม่ของคู่กรณีแจ้งว่าลูกมีอาการป่วยทางจิต ยืนยันว่าไม่ได้มีอาการมึนเมาหรือเสพยาเสพติด ไม่รู้ว่าตอนนี้คู่กรณีจะมีสติมาฟังตนหรือไม่ อยากให้คู่กรณีได้ดูข่าวย้อนหลังว่าเพราะสาเหตุใด ทำไมถึงทำขนาดนี้ หากตนกับแฟนพิการหรือเสียชีวิตไปคนในครอบครัวจะทำอย่างไร ตอนนี้รู้สึกระแวงและกังวลในรูปคดี เนื่องจากคู่กรณีให้เหตุผลว่ามีอาการป่วยทางจิต ตนไม่รู้ว่าข้อกฎหมายจะตัดสินอย่างไร แต่ตนคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคู่กรณีมีสติที่จะกระทำ อยากให้ทนายโป้งช่วยตรวจสอบรูปคดีให้ว่าสามารถช่วยเหลืออะไรตนกับครอบครัวได้บ้าง
ตอนนี้รู้สึกไม่ปลอดภัย หากพบว่าคู่กรณีมีอาการป่วยทางจิตจริงจะทำให้การตัดสินคดีเบาลงหรือไม่ หากหลังจากนี้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีก ตอนนี้ขอแก้ข่าวเรื่องป้ายทะเบียนที่แจ้งไว้ว่าคู่กรณีถอดป้ายทะเบียน หลังจากย้อนดูกล้องพบว่ารถของคู่กรณีไม่มีป้ายทะเบียนหลังมาตั้งแต่แรก ส่วนป้ายทะเบียนหน้าได้มีการไปตรวจสอบที่สถานที่เกิดเหตุพบว่าหลังจากชนแล้ว ป้ายทะเบียนหน้าของคู่กรณีน่าจะหลุดไปพร้อมกับรถของตนด้วย ยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะไม่ได้รับการติดต่อและเยียวยาจากคู่กรณี หายไปทั้งครอบครัว
ด้านทนายโป้ง กล่าวว่า เบื้องต้นหากผู้ก่อเหตุต้องการต่อสู้คดีด้วยเหตุผลว่าป่วยทางจิต ไม่รู้สึกตัวในการกระทำดังกล่าว ซึ่งมีความผิดตามกฎหมายอาญา ต้องสอบถามถึงอาการป่วยว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร หลังจากตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นจากการตรวจปัสสาวะ พบว่าผู้ก่อเหตุมีสารเสพติดในร่างกาย ต้องให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สอบสวนว่าสารเสพติดที่พบในร่างกายเกิดจากสารเสพติดชนิดใด
หากอาการป่วยทางจิตมีสาเหตุมาจากการเริ่มใช้ยาเสพติดในปริมาณที่อันตรายต่อร่างกาย จะไม่สามารถใช้เป็นเหตุในการต่อสู้คดีได้ เพราะเป็นการกระทำตัวเองให้มีอันตรายต่อประสาทและสมอง หรือหากมีอาการป่วยจริงทางญาติหรือบุคคลที่ดูแลต้องทำการยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อให้ศาลมีคำสั่งเป็นคนไร้ความสามารถเพื่อจะได้ใช้อำนาจปกครอง แต่ไม่ทราบว่าได้มีการใช้สิทธิ์ตรงนั้นหรือไม่ อย่างไร
หรือหากรู้อยู่แล้วว่าบุคคลที่อยู่ด้วยมีอาการไม่ปกติ สามารถทำร้ายหรือทำลายทรัพย์สินของผู้อื่นอาจจะมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดได้ เนื่องจากรู้อยู่แล้วว่าบุคคลนี้เป็นอันตรายต่อสังคม เพื่อนมนุษย์รวมถึงทรัพย์สินของบุคคลอื่น แต่ยังปล่อยให้ออกมาข้างนอก ทั้งยังไปขับขี่ยานพาหนะใช้ชีวิตแบบคนปกติเป็นเรื่องอันตราย แนวทางในการสืบสวนของพนักงานสอบสวนไปถึง อาจมีความผิดร่วมกันกระทำความผิดได้
สำหรับฝั่งผู้เสียหายจะเป็นในส่วนของคดีแพ่ง ซึ่งไม่ได้มีการยกเว้นว่าผู้ก่อเหตุเป็นผู้ป่วยหรือไม่ อย่างไร ตอนนี้มองเรื่องคดีอาญาเป็นหลัก ว่าพนักงานสอบสวนจะดำเนินคดีอะไรบ้าง ดูจากการพฤติกรรมอาจจะมากกว่าการทำลายทรัพย์สินของผู้อื่น แต่มีเจตนาที่จะประสงค์ต่อผลอะไร ต้องดูให้รอบคอบ และต้องให้เวลากับพนักงานสอบสวนด้วย
สำหรับเรื่องค่าเสียหายทางผู้เสียหายสามารถเรียกร้องได้ อย่างแรกคือ รถยนต์ แต่โชคดีตรงที่รถเป็นรุ่นใหม่ มีประกันชั้น 1 ส่วนความเสียหายด้านอื่นไม่ว่าจะเป็น ชีวิต ร่างกาย การเจ็บป่วย ค่ารักษาพยาบาลสามารถเรียกร้องได้ตามพยานหลักฐานที่มีรวมถึงความเสียหายที่เกิดจากอาชีพการงานที่ทำให้ขาดประโยชน์จากการใช้ชีวิตประจำวัน สามารถฟ้องร้องดำเนินคดีได้เช่นกัน ตอนนี้เป็นห่วงเรื่องคดีอาญาว่าพนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อหาอะไรบ้าง เพราะหากคดีอาญาหนักขึ้น จะสามารถเรียกค่าเสียหายในส่วนคดีแพ่งได้มากขึ้น
ขอฝากพนักงานสอบสวน สภ.บางศรีเมือง ดำเนินการสืบสวนให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่พฤติกรรม หลักฐานว่าจะสามารถนำไปสู่ข้อหาอะไรได้บ้าง.