สายไหมต้องรอด พาเหยื่อหมอดูชื่อดังร้องต่อศูนย์ร้องทุกข์รัฐบาล พบมีเหยื่อเพิ่มถูกหลอกถ้าอยากหลุดพ้นต้องสำเร็จความใคร่ด้วยปากกับหมอดู
จากกรณีนางสาว เอ (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี อาชีพนักธุรกิจเข้าร้องเรียนกับเพจสายไหมต้องรอดว่าถูกหมอดูชื่อดังที่รู้จักผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดียและมีสำนักดูดวงอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรีหลอกล่วงละเมิดอ้างเป็นการสะเดาะเคราะห์ สูญเงินกว่า 14 ล้านบาท
ล่าสุดวันนี้ (29 พ.ย.) เมื่อเวลา 14.30 น.ที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล 1111 นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้เข้ามายื่นหนังสือต่อนายกองตรี ด็อกเตอร์ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การช่วยเหลือเหยื่อ
โดยนายเอกภพ ได้พูดกับสื่อมวลชนว่า ล่าสุดมีเหยื่อรายใหม่เป็นผู้หญิง ติดต่อมาที่เพจสายไหมต้องรอด ว่าเคยไปที่สำนักหมอดูแห่งหนึ่ง โดยหมอคนดังกล่าวทักว่ามีเคราะห์ ถ้าอยากหลุดพ้นต้องสำเร็จความใคร่ด้วยปากกับหมอดู ซึ่งผู้หญิงคนดังกล่าวก็ทำให้จนเสร็จสรรพ
และยังมีผู้หญิงอีกรายหนึ่ง ที่ออกมาแฉหมอดูคนดังกล่าว เล่าให้ฟังว่า หมอดูคนนี้น่าจะมีปมด้อยตั้งแต่เด็ก ชอบลวนลามเพื่อนนักเรียนด้วยกัน ชอบเปิดกระโปรง ซึ่งผู้หญิงคนนี้เคยถูกกระทำมาแล้วและเคยเป็นคดีความกันมาแล้วด้วย
และยังมีอีกเคสหนึ่ง ที่แม่พาไปหาหมอดูรายนี้เพื่อดูดวง เพราะอยากสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ หมอดูรายนี้พาเข้าห้องแล้วให้ถอดเสื้อ ถอดชุดชั้นใน แล้วเลียกับดูดบริเวณหัวนม
ซึ่งเรื่องนี้ผู้ปกครองมารู้ทีหลัง ฝากไปยังผู้ปกครองท่านนี้ด้วยว่าให้พาลูกมาแจ้งความ เพราะเด็กอายุ 16 ปีเท่านั้น เชื่อว่ามีเหยื่อแบบนี้อีกหลายราย ซึ่งหมอดูรายนี้ไม่น่าใช่หมอดู แต่เป็นมิจฉาชีพ พฤติกรรมแบบนี้มันเสื่อมเสียวงการหมอดู
ส่วนวันพรุ่งนี้ทางเพจสายไหมต้องรอดจะพาผู้เสียหายทุกคน ไปแจ้งความที่ สภ.ท่าม่วง เพื่อให้ตำรวจได้ดำเนินการตามกฏหมาย ซึ่งทางผู้กำกับได้รับปากแล้วว่าให้เข้ามาได้เลย พร้อมให้การช่วยเหลือด้านคดีอย่างเต็มที่ และอยากให้ผู้เสียหายไปแจ้งความด้วยตนเองอีกด้วย
ส่วนความเคลื่อนไหวของหมอดูคนนี้ นายเอกภพ บอกว่า ยังไม่ได้ติดต่อมา ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน ถ้าอยากจะชี้แจงอะไรให้ติดต่อมาได้ ซึ่งตอนนี้เท่าที่ดู เข้าข่ายข้อหาฉ้อโกงประชาชน เอาเงินประชาชนไปแล้วไม่ได้เอาไปทำบุญ หรือก่อสร้างอาคารให้สัดตามที่กล่าวอ้าง
เรียกร้องให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหน่วยงานท้องถิ่นเข้าไปตรวจสอบสำนักหมอดูว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ทำอะไรที่ผิดกฏหมายอีกหรือไม่
ส่วนในพื้นที่ทราบว่ามีนายตำรวจยศใหญ่ เป็นลูกศิษย์ ซึ่งจะส่งผลต่อคดีหรือไม่ นายเอกภพ กล่าวว่าจะนับถือก็นับถือไป แต่ต้องแยกแยะ ไม่มีใครใหญ่กว่ากฏหมาย ควรทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี.