แม่ร้อง รพ. ชุ่ย ให้ยาลูกน้อยสลับกับผู้ป่วยอีกคน ไร้รับผิดชอบ
วันที่ 18 ม.ค. 67 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้รับเรื่องร้องเรียน จากคุณบัว คุณแม่ชาวอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ร้องเรียนถึงความไม่เป็นธรรมที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ให้ยากับลูกชายวัย 1 ขวบ สลับกับผู้ป่วยอีกคน แต่สุดท้ายกลับไม่มีความรับผิดชอบอะไรนอกจากคำขอโทษและค่ารักษา โดยที่ไม่มีหลักประกันความปลอดภัยอะไรให้ครอบครัวเลย
โดย คุณบัว เล่าให้ฟังว่า ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเช้าวันที่ 16 ม.ค. 67 น้องบรูโน่ ลูกชายวัย 1 ขวบ 11 เดือน มีอาการป่วยเป็นไข้หวัด ตัวร้อนและซึม ไม่ร่าเริง ตนจึงตัดสินใจพาตัวลูกเข้ารักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งหลังจากแพทย์ตรวจอาการ ก็ลงความเห็นให้พักรักษาตัวภายในโรงพยาบาลเพื่อเฝ้าดูอาการ พยาบาลแจ้งว่าต้องน้องบรูโน่ต้องได้รับยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อ โดยวิธีการให้ทางสายน้ำเกลือ ซึ่งพยาบาลก็ทำให้ตามปกติ ซึ่งโดสแรกไม่มีปัญหาอะไร
จนกระทั่งวันที่ 17 ม.ค.67 เมื่อพยาบาลก็ได้นำยาโดสที่ 2 มาให้ผ่านสายน้ำเกลือ ซึ่งตอนนั้นตนก็ไม่ทันสังเกตว่าฉลากบนถุงยาเป็นชื่อของใครและเป็นยาอะไร กระทั่งยาเริ่มลดลง ตนจึงไปดูบริเวณขวดยา พบว่าชื่อที่ปรากฏอยู่บนฉลากขวดยานั้น เป็นชื่อของเด็กคนอื่น ในตอนนั้นตนรู้สึกตกใจมาก รีบแจ้งพยาบาลให้เข้ามาดูเพราะกลัวลูกจะได้รับอันตราย เมื่อพยาบาลมาถึงเขาก็เข้าไปตรวจสอบที่ขวดยา และอ้างว่ายาที่นำมาให้นั้นเป็นยาปฏิชีวนะตัวเดียวกันกับที่น้องบรูโน่ควรได้รับ เพียงแต่แปะชื่อผิด สลับกับผู้ป่วยเด็กอีกคนเท่านั้น
ในขณะนั้นตนไม่เชื่อคำพูดของพยาบาล คิดว่าน่าจะเป็นการแก้ตัวจากการทำงานอย่างบกพร่องของเขา หลังจากนั้นพยาบาลก็ออกจากห้องไป ตนก็เป็นคนที่ต้องไปแจ้งกับวอร์ดเองว่าพยาบาลหยิบยามาผิด โดยที่พยาบาลคนดังกล่าวไม่แสดงความรับผิดชอบในตอนนั้นเลย หลังจากนั้นทางโรงพยาบาลจึงประสานงานเพื่อตรวจสอบ และตรวจสอบว่าให้ยาถูกแต่แค่แปะชื่อผิด โดยแสดงความรับผิดชอบด้วยการจะชดใช้ค่ารักษาพยาบาล ซึ่งตนมองว่าไม่จำเป็นเพราะเดิมทีตนก็มีประกันอยู่แล้ว เพียงแต่มองว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทางโรงพยาบาลไม่แสดงความรับผิดชอบที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ตนนำเรื่องราวมาโพสต์ในโซเชียลเพราะอยากฝากเป็นอุทาหรณ์ถึงข้อบกพร่องของโรงพยาบาล เพราะตนก็ยังมีความกังวลว่ายาที่น้องบรูโน่ได้รับคือยาอะไร และมีอันตรายหรือไม่ เพราะตนไม่สามารถตรวจสอบได้เลยว่ายาที่เข้าร่างกายของลูกไปคือยาอะไร มีฤทธิ์หรือผลข้างเคียงอย่างไร เพราะทางโรงพยาบาลก็ยังคงยืนยันปากเปล่าว่าให้ยาถูกต้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีหลักประกันและไม่สามารถตรวจสอบได้เลย เพราะเอกสารที่ตนได้รับทั้งหมดเป็นเอกสารของแพทย์จากโรงพยาบาลดังกล่าว
สุดท้าย ตนอยากให้ทางโรงพยาบาลดังกล่าวมีการแสดงความรับผิดชอบมากกว่านี้ อย่างเช่นลงมาพูดคุย พาไปตรวจสอบผลเลือด ไม่ใช่แค่ลงมาขอโทษปากเปล่า อยากถามว่าต้องรอให้ลูกชายของตนเป็นอะไรไปก่อนหรือ ถึงจะมีมาตรการดำเนินการให้กับครอบครัวของตนที่มากกว่าคำขอโทษ