พ่อแม่น้องอินเตอร์ข้องใจ ลูก 5 ขวบ ไส้ติ่งแตกเสียชีวิต อัดรพ.วินิจฉัยโรคไม่รู้เรื่อง รักษาเพียงแค่ให้ยากลับไปกิน
วันที่ 19 ม.ค. 67 ที่บริเวณวัดใหม่ หรือวัดวิจิตราราม ต.ปากทาง อ.เมือง จ.พิจิตร น.ส.กาญจนา ชูเมือง อายุ 48 ปี พร้อมด้วยนายนพพร พรหมเมศร์ อายุ 55 ปี พ่อและแม่ของ น้องอินเตอร์ อายุ 5 ปี 4 เดือน ผู้เสียชีวิต ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวว่า ข้องใจการรักษาของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในจ.พิจิตร โดยเฉพาะการวินิจฉัยของแพทย์จนทำให้น้องเสียชีวิต
น.ส.กาญจนา กล่าวว่า ตนเองพร้อมด้วยสามีได้นำน้องอินเตอร์ได้เข้ารักษาตัวโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในจ.พิจิตร เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 67 ช่วงเวลา 13.00 น. เนื่องจากลูกสาวตนเองบ่นว่าปวดท้องอย่างหนัก เมื่อไปถึงโรงพยาบาล ซึ่งเรียกว่าห้องโอพีดี ตนไปนั่งรอหมอตั้งแต่บ่ายโมงจนถึงเกือบ 19.00 น. จึงได้ตรวจ ปรากฏว่าหมอให้ยาพารา และยาถ่ายแก้ปวดท้องมากิน และให้กลับบ้าน
ต่อมาตนได้นำลูกกลับไปหาหมออีกครั้ง เนื่องจากลูกสาวบอกว่าปวดท้องจนทนไม่ไหว ปรากฏว่าหมอบอกว่า มีก้อนอุจจาระอยู่ในท้อง และให้ยาสวนก้นมาส่วนก้นอีกครั้ง ปรากฏว่าตนทำให้ลูกแล้วลูกสาวปวดท้องจนทนไม่ไหว จึงพาลูกกับมาตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ซึ่งมาตรวจครั้งนี้หมอให้ไปเอกซเรย์ หรือเรียกว่าเข้าอุโมงค์ตรวจดูในท้อง ปรากฏว่าหมอบอกว่าเป็นฝีที่ช่องท้อง มีหนองด้วย และรักษาให้น้องไม่ได้ เพราะไม่มีเครื่องมือ จึงส่งตัวลูกสาวมาโรงพยาบาลอีกแห่ง เมื่อวันที่ 17 ม.ค. เมื่อมาถึงทางโรงพยาบาลได้ตรวจปรากฏว่า หมอถามว่า ไม่รู้หรือไงลูกสาวนั้นเป็นไส้ติ่งแตก และเป็นฝีในท้อง ทำให้เสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลแห่งที่สอง
ตนข้องใจมากว่าโรงพยาบาลแห่งแรก การรักษาตัวล่าช้า ประกอบกับวินิจฉัยโรคน่าจะรู้ว่าเด็กเป็นอะไรตั้งแต่แรก ทั้งที่เด็กก็บอกว่าปวดท้องมาก รักษาครั้งแรกเพียงให้ยากลับบ้านไปกิน ถ้าหมอรักษาได้ทันท่วงที วินิจฉัยโรคถูกตั้งแต่แรก ลูกสาวน่าจะคงยังไม่ตาย ที่ผ่านมาตไม่เข้าใจว่าโรงพยาบาลรักษาอย่างไร ดังนั้นอยากให้มีการตรวจสอบการทำงานของแพทย์ว่ารักษากันอย่างไร และเรียกร้องขอให้โรงพยาบาลดูแลคนไข้ให้มากกว่านี้เรื่องวินิจฉัยโรค