เล่นน้ำสงกรานต์ทำรถติด คร่าชีวิตสาว 31 ปี รถพยาบาลเข้าไปช่วยชีวิตไม่ทัน

สงกรานต์เล่นน้ำรถติดแหง็ก คร่าชีวิตสาววัย 31 รถพยาบาลเข้าไปช่วยชีวิตไม่ทัน พ่อผู้เสียชีวิตเสนอขอให้มีเส้นทางพิเศษรองรับกรณีเหตุฉุกเฉินส่งตัวผู้ป่วย

จากกรณี เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 67 เวลาประมาณ 19.45 น. ลูกนายอำเภอกัณทรลักษ์ เสียชีวิต ด้วยโรคหัวใจ โดยเกิดภาวะช็อกเต้นผิดจังหวะ วูบดับขณะเล่นน้ำสงกรานต์ ทราบชื่อต่อมา คือ นาง ประภัสรา รัตวาลย์ อายุ 31 ปี ลูกสาว ของ นาย ปวิช รัตวาลย์ นายอำเภอพยุห์ จ.ศรีสะเกษ

ทีมข่าวเดินทางมายัง บริเวณริมถนนสายกันทรลักษ์-เขาพระวิหาร หน้าศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งในพื้นที่ในวันที่ 17 เม.ย. 67 ไม่มีการตั้งด่านเจ้าหน้าที่ หรือ มีประชาชนเล่นกิจกรรมวันสงกรานต์แล้ว ซึ่งบรรยากาศ บริเวณศาลหลักเมืองบ้านเรือนประชาชน ปิดเงียบสนิท รถสัญจรไม่พลุกพล่าน ถนนโล่ง และเป็นถนน ที่รถวิ่ง ฝั่งละ 2 เลน ซึ่งถ้าหากในช่วงการจราจรไม่ติดขัดนั้น รถสามารถสัญจรได้ตามปกติ

ต่อมาทีมข่าวเดินทางมายังวัดป่าเบญจลักษ์ อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยค่ำวันนี้ เวลา 21.30น. ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพบำเพ็ญกุศลของผู้เสียชีวิต โดยบรรยากาศงานนั้น ได้มีการสวดอภิธรรมศพแล้วเสร็จ และเตรียมฌาปนกิจศพในวันพรุ่งนี้ 18 เม.ย.67

โดยทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ นาย ปวิช รัตวาลย์ นายอำเภอพยุห์ จ.ศรีสะเกษ หรือพ่อของผู้เสียชีวิต  ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ โดย นางประภัสรา รัตวาลย์ อายุ 31 ปี ลูกสาว ตนเองนั้น ได้เดินทางไปเที่ยวเล่นวันสงกรานต์ตามปกติ กับเพื่อน ๆ ซึ่งระหว่างวันไม่ได้ มีเหตุการณ์ หรืออาการใดเกิดขึ้น ในขณที่ เวลา 19.00 น. อากาศยังคงร้อนระอุ และประกอบกับโดนน้ำสาด และร้องเล่นสนุกกับเพื่อน ๆอยู่ จู่ ๆ น้องก็เกิดภาวะช็อก  โดยในระหว่างนั้นได้มีการ รีบประสานแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยทันที

แต่เนื่องด้วย ตลอดสองข้างทาง ถนนทั้งเส้นโดยรอบบริเวณศาลหลักเมืองนั้น มีรถเต็มท้องถนน โดยเป็นปกติของนักท่องเที่ยวที่มาเล่นสงกรานต์ คือถ้าหากผ่านมายังเส้นทางนี้ รถติดนานร่วม 3-4 ชั่วโมงอย่างแน่นอน

ในระหว่าง นั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยรถกู้ภัยเดินทางเข้ามายังในพื้นที่เกิดเหตุได้อย่างยากลำบาก เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องรีบเดินเท้าเข้ามายังพื้นที่ เกิดเหตุ และช่วยปั้มหัวใจ โดยในเวลานั้น ประมาณ 20.00 น. ลูกเขยของตนเองโทรศัพท์มาบอกว่า เจ้าหน้าที่กำลังช่วย ปั้มหัวใจ CPR จนมาทราบว่าลูกสาวตนเองไม่มีชีพจรเต้นแล้ว

ยอมรับว่าเสียใจมากกับเหตการณ์ที่เกิดขึ้น ในฐานะที่ตนเองเป็นพ่อคนและพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้ อยากให้มีการถอดบทเรียนอยากให้เจ้าหน้าที่ผู้บริหารงานเทศกาล ปกครองพื้นที่ นำเรื่องนี้มาเป็นการถอดบทเรียน ให้มีการ จำกัด ถนน 1-2 เลน หรือเส้นทางพิเศษ สำหรับ รองรับเอาไว้ในพื้นที่ ที่อยู่ติดกันกับเทศกาลงานต่างๆ เพื่อให้รถโรงพยาบาล รถเจ้าหน้าที่ตำรวจ  รถกู้ภัย สามารถใช้เส้นดังกล่าวผ่านได้ในช่วงเวลาคับขัน

ไม่ได้เพียงแค่รองรับสำหรับช่วยผู้ป่วยหรือคนประสบเหตุในช่วงสงกรานต์ แต่จะสามารถครอบคลุมถึง ผู้ป่วยจากโรงพยาบาลย่อย ส่งตัวไปยังโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลใหญ่ในพื้นที่  เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาได้เร็วที่สุด

ตนเองไม่ได้อยากโทษเจ้าหน้าที่แต่ถ้าหากมีการเข้าถึงอย่างทันท่วงที นักท่องเที่ยว คนมาเล่นน้ำสงกรานต์ ต่างให้ความช่วยเหลือ และ คำนึงถึงความปลอดภัยต่อตัวเองและคนอื่น ในกรณีฉุกเฉิน บางทีผู้ป่วยที่ยังไม่วิกฤติก็อาจจะรอดพ้นจากเหตุการณ์นี้ได้

ถ้าหากมีการปรับเปลี่ยนและมีการคำนึงในเรื่อง การทำเส้นทางพิเศษ Emergency lane ไว้ในกรณีมีการจัดงาน ที่มีโอกาสการจารจรติดขัด นั้น อยากให้ ประชาชนต่างเข้าใจและให้ความร่วมมือด้วย

ยอมรับว่า ลูกตนเอง เคยผ่าตัดหัวใจตั้งแต่เขาอายุ 6 ขวบและโตมานั้นก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่เมื่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิด ยอมรับว่าเสียใจมาก ๆ แต่ก็ไม่ได้ติดใจกับเหตุการณ์ในการเสียชีวิตในครั้งนี้