"แบงค์ ศรราม" เคลียร์ดราม่า "นุ่น ดำดง" ออกจากวง ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง ยืนยันไม่มีปัญหาส่วนตัว

แบงค์ ศรราม เปิดใจเคลียร์ประเด็นดราม่า นุ่น ดำดง ออกจากวง ยืนยันไม่มีปัญหากันส่วนตัว ไม่รู้สาเหตุที่ลาออก เป็นเพื่อนกัน 8 ปีไม่บอกสักคำ ไม่หวงหากเอา "ดำดง" ไปใช้

เรียกว่ากลายเป็นกระแสดราม่า มาได้สักพักแล้วระหว่างคณะลิเก ศรราม น้ำเพชร และ นุ่น เนตรชนก หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ดำดง“ หลังจากที่เจ้าตัวประกาศถอนตัวออกจากคณะลิเก เหตุเพราะรู้สึกว่าทุกอย่างเปลี่ยนไป มีความอึดอัด และในวงไม่มีใครคุยด้วย แม้แต่หัวหน้าวง ซึ่งตนก็พยายามปรับมาหลายเดือนแล้ว แต่ก็ไม่มีความสุข งานนี้ทางฝั่งหัวหน้าคณะอย่าง แบงค์ ศรราม ก็ได้ตั้งโต๊ะแถลงจ้อเท็จจริงอีกด้านเช่นกัน

ล่าสุด “แบงค์ ศรราม” ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงข้อเท็จจริงหลังจากที่ นางเอกลิเกสาว“นุ่น เนตรชนก“ ลาออกจากคณะ โดยเจ้าตัวเผยว่า หลายคนเฝ้ารอตนมาพูด ตอนแรกที่เกิดเรื่องนั้น มีสื่อติดต่อมาให้ตอบคำถาม แต่ตนไม่ได้อยากให้ตีความเป็นดราม่า เลยจะตอบทีเดียว คิดว่าไม่น่าเป็นประเด็นใหญ่โต มันเป็นแค่เป็นปัญหาในการทำงาน ไม่ใช่ผ่านแค่ในโซเชียล และวันนี้ตนก็ขอชี้แจงในมุมของตนตามข้อเท็จจริง ซึ่งตนก็ขอไม่พาดพิงคนอื่น ขอตอบในมุมตน

โดยเผยถึงประเด็นแรกเกี่ยวกับเรื่องที่ตนไม่ได้คุยกับ “นุ่น” จนเขาต้องลาออก ซึ่งตนบอกว่า “นุ่น” มันลาออกกะทันหันมาก เขาไม่ได้บอกก่อนเลยและยังไม่ได้นั่งคุยถึงปัญหาแท้จริง ซึ่งทุกคนก็งงกันหมด และในส่วนประเด็นที่ 2 คนบอกว่า ตนตึงทั้งหน้าเวทีและหลังเวที ซึ่งตนยืนยันว่ามันเป็นไปไม่ได้ ตนไม่เคยเอาความเครียดมาลงหน้าเวที เพราะการทำงานสำคัญที่สุด และยิ่งตอนนี้หลังเวทีมันเปลี่ยนไป ทุกคนก็เอาโทรศัพท์มาไลฟ์ในที่ของตัวเองเลยไม่ได้คุยกัน กับ“นุ่น“ เรามาอยู่กันแบบเพื่อน อยู่กันมาได้ ถึง 8 ปี

ถามว่าได้หาเหตุผลกับเรื่องนี้ไหม ตนบอกว่า อย่างประเด็นด้อมคู่จิ้น ตนก็มีการคุยกันวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่เวลาตนแสดงกับใครจะมีคนมาจิ้น ตนไม่ได้ห้ามเลย เพียงแค่ในไลฟ์ทางเพจมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นไม่สร้างสรรค์และเปรียบเทียบตอนตนแสดงกับ “น้องปอย ลูกท่าเรือ” แฟนคลับ “น้องปอย” เลยมาปกป้อง กลายเป็นว่าแหนคลับได้เข้ามาโจมตีกัน ทางตนก็เลยคุยกับ “นุ่น“ ให้ไปช่วยสื่อสารกับแฟนคลับเองถึงเรื่องนี้ คิดว่าคนที่สร้างด้อมจิ้นเป็นแฟนคลับของ ”นุ่น” เลยให้เขาไปชี้แจงในด้อมเอง ทางตนก็ไม่ได้มีการต่อว่าคุยกันแบบเพื่อนเลย

ถามฟีดแบคตอนนั้นหลังแจ่งไป ตนก็บอกว่า ยังไม่ได้ข้อสรุปเลย วันที่ 27 เมษายน 2567 ตนก็ไม่ได้เจอกันแล้ว เพียงแต่เขาส่งข้อความมาหาคนรับงานของคณะว่าจะลาป่วยและจะถอยออกมาเป็นข้อความแบบยาวเหยียด จากวันนั้นตนกับเพื่อนก็ไม่ได้คุยกันเลย ตนก็แปลกใจมาก ส่วนตัวไม่ได้มีปัญหากัน เพราะเป็นเพื่อนกันเคยคุยกันได้ทุกเรื่อง แต่ไม่คุยกันแล้ว

ในส่วนดราม่าช่วง“นุ่น”มีกระแส ใครที่เข้าใกล้เขาจะโดนดราม่าหมด ทุกคนเลยระวังตัวไม่กลัวใกล้ เพราะถูกมองว่ามาเกาะกระแสเขาดัง ตนก็ยังโดนเลย สำหรับตนเสียใจมาก เพราะเขาก็มีความสามารถ มาถึงตอนนี้ก็ยัง งงว่าเป็นเพราะอะไร

หลายคนบอกว่าตนไม่ดูแลน้อง ตนก็เผยว่าคนมองว่าตนไม่ดูแลความรู้สึก อย่างล่าสุดที่เจอดราม่า ตนก็ให้คำปรึกษา และตอนที่เขาไม่มา ตนก็จะปกป้องภาพลักษณ์ของคณะ ส่วนการรับงานนอก ตนไม่ได้ปิดรับโอกาส แต่อย่าทำให้กระทบกับงานลิเก

รู้สึกยังไงบ้างเวลาที่ออกมาปกป้องแต่โดนดราม่าเอง ซึ่งตนก็ทำหน้าที่หัวหน้า เพราะกว่าจะถึงตอนนี้ได้กว่า 20 ปี ตนก็แค่ทำหน้าที่ปกป้อง ลูกน้องทีมงาน ถึงแม้มีกระแสตีกลับ ตนรู้ว่าทำเพื่ออะไร

ล่าสุดน้องได้ไปกราบลา “แม่แก้ว” ทางแม่บอกว่า น้องมาขอโทษ แต่แม่ถามกลับไปว่า “ทำไมไม่เข้ามาคุยกับป้า” “ทำไมเลือกไลฟ์ก่อน” พอไลฟ์เสร็จ ถึงโทรมาหาแม่ตนในวันที่ 1 พฤษภาคมและวันที่ 4 มากราบลาอย่างเป็นทางการ

สำหรับเหตุผลในการลาออก ตนก็อยากรู้ว่าลาออกเพราะอะไร ถ้าเป็นเหตุผลที่เขาไลฟ์ ตนคิดว่าจะหาทางออกได้ เพราะเป็นเพื่อนกันมา 8 ปี เขาก็น่าจะรู้จักตน

หลังจากนี้การแสดงจะเป็นยังไงต่อ ตนบอกว่า กำลังตัดสินใจอยู่ว่าถ้าเจ้าภาพอยากชมจะให้ใครรับบทดำดงดี ตอนนี้ยังไม่มีผลกระทบกับการจ้างไม่มีใครยกเลิกเลย ตนคิดว่าทุกคนเป็นดำดงได้ ไม่หวั่นโดนเปรียบเทียบ ขอกำลังใจดีกว่า เพราะเห็นแล้วว่าถ้าเปรียบเทียบมันจะสร้างรอยร้าว หลังเกิดเรื่องทุกคนได้ผลกระทบหมดเลย เพราะเอฟซีไปโจมตีหมด

ทางด้านลิเกคณะอื่นได้ทาบทาม“นุ่น”เข้าคณะ ตนก็ยินดีกับเขาด้วย ฝากทุกคนให้โอกาสกับเขาด้วย แต่ถ้าเขากลับมาร่วมงาน ตนบอกเลยว่าก็ยังร่วมงานได้ และไม่มีปัญหาส่วนตัว

ถามถึงในโปรเจ็กต์ “หม่อมแม่แก้วปะทะดำดง” ตอนนี้ต้องคุยกันว่าจะเอายังไงต่อ อาจจะมีการปรับเปลี่ยนกัน ส่วนแฟนคลับทาง “นุ่น” สามารถทักมาขอเงินคืนได้ และตนก็ยังมีแฟนคลับตัวเองที่อยากชมอยู่ ยืนยันจะตัดต่อไปและพอไม่มีดำดง ตนก็มองว่ายังไม่มีผลกระทบต่อคณะ

ที่น้องบอกว่าที่ทำงานจะไม่ใช่เซฟโซน ตนบอกว่า หลังเวทีมันมีปัญหาเยอะมาก ต้องตักเตือนและปรับกันไป มันวุ่นวาย แต่ละคนก็ไม่รู้ว่าใครจะมีความทุกข์ยังไงบ้างและคิดว่าที่ตรงนี้เลยไม่เหมาะในการเป็นเซฟโซน ตนก็ไม่หวั่นถ้าพูดไปแล้วแฟนคลับจะเสียงแตกเพราะตนชี้แจงในมุมของตน

ส่วนคำว่า ”ดำดง“ น้องสามารถยังใช้ได้อีกไหม ตนก็คิดว่า คำนี้มันไม่มีลิขสิทธิ์ เขาสามารถใช้ได้ และยังไม่ได้ปิดกลั้นอะไร

สุดท้ายฝากถึงเพื่อน“นุ่น” กับการทำงานตลอด 8 ปี ตนบอกว่า เขาก็ทำหน้าที่ดี ตนก็เคารพการตัดสินใจเพราะทุกคนมีทางเดินของตัวเอง อยากให้ทุกคนตามไปซัพพอร์ตศิลปินของตัวเองที่ชื่นชอบ และให้ยอมรับการเปลี่ยนแปลง