น้องสาวหอบกระดูกพี่ชายวอนตำรวจไขคดี อ้างอาจถูกวางยาพิษ

19 พ.ค. 67

น้องสาวหอบรูปหน้าศพและกระดูก มอบตำรวจ ช่วยพิสูจน์ความจริง อ้าง พี่ชาย อาจถูกวางยาพิษ ลั่นไม่ได้ต้องการเงิน แต่สงสารพ่อแม่เป็นทุกข์ตลอดเวลา

 

จากกรณีน้องสาวนำหลักฐานเข้าร้องขอความช่วยเหลือกับนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา ที่สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ เกี่ยวกับกรณีการเสียชีวิตของพี่ชาย คือ นายพิชิต หรือ ต้น อายุ 44 ปี เจ้าของธุรกิจสอนนวดแผนไทย ที่จังหวัดมหาสารคาม เมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา โดยสภาพศพดำคล้ำผิดปกติ สงสัยว่าถูกวางยาพิษ จึงอยากเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับพี่ชาย

วันนี้ นางสาวณัฐปภัษร์ อายุ 41 ปี น้องสาวของนายพิชิต หรือ ต้น ได้นำรูปหน้าศพและอัฐิเก็บกระดูกของพี่ชาย เดินทางมาที่ สน.วังทองหลาง จุดประสงค์เพื่อให้มีการส่งตรวจพิสูจน์ถึงสาเหตุการตาย ว่า เกิดจากถูกวางยาพิษหรือไม่ โดยก่อนจะนำอัฐิพี่ชายออกจาห้องพักในคอนโดย่านรามคำแหง ได้จุดธูปบอกพี่ชายว่า “ ขอให้ช่วยเจด้วย ช่วยพิสูจน์ความจริงด้วย ถ้าพี่ต้นตายด้วยสาเหตุธรรมชาติ ก็ขอให้บอกมาเลย บอกทุกคน บอกนักข่าว บอกตำรวจ บอกศาล ”

1716121441104

น้องสาวคนตาย บอกด้วยว่า การออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้ เพื่อต้องการรู้ความจริง ว่า พี่ชายเสียชีวิตเองตามธรรมชาติ หรือ มีใครทำให้ตาย เพราะตัวเองกับครอบครัวยังติดใจในสาเหตุการตายและมีความเชื่อว่าพี่ชายอาจถูกวางยาแน่นอน แต่ก็อยากให้ตำรวจได้ทำการสืบสวนสอบสวนและเป็นคนออกมาสรุปว่าใครเป็นคนทำ

ที่สำคัญสาเหตุที่ตัวเองออกมาเคลื่อนไหว ก็เพราะสงสารพ่อกับแม่ ซึ่งก่อนหน้านี้พ่อโทรศัพท์มาหาแล้วร้องไห้ทุกวัน ส่วนแม่ก็เอาแต่นั่งเฝ้ารูปหน้าศพ และบางครั้งก็ร้องไห้หนักมาก จนตัวเองทนไม่ไหว แล้วคิดว่าต้องหาทนายมาช่วย จึงเดินทางเข้าพบทนายเดชา กิตติวิทยานันท์

ส่วนที่ภรรยาของพี่ชาย ตั้งข้อสังเกตว่าการที่เธอออกมาเคลื่อนไหว เกี่ยวข้องกับเงินประกันและทรัพย์สินต่างๆของพี่ชาย เพราะก่อนหน้านั้นมีปัญหาทะเลาะกันรุนแรงถึงขั้นตัดพี่ตัดน้องกันไปแล้วนั้น

น้องสาวคนตาย ยอมรับว่า มีปัญหากับพี่ชายจริง ตอนที่เข้าไปทำงานอยู่ที่บริษัทของพี่ชายกับภรรยา เป็นปัญหาในทำนองที่ว่าอีกฝ่ายไม่ชอบตัวเองและพยายามบีบให้ออกจากร้าน ซึ่งตัวเองไปทำงานได้เพียง 23 วัน แล้วตัดสินออกมา โดยไม่ได้รับค่าจ้างแม้แต่บาทเดียว พร้อมตั้งคำถามกลับไปทางภรรยาของพี่ชาย “ สมมุติว่าผ่านไป 1 ปี แล้วฝั่งโน้นมีแฟนใหม่ เขาจะเลี้ยงดูพ่อแม่เราไหม พี่ต้นสมควรที่จะมีชีวิตอยู่หรือไม่ ” ทั้งยังบอกว่าอยากให้มองว่าการตายของพี่ชายใครได้ประโยชน์มากที่สุด

สำหรับประเด็นที่ทางภรรยาของพี่ชาย บอกว่า ตัวเองไม่ไปร่วมงานศพพี่ชาย ก็เป็นเรื่องจริง เพราะนับแต่วินาทีที่รู้ว่าพี่ชายตาย ตัวเองก็สงสัยขึ้นมาเลยว่าต้องมีคนทำให้ตาย ซึ่งก็ได้จุดธูปสาปแช่ง เพราะโกรธแค้นที่มาทำกับพี่ชาย จนสภาพศพ “ ร้องไห้เป็นสายเลือด ”

น้องสาวคนตาย บอกว่า เมื่อเช้านี้ ภรรยาของพี่ชายได้ส่งคนมาเก็บข้าวของที่บ้าน ย่านพัฒนาการ 20 ซึ่งปัจจุบันแม่อยู่ที่บ้านหลังนั้นคนเดียว เพราะไม่ยอมไปไหนต้องการอยู่เฝ้ารูปหน้าศพของพี่ชาย ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้ตัวเองรู้สึกกับครอบครัวรู้สึกกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะก่อนหน้านี้ภรรยาของพี่ชายก็เคยโทรศัพท์มาหาแม่ บอกว่าจะมารับเพื่อพาไปพบตำรวจที่ สภ.ยางสีสุราช จังหวัดมหาสารคาม แล้วจะได้รู้ความจริง แต่ส่วนตัวมองว่าการกระทำแบบนี้ ต้องการข่มขู่ให้แม่เกิดความกลัว ล่าสุดจึงเตรียมให้แม่ย้ายไปอยู่ที่อื่นเป็นการชั่วคราวจนกว่าเรื่องจะจบ

สำหรับคดีที่พี่ชายถูกลอบยิงใส่รถโตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ เมื่อคืนวันที่ 8 เมษายน ก่อนจะเสียชีวิตประมาณ 1 สัปดาห์ น้องสาวคนตาย ก็เชื่อว่าน่าจะมีความเชื่อมโยงกัน และทราบว่าวันที่ถูกลอบยิง เป็นวันที่ภรรยานัดไปพูดคุยเรื่องหย่า ที่สถานบันเทิงย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา.

advertisement

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส