"เอมอร ระเบียบวาทะศิลป์" ดาวตลก LGBTQ หน้าม่านคือเสียงหัวเราะ หลังม่านคือชีวิตจริง

เอมอร ระเบียบวาทะศิลป์ ดาวตลก LGBTQ เปิดความรู้สึกคำว่ากะเทย = ตัวตลก? อาชีพที่หน้าม่านคือเสียงหัวเราะ หลังม่านคือชีวิตจริง

เอมอร ระเบียบวาทะศิลป์ ดาวตลก LGBTQ แห่งวงการหมอลำ หน้าม่านคือเสียงหัวเราะ หลังม่านคือชีวิตจริง กว่าจะมีวันนี้ไม่ง่าย เปลี่ยนความฝันของครอบครัว เลือกทำตามความฝันของตัวเองจนสำเร็จ

โดย เอมอร ระเบียบวาทะศิลป์ ได้เผยว่า…ตอนแรกหนูตั้งใจจะมาเป็นแดนเซอร์ก่อน แต่ไม่ได้ตั้งใจจะมาเป็นนักแสดงตลกคือช่วงนั้นมันได้รับโอกาสพอดีเราก็เลยต้องคว้าไว้ก่อน แล้วหนูก็เลยยึดอาชีพตลกมาตั้งแต่วันนั้นเลย

อาชีพของเราให้อะไรกับผู้ชม?
หนูคิดว่าน่าจะเป็นความสุขเสียงหัวเราะแล้วก็หลายๆคนที่เขาทำงานเหนื่อยๆเขามาดูเราเขามีฟีดแบคกลับมาว่าจะเหนื่อยๆได้มาดูก็คลายเครียด เราได้ยินคำพวกนี้มาทำให้เรามีพลังบวก

กะเทย = ตัวตลก?
สำหรับหนูไม่ได้ซีเรียสกับคำนี้นะคะ มันอยู่ที่คนด้วย กะเทยบางคนไม่ตลกก็มี กะเทยบางคนพยายามจะทำให้ตัวเองเป็นที่สนใจแล้วก็เป็นคนที่ทำให้เพื่อนดูสดใสตลอดเวลา อย่าพยายามมองเขาว่าเขาเป็นกะเทยด้วย เป็นตัวตลกด้วย บางคนเขาอาจจะเป็นตลกแค่อาชีพ เขาอาจจะไม่ได้ตลกกับทุกๆเรื่องที่คนมอง

เพศอย่างเราต้องเก่งกว่าคนอื่น?
สำหรับตัวหนูคิดว่าต้องเก่งกว่าค่ะ อย่างเพศเราๆมันเป็นเพศที่ได้รับโอกาสจากคนอื่นหรือหน่วยงานอื่นน้อยมาก เขาตัดสินเราแค่รูปรูปลักษณ์ภายนอก ก็ตัดสินเราแค่สิ่งที่เราเป็น เขาอาจจะไม่ได้มามองและมาสัมผัสกับตัวเราจริงๆว่า เราเป็นอย่างนี้แต่ความสามารถของเราได้ดีกว่า ผู้ชายจริงๆหรือผู้หญิงแท้ แต่ เราก็ไม่ได้ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงเขาไม่เก่งนะคะ แต่สำหรับตัวเราคือต้องสปีดตัวเองขึ้นมาเพื่อที่จะทำได้ทุกอย่าง ถามว่าหนูเก่งเพราะอะไรหนูจะต้องผลักดันตัวเองขึ้นมาเพราะเราไม่มี จะซื้ออะไรปัจจัยหลักของเราก็คือเงิน

อาชีพหมอลำหลายๆคนอาจจะมองว่าเป็นอาชีพที่สบายทำแบบง่ายๆ สำหรับตัวหนูหนูจะบอกกับทุกคนเลย ทุกคนอาจจะมองว่ามันง่ายก็จริง แต่เวลาเราแต่งตัว เราเป็นตลกก็จริงแต่เราจะต้องทำให้มันสมกับที่เขาซื้อบัตรเข้ามาดู เข้าอาจจะไม่ได้มาดูเราหรอก แต่สายตาที่เขามองมาบนเวทีเขาอาจจะเห็นเราด้วย หนูก็เลยจะต้องแต่งตัวจัดเต็มตลอดเวลา การแต่งตัวก็เหมือนการให้เกียรติคนดูด้วย

สำหรับตัวหนูตั้งแต่เป็นกะเทยน้อยขึ้นมาใหม่ๆ ส่วนมากคุณพ่อจะไม่ยอมรับเพราะที่บ้านหนูทำค่ายมวย เขาก็อยากตั้งความหวังไว้กับลูกว่าเขามีลูกชายก็คือเรา เขาก็อยากให้เราเดินตามความฝันของเขา แต่เราไม่ชอบฝั่งนั้น แต่เราก็พยายาม พิสูจน์ตัว ตัวเองให้พ่อเห็นว่าถึงฉันจะเป็นแบบนี้ แต่ฉันก็จะนำความรู้ความสามารถหรือว่านำคำชื่นชมมาให้กับนามสกุลเราได้วงศ์ตระกูลเราได้

คำเหยียดหยามจากสังคมกระทบต่อจิตใจเรายังไงบ้าง?
ส่วนมากหนูอาจจะไม่ได้เจอคำแรงๆเพราะว่าหนูอาจจะแรงกว่าเขา พร้อมสู้กลับ เอาง่ายๆคือสิ่งไหนที่เราทำ มันไม่ได้เป็นผลกระทบต่อเขาคนนั้นแต่เขากลับมาว่าเรา หนูก็จะตอบโต้กลับเลย เพราะว่าหนูจะไม่เก็บคำพูดของเขามาเป็นสิ่งที่ ลดทอนคุณค่าของตัวเอง

หน้าม่านคือเสียงหัวเราะหลังเวทีคือชีวิตจริง?
เวลาขึ้นแสดงบนเวทีกับชีวิตหลังเวทีต่างกันไหม หนูว่าก็ต่างนะคะ เพราะว่าหลังเวทีต่อให้เราจะเจออุปสรรคอะไรต่างๆ แต่ขึ้นหน้าเวทีเราก็ต้องเอ็นจอย เราจะต้องคิดไว้เสมอว่า เราคือบุคคลที่จะต้องขึ้นไปสร้างเสียงหัวเราะอยู่บนเวที เราต้องคอยเป็นพลังบวกให้กับผู้ชม

ความหลากหลายทางเพศกับอาชีพหมอลำ?
หนูคิดว่าความหลากหลายของเรามันไม่ได้จำกัด อยู่ที่นี่ก็มีน้องที่เป็นทอมมาเต้นผู้หญิงด้วย บางคนที่เข้ามาอาจจะมาเป็นแค่นักร้องที่เป็นผู้ชายผู้หญิง แต่อย่าลืมนะว่าตอนนี้โลกมันเปลี่ยนไป คือเขาเปิดกว้างแล้ว บางวงบางคณะ เขาเปิดให้ สาวประเภทสองร้องเพลง เขาไม่ได้จำกัด พวกเราก็มีความสามารถไม่แพ้ชายจริงหญิงแท้จริงๆ

สำหรับ เอมอร นะคะ ก็รู้สึกดีใจและภูมิใจกับพี่ๆน้องๆ LGBTQ เพราะว่าเป็นเดือนแห่งความหลากหลายทางเพศ และสิ่งหนึ่งที่เรารอคอยนั้นก็คือ สมรสเท่าเทียม และสิ่งที่เอมอรอยากจะเห็นหรือหลายๆคนอยากจะเห็น นั้นก็คือความเท่าเทียมที่แท้จริง การบูลลี่ในเพศสภาพของพวกเรา ใครที่ได้ยินหรือใครที่รับฟังก็อาจจะเป็นสิ่งที่บั่นทอนจิตใจ เราก็เลยอยากจะบอกว่าให้พูดให้กำลังใจกันจะเป็นสิ่งที่ดีมากกว่า อยากจะบอกกัยทุกคนว่าแม้แต่กระทั่งตัวคุณเอง คุณอยากได้คำชื่นชม พวกเราก็อยากได้เสียงชื่นชมจะทุกๆคนเหมือนกันค่ะ อย่าเพิ่งตำหนิหรือว่ามองเราแค่เพศสภาพ หรือมองเราแค่รูปลักภายนอกของพวกเรา ต้องมาสัมผัสก่อนว่าพวกเราเป็นยังไง พวกเรามีสามารถด้านอะไรบ้าง แล้วคุณจะหลังรัก LGBTQ อย่างพวกเราค่ะ