นายกฯ เห็นหนังสือลาออก พิชิต แล้ว ขอบคุณในสปิริต เพื่อให้รัฐบาลเดินหน้าแก้ไขปัญหาต่อได้ เตรียมต่อสายข้ามทวีปให้กำลังใจ
(21 พ.ค.67) เวลา 11.15 น.ตามเวลาท้องถิ่น ณ กรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน กรณีนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งว่า ตนขอพูดภาพใหญ่ก่อน เพราะเรื่องของเศรษฐกิจ และการเมืองเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งในฐานะนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ และเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ฝ่ายบริหารต้องน้อมรับคำติชม และการตรวจสอบจากฝ่ายตุลาการ และฝ่ายนิติบัญญัติ
โดยเรื่องของนายพิชิต เข้าใจว่าเพิ่งยื่นหนังสือลาออกไป (ประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนนายกฯ ให้สัมภาษณ์) ซึ่งนายพิชิต ก็เห็นแก่ประโยชน์บ้านเมืองเป็นหลัก เพราะอยากให้นายกฯ และคณะรัฐมนตรีเดินไปข้างหน้าได้ เพราะปัญหาบ้านเมืองเองก็หนักหนาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ ที่ล่าสุดสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ออกมาแถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 1/67 ขยายตัวเพียง 1.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำติดดิน โดยเข้าใจว่าหากได้พูดคุยกับเลขาธิการสภาพัฒน์ฯ ในเรื่องของภาคบริการ เช่น ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งประเทศไทยก็จะตกไปอยู่กับเรื่องในภาษาเศรษฐศาตร์ที่ว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค (Technical recession) ซึ่งรัฐบาลต้องเดินหน้าต่อไปในหลาย ๆ เรื่อง และเข้าใจว่านายพิชิต คงอยากให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าได้โดยไม่ต้องเป็นห่วงเป็นใย ซึ่งก็ขอขอบคุณนายพิชิต ที่ได้แสดงออกทางสปิริตมาในวันนี้
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีเชื่อว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของการเสียสละ และไม่อยากกดดันศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลฯจะได้พิจารณาได้อย่างมีอิสระอย่างแท้จริง โดยในกรณีดังกล่าวก็มีคำถามมาเยอะ และข้อข้องใจเยอะ ทำให้นายพิชิต ไม่อยากเป็นภาระของรัฐบาล จึงได้แสดงสปิริตออกมา
ส่วนเมื่อวานนี้ได้มีการพูดคุยกับนายพิชิต ก่อนหรือไม่ นายกรัฐมนตรียืนยันว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน นายพิชิตเพิ่งโทรหาตนตอนปฎิบัติภารกิจอยู่ จึงยังไม่ได้โทรกลับ โดยตนเองก็เตรียมที่จะโทรกลับหานายพิชิต เพื่อให้กำลังใจ พร้อมเชื่อว่าเรื่องนี้จะส่งผลดีต่อทุกฝ่าย
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ได้เห็นหนังสือลาออกแล้ว เพียงแต่ว่าได้นั่งอ่านบนขบวนรถยนต์ ที่ขับรวดเร็วมาก จึงทำให้รู้สึกปวดหัว และยืนยันด้วยว่านับจากนี้นายพิชิต จะไม่มีตำแหน่งใดในรัฐบาล แต่เชื่อว่าจิตใจของนายพิชิต ก็อยู่กับพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด ก็คงจะมาช่วยงานอยู่เบื้องหลัง แต่อย่างไรก็ตามก็แล้วแต่นายพิชิตตัดสินใจ
ส่วนจะหารัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายเข้ามาทดแทนหรือไม่ ขอกลับไปพูดคุยในเรื่องนี้ก่อน เพราะเพิ่งกลับคณะรัฐมนตรีไป จึงขอกลับไปปรึกษากันเองก่อน.