เมียหลวงสุดทน! ชู้มั่นหน้า แย่งผัว อ้างช่วยไม่ได้ ไม่ติดทะเบียนสมรสไว้ที่คอเอง

17 มิ.ย. 67

ชู้มั่นหน้า แย่งผัว อ้างช่วยไม่ได้ ไม่ติดทะเบียนสมรสไว้ที่คอเอง กัน จอมพลัง พาเมียหลวง ร้องอัยการคุ้มครองสิทธิ์ฯ เดินหน้าฟ้องหย่าผัว- ฟ้องชู้ 

จากกรณีที่ นางเอ (นามสมมติ) เมียหลวง อายุ 44 ปี เข้ามาขอความช่วยเหลือจาก นาย กัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง เพราะจับได้ว่าสามีนอกใจ และแอบไปสวีทหวานฉ่ำกับหญิงอื่นในบ้านของตัวเอง  

อีกทั้งผู้หญิงคนนั้นยังพูดท้าทายว่า “ก็ไม่เห็นทะเบียนสมรสห้อยคอนี่“ แล้วยังมีหน้าไล่เมียหลวงออกจากบ้าน ทั้งๆ ที่เมียหลวงยังไม่ได้หย่า และยังมีทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฏหมายอยู่ 

ล่าสุดวันนี้ (17 มิ.ย. 67) นายกัน จอมพลัง ได้พาเมียหลวง เดินทางมาพบ นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมาย เพื่อดำเนินการฟ้องชู้ 

โดยนายกัน จอมพลัง ระบุว่า หลังจากที่ตนได้พูดคุยกับนางเอเมื่อวานนี้ และได้มีการแถลงข่าวรายละเอียดต่างๆ กับสื่อมวลชนไปแล้ว ด้วยความเจ็บช้ำของผู้หญิง ในการทวงคืนศักดิ์ศรีของเมียหลวง จึงพานางเอ มายื่นเรื่องขอทนายความเพื่อฟ้องชู้ 

ด้าน นายโกศลวัฒน์ กล่าวว่า อันดับแรกจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่ผู้ร้องได้แจ้งให้ทราบ โดยขั้นตอนแรกทางอัยการคุ้มครองสิทธิ์ฯ จะพยายามไกล่เกลี่ยเพื่อรักษาสถาบันครอบครัว หากไม่จำเป็นจะไม่ถึงขั้นยื่นฟ้องร้อง แต่ถ้าไม่สามารถไกล่เกลี่ยกันได้ เช่น มีการทำร้ายร่างกาย จะมีการยื่นขอคุ้มครองสวัสดิภาพในครอบครัว  ซึ่งในอดีตปัญหาครอบครัว คนมักจะติดภาพว่าเรื่องสามีภรรยาอย่าไปยุ่งเกี่ยว แต่ปัจจุบันกฎหมายคุ้มครองสวัสดิภาพในครัวเรือน ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้สามารถแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และยื่นเรื่องเพื่อขอรับการช่วยเหลือได้ 

สุดท้ายหากไม่สามารถพูดคุยกันได้ จะมีทนายความอาสามาช่วยเหลือทางคดี หากคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย มีข้อโต้เถียงหรือโต้แย้งกัน ก็จะต้องนำพยานทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสารมาสืบ เพื่อให้ความยุติธรรม ทั้งสองฝ่ายไปตามข้อเท็จจริง 

ส่วนกรณีที่ฝ่ายชายอ้างว่าถูกบังคับให้จดทะเบียนสมรส จะสามารถเป็นข้อต่อสู้ทางคดีได้หรือไม่ นายโกศลวัฒน์ ชี้แจงว่า จะต้องมีการพิสูจน์ว่าความจริงคืออะไร ซึ่งข้อเท็จจริงต่างๆ จะถูกนำไปพิจารณาในชั้นศาล เพราะการบังคับให้จดทะเบียนสมรส ต้องถามทางผู้ชายทุกคนว่าจะยอมไปจดหรือไม่ จึงต้องไปพิสูจน์ว่ามีเหตุผลอะไรที่ทำให้ฝ่ายชายต้องจำยอม และการบังคับให้จดทะเบียนสมรส ถือเป็นความผิดทางอาญา เพราะเป็นความผิดต่อเสรีภาพ 

ส่วนที่ฝ่ายหญิงคู่กรณี อ้างว่าความสัมพันธ์กับฝ่ายชาย ไม่ได้เป็นการคบชู้ แต่เป็นการค้าประเวณีนั้น จะทำให้ไม่เข้าข่ายฟ้องชู้ได้หรือไม่ นายโกศลวัฒน์  ชี้แจงว่า เรื่องนี้ต้องสอบพยานและตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงพฤติกรรมว่า คู่กรณีมีความเป็นอยู่อย่างไร และมีการขายบริการจริงหรือไม่ หากมีการตรวจสอบว่าเป็นขายบริการจริง ก็มีกฎหมายการหย่าข้ออื่น เช่น ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ที่เข้าข่ายการฟ้องหย่าได้ ซึ่งทนายอาสา จะให้ข้อมูลอย่างครบถ้วนเพื่อให้ผู้ที่มาร้องได้ตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น 

โดยภายหลังการหารือ นายโกศลวัฒน์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง โดยระบุว่า ได้มีการชี้แจงว่า เหตุของฟ้องหย่าคืออะไร และทางเมียหลวงยืนยันจะเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยก่อน ตามกฎหมายการเป็นชู้หรือร่วมประเวณี ร่วมกับผู้อื่นเป็นอาจินสามารถฟ้องหย่าได้  ซึ่งจะมีการแจ้งไปที่สำนักงานอัยการที่จังหวัดระยอง ให้นัดหมายไกล่เกลี่ย 

ด้านนางเอเมียหลวง ระบุว่า หลังจากได้หารือกับทางอัยการ รู้สึกสบายใจขึ้น พร้อมเปิดเผยว่า เมื่อวานหลังจากที่ตัวเองแถลงข่าว สามีส่งข้อความมาบอกว่า เธอไปสร้างปัญหาให้เขา ซึ่งตนยืนยันที่จะหย่าสามี และฟ้องชู้ พร้อมขอเรียกร้องสิทธิตามกฎหมายที่เมียหลวงพึงได้รับ ส่วนที่ฝ่ายหญิงคู่กรณีอ้างว่า เป็นการค้าประเวณี ตนอยากถามว่า ทำไมถึงมีการพูดถึงทะเบียนสมรสว่าไม่ได้แขวนคอไว้ จึงอยากฝากบอกว่า ถ้าคิดจะค้าประเวณี อย่ามาพูดอะไรที่เกี่ยวข้องกับทะเบียนสมรส และอย่าเอาทะเบียนสมรสมาหยามศักดิ์ศรี มาอ้างให้เมียหลวงเกิดอารมณ์โมโห ซึ่งการกระทำแบบนี้มันหยามศักดิ์ศรีเมียหลวงเกินไป

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส