ดรามาพระตุ้งติ้ง ขอโทษชาวพุทธ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ อวดชีวิตหรูหรา

20 มิ.ย. 67

 

ดรามาพระตุ้งติ้ง ขอโทษชาวพุทธ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ อวดชีวิตหรูหรา อัพรูปซื้อ Cartier เฉียด 2แสน วัดเผยทำทัณฑ์บนไว้ นิสัยชอบอวดเหมือนเด็ก 

จากกรณีเฟซบุ๊กเพจ “อีซ้อขยี้ข่าว3” แชร์โพสต์ของพระสงฆ์รูปหนึ่ง ระบุว่า เป็นพระเลขาวัดดังย่านใจกลางกรุง โชว์ภาพการใช้ชีวิตอย่างหรูหราลงโซเชียล เช่น นั่งรถหรูไปหาหมอ, ใช้โทรศัพท์ยี่ห้อดังราคาแพง 2 เครื่อง, นั่งฉันชาบูในร้านอาหาร, นั่งฉันชาเขียวปั่นร้านกาแฟชื่อดัง และโชว์การทำธุรกรรมผ่านธนาคารเป็นยอดเงินหลักหมื่นบาท 

พร้อมระบุแคปชั่น “เหงาจัง” และโพสต์ภาพใบเสร็จรูดบัตรซื้อกำไลเพชร ยี่ห้อหรู อย่าง Cartier ในมูลค่า 185,000 บาท 

ขณะนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลถึงประเด็นดรามาในการใช้ชีวิตของพระรูปนี้ พร้อมกับคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นต่างๆ มากมาย อาทิ พังหมด ศาสนา, ทำเป็นอาชีพ พวกนี้ควรมีบทลงโทษได้แล้ว,  อยากเปลี่ยนอาชีพเลย,  พวกเราจนกว่าพระอีก, คนจำพวกนี้ทำให้วัดจะเป็นสถานที่ไม่น่าเข้าไปกราบไหว้อีกต่อไป 

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่วัดดังกล่าวย่านบางแค กทม. พบผู้ช่วยเจ้าอาวาสของวัด ได้ทราบข่าวเมื่อเช้า และได้มีการเรียกพระรูปดังกล่าวมาว่ากล่าวตักเตือน และบันทึกถ้อยคำ ทำทัณฑ์บนไว้ หากมีพฤติกรรมแบบนี้อีกครั้ง ก็จะให้สึกออกจากการเป็น ภิกษุสงฆ์ ยืนยันว่าทางวัดไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยพฤติกรรมดังกล่าวของพระรูปนี้เป็นการทำเล่น มักจะชอบอวดเหมือนกับเด็ก จึงทำให้เกิดการเข้าใจผิด ต้องขอโทษชาวพุทธทุกคนด้วย 

ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ พระสมพล อายุ 27 ปี บวช 8 พรรษา ตั้งแต่แม่เสียตอนอายุ 18-19 ปี โดยในขณะที่พูดไปก็ร้องไห้ไป เพราะว่ารู้สึกเสียใจมาก และข่าวที่ออกไปนั้นบางส่วนก็ไม่จริง เพราะตนไม่เคยบอกกับใครว่าเป็นเลขาของวัดตามที่ ปรากฏเป็นข่าวออกไป และได้เปิดเผยว่า ตนรู้สึกตกใจและเสียใจมากที่เป็นข่าวออกไปแบบนั้น 

ส่วนกรณีที่ตนนั่งฉันกาแฟร้านดัง เพราะมีคนมาถวาย และมือถือยี่ห้อแพง 2 เครื่องนั้น เป็นของเพื่อนขอยืมมาถ่ายรูป ซึ่งจริงๆ แล้วตนใช้เพียงเครื่องเดียว ส่วนเรื่องของกำไร Cartier ยี่ห้อแพงนั้น ตนเพียงแต่แคปรูปภาพของเพื่อนมาลงโซเชียล ซึ่งเรื่องทั้งหมดนั้นตนเพียงแต่โพสต์เล่นๆ เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดี ส่วนสลิปการโอนเงิน ตนก็เอาสลิปของเพื่อนมาแต่งภาพเปลี่ยนชื่อ ทั้งนี้ตนอยากขอโทษชาวพุทธทุกคนที่ทำให้เสียชื่อ หลังจากนี้ตนจะไม่ทำอีก เป็นเพราะตนรู้เท่าไม่ถึงการณ์

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส