หลวงพี่โต้ ถูกมิจฉาชีพสวมรอยส่งคลิปตำแตงให้สาว ยืนยันไม่ใช่ตัวเอง ตำรวจรู้ตัวคนทำแล้ว
วันที่ 28 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจอีซ้อขยี้ข่าว 3 ได้โพสต์รูปภาพพระรูปหนึ่งและข้อความแชตที่พระรูปดังกล่าวส่งคลิปตำแตงให้สีกาสาว พร้อมระบุข้อความว่า “หลวงพี่ขี้เหงา...พระเพชรบูรณ์ส่งคลิปตำแตงให้สีกาสาว“
และอีกโพสต์ระบุว่า “ดูเงียบๆนะคุณโยมอาตมาได้หมดว่าแต่คุณโยมสะดวกพร้อมเพย์มั๊ย? จ.เพชรบูรณ์ ปล.ในคอมเมนต์ พระในรูปมาชี้แจงบอกว่าถูกปลอมเฟซเคยแจ้งความไว้แล้ว
“พร้อมเผยแพร่ข้อความที่พระรูปดังกล่าวคุยแชตกับโยมผู้ชายว่าดูเงียบๆอย่าบอกใครนะคุณโยม เดี๋ยวมีให้รับชมตลอดอาตมาได้ทั้งรุก-รับนะและถ้าอยากเจออาตมาตัวเป็นที่วิเชียรบุรีเพชรบูรณ์
ซึ่งหลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกโพสต์ออกไปปรากฏว่ามีชาวเน็ตเข้ามาวิพากษ์กันเป็นจำนวนมาก ว่าหากเป็นพระจริงๆแล้วมีพฤติกรรมแบบนี้ให้ลาสิขาออกไปไม่ต้องบวชเป็นพระ ต่อมาทราบว่าพระรูปดังกล่าวอยู่ที่ อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ท่าโรง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ ขอพบพระรูปดังกล่าว เพื่อให้ชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทางด้านพระ ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ตนโดนแกล้งจากพวกมิจฉาชีพ ซึ่งตนไม่ทราบจุดประสงค์ว่าต้องการอะไรหรือต้องการเงิน เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำตรวจพบว่าบุคคลดังกล่าวประวัติเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาก่อน และมีคนตกเป็นเหยื่อมาหลายคนแล้ว และที่สำคัญตนมีรอยสักที่ระหว่างขา แต่คนในคลิปไม่มีรอยสักและเป็นคนขาว แต่ตนเป็นคนผิวดำคล้ำ ซึ่งตนก็ผ่านการตรวจร่างกายมาแล้ว
เรื่องนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตนโดนกลั่นแกล้ง ซึ่งทางวัดและตนได้แจ้งความเรื่องดังกล่าวไว้แล้วอยู่ระหว่างดำเนินคดี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.วิเชียรบุรี ได้เรียกบุคคลดังกล่าวมาสอบสวนแล้วและรับสารภาพว่ากระทำจริงใส่ร้ายตนจริง ซึ่งรับข้อกล่าวหาไปแล้ว
แต่หลังจากที่รับทราบข้อกล่าวหากลับไปแล้วก็ได้กระทำพฤติกรรมซ้ำๆ อย่างเช่นส่งรูปภาพอนาจารไปตามเพจข่าวที่มีผู้ติดตามเยอะเพื่อสร้างความเสียหายให้กับตน ซึ่งทางตนและวัดก็ไม่ได้นิ่งนอนใจได้แจ้งความตั้งทีมทนายความดำเนินคดีให้ ซึ่งตอนนี้คดีอยู่ในชั้นศาล ทั้งนี้ตนจึงอยากฝากถึงเพจข่าวต่างๆที่ได้รับข้อมูลไปมีสติ เสพข่าวอย่างมีสติให้เช็คข้อมูลดีๆก่อนแชร์ เพราะทุกวันนี้มีกลุ่มมิจฉาชีพคิดจะหาผลประโยชน์จากบุคคลที่เขาไม่รู้เรื่องอย่างตนที่กำลังตกเป็นเหยื่อ และตนขอยืนยันอีกครั้งว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง พฤติกรรมตนก็ไม่ใช่อย่างนั้นอยู่แล้ว