สลด พ่อเลือกจบชีวิต หวังเอาเงินฌาปนกิจช่วยลูกพ้นคดี

2 ก.ค. 67

สลด พ่อตัดพ้อก่อนเลือกจบชีวิต หวังเอาเงินฌาปนกิจช่วยลูกพ้นคดีถูกทำร้ายร่างกาย แต่กลับถูกตำรวจปรับเงิน 1 พัน

จากเหตุการณ์ที่คุณพ่อท่านหนึ่งผูกคอเสียชีวิตที่ ต.หัวโพธิ์ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ต้องการร้องขอความเป็นธรรมให้กับลูกตนเองที่โดนทำร้าย ครอบครัวน้องมีกัน 3 คน พ่อพี่ ชายและตัวน้อง ส่วนแม่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ แล้วพ่อน้องประกอบอาชีพทั่วไป พี่ชายทำงานอยู่ต่างจังหวัด

ก่อนเกิดเหตุตามประสาเด็กผู้ชายช่วงเย็นน้องก็ไปเล่นบอลตามปกติ แล้วเกิดมีปากเสียงกับเพื่อนที่เล่นด้วยกัน แต่พ่อของเพื่อนน้องมาเห็นว่ากำลังทะเลาะจึงเข้ามาหาน้อง พูดไปว่า"มึงทำอะไรลูกกู" น้องจึงตอบไปว่าไม่ได้ทำอะไรก็ทะเลาะกัน น้องบอกได้กลิ่นเหมือนเมาสุราแล้วด่าน้องข่มขู่น้องว่า "ไอเด็กเ-ยมึงระวังไว้มึงรู้ใช่มั้ยว่ากูขับสิบล้อระวังจะโดน" น้องก็เถียงไปว่า "ผมก็ไม่ได้เ-ยนะอย่าพูดแบบนี้"  พ่อเด็กคนนั้นก็ต่อยเข้าเบ้าตาน้องจนเขียวปูดแล้วก็กลับบ้านไป

น้องก็มาเล่าให้พ่อฟัง รุ่งเช้าน้องก็เข้าไปแจ้งความที่ สภ.ตำรวจ บอกว่าเป็นเรื่องทะเลาะวิวาทอยากจะให้เข้ามาไกล่เกลี่ยกันให้จ่ายคนละ 1,000 บาท หลังจากพี่ชายทราบข่าวจึงกลับมาจากต่างจังหวัด

ทั้ง 3 คนพ่อพี่ชายและตัวน้องก็นั่งคุยปัญหาที่เกิดขึ้นว่าจะทำยังไง เพราะน้องก็ไม่มีเงิน 1,000 บาท จะไปจ่ายที่สถานีตำรวจ ช่วงที่คุยกันพ่อได้พูดว่า "เราคนจนจะไปสู้อะไรกับเขาได้ เงินไม่มีถ้าเรามีเงินก็สู้เขาได้ มีทางเดียวที่จะมีเงินคือเงินฌาปนกิของพ่อ"พี่

ชายได้ฟังจึงเอ่ยปากห้ามพ่อบอกว่ามีอีกหลายวิธีให้พ่อเลิกคิดอย่าทำแบบนั้น หลังจากนั้นต่างคนก็ได้แยกย้ายกันไปนอนช่วงตี 4 หัวรุ่งน้องตื่นมาเพื่อจะไปหาปลามาขายที่ตลาด แต่ต้องตกใจเพราะเห็นพ่อผูกคอตัวเองดับที่ขื่อกลางบ้าน วันจัดงานศพแม้แต่โลงก็ยังไม่มี ญาติก็ต่างช่วยกันจัดงานให้พ่อ โลงทางวัดก็จัดการให้

ล่าสุดวันที่ 1ก.ค.67 ที่วัดบางบอน ต.หัวโพธิ์ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพนายสาคร

ซึ่งนายเสกสรร อายุ 29 ปี ลูกชาวคนโตนายสาคร อายุ 63 ปี เล่าว่าหลังจากพ่อมาทราบว่าลูกชายคนเล็กอายุ 14 ปี ถูกผู้ปกครองของเพื่อนในโรงเรียนทำร้ายเมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา พ่อเลยเกิดอาการเครียดผูกคอตายเขียนจดหมายสั่งเสียเอาไว้

1719853829186

พ่อเกิดอาการเครียดเรื่องที่ว่าน้องไปโดนเขาชกต่อยมาแล้วคดีไม่คืบหน้า พ่อถามตนทุกวันว่ามีตังค์ไปช่วยน้องขึ้นศาลไหม เขาก็ไม่มี ตนก็ไม่รู้จะทำไง ตนก็ทำงานหาเงินให้เขาทุกวันจะให้เขาเอาเงินไปขึ้นศาล ก็ไม่คิดว่าเขาจะมาทำแบบนี้

เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องของเด็ก 2 คน แล้วพ่อของฝั่งโน้นมายุ่ง เขาเมาด้วยแล้วเขามาต่อยน้องตน เหมือนมาเคลียร์ให้ลูก ลูกเขาก็คนละชั้นคนละโรงเรียนกันด้วย วันนี้จริงๆตำรวจเรียกขึ้นศาลเพื่อไกล่เกลี่ยกับคู่กรณีส่วนเงิน 1,000 บาท ตนก็ไม่เข้าใจ แต่พ่อบอกตนมาว่าร้อยเวรปรับคนละ 1,000 บาท แต่พ่อบอกเขาว่าไม่มีรอขึ้นศาลได้ไหมเดี๋ยวค่อยให้ พ่อพูดกับตนทุกวัน แต่ตัวเขาเองมีประกันหมู่บ้านอยู่ ตนคิดว่าเขาน่าจะเอาตัวนี้มาช่วยมาขึ้นศาล แต่เขาไม่น่าทำแบบนี้

1719853848437_1

ด้าน พ.ต.ท.อภิชาต ปานแพร รองผู้กำกับสอบสวนสภ.สองพี่น้อง กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นน่าจะเป็นการเข้าใจผิด ซึ่งวันที่เรียกมาไกล่เกลี่ยนั้น พนักงานสอบสวนได้ถามผู้เสียหายว่ายินยอมให้ปรับเงิน 1,000 บาทกับผู้ต้องหาหรือไม่ ซึ่งผู้เสียหายไม่ยินยอมขอให้ดำเนินตามขั้นตอน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามขั้นตอนแล้ว อีกทั้งทางผู้เสียหายได้ร้องขอไกล่เกลี่ยอีกครั้งในวันนี้ ขณะที่พนักงานสอบสวนยืนยันได้อธิบายให้ผู้เสียหายเข้าใจทุกขั้นตอนแล้ว ซึ่งการเสียค่าปรับดังกล่าวนั้นเป็นการปรับทางผู้ก่อเหตุฝังเดียวเท่านั้น จึงต้องถามผู้เสียหายว่ายินยอมให้ปรับหรือไม่ หากผู้เสียหายไม่ยินยอมพนักงานสอบสวนก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.สองพี่น้อง ได้เชิญทั้ง 2 ฝ่ายมาไกล่เกลี่ย ผลปรากฎว่าทางผู้เสียหายไม่ยินยอมให้พนักงานสอบสวนปรับผู้ก่อเหตุ 1,000 บาท ทางพนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานส่งฟ้องศาลดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย แจ้งข้อหาใช้กำลังทำร้ายโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส