เปิดไทม์ไลน์ชายคลั่งยิงรองผู้กำกับสน.ท่าข้ามเสียชีวิต ขณะเข้าระงับเหตุ

21 ก.ค. 67

เปิดไทม์ไลน์ชายคลั่งยิงรองผู้กำกับสน.ท่าข้ามเสียชีวิต ขณะเข้าระงับเหตุ ล่าสุดเฮียตุ้ง ชายคลุ้มคลั่งเสียชีวิตแล้ว พบปืนอยู่ข้างร่าง  

 

เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 21.45 น.ของวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่บริเวณหมู่บ้านแห่งหนึ่งซอย 2 ถนนพระราม 2 แขวงและเขตบางบอน กทม. นายบุญมา (ขอสงวนนามสกุล) หรือ เฮียตุ้ง อายุ 49 ปี ทะเลาะกับบุคคลภายในบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าระงับเหตุ

ก่อนจะใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงใส่ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ รอง ผกก.ป.สน.ท่าข้าม เสียชีวิต และยังมี ด.ต.ไชยวัฒน์ อัตโสภณวัฒนา ผบ.หมู่ ป.สน.ท่าข้าม ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากถูกสะเก็ดกระสุนกระเด็นใส่ที่บริเวณนิ้วโป้งมือซ้าย

1721524970723

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 1 คูหาสูง 3 ชั้น โดยขณะเข้าไประงับเหตุที่บริเวณหน้าบ้าน ปรากฏว่าคนร้าย ชื่อนายบุญมา อายุ 49 ปี ในเบื้องต้นทราบว่า เป็นบิดาได้ทะเลาะกับลูกภายในบ้าน ได้ใช้ปืนยิง พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ ที่พยายามเข้าไปเจรจา แต่กลับถูกฝ่ายบิดายิงสวนด้วยอาวุธปืนเข้าที่บริเวณหน้าอกขวา 1 นัด , หน้าอกซ้าย 1 นัด และง่ามนิ้วมือซ้าย 1 นัด ขณะที่ ด.ต.ไชยวัฒน์ ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน โดยเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยรีบนำตัว พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ และ ด.ต.ไชยวัฒน์ ส่งโรงพยาบาลสหวิทยาการมะลิ แต่ปรากฏว่า พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ อาการสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทั้งนี้จากเหตุการณ์ดังกล่าวยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย คือ น.ส.สาธิกา อายุ 15 ปี ลูกสาวของผู้ก่อเหตุ ถูกอาวุธปืนตบได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

s__14762032_0

ต่อมาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง รองผบช.น. พล.ต.ต ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 พร้อมด้วย พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ ผกก.สน.ท่าข้าม ลงพื้นที่

จากนั้นประสานกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยอรินทราช 26 เข้าปฏิบัติหน้าที่บริเวณบ้านหลังเกิดเหตุ โดยมีการประกาศให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องภายในบ้านออกมาจากตัวบ้านให้หมด พร้อมกันไม่ให้พูดที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปอยู่ใกล้บริเวณจุดเกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราช 26 ยังอยู่ระหว่างการปิดล้อม พร้อมใช้เครื่องขยายเสียงเกลี้ยกล่อมให้ผู้ก่อเหตุยอมมอบตัว แต่กลับมีเสียปืนดังขึ้นจากในอาคารเป็นระยะๆ

จากการสอบถาม นายสุวิทย์ โพธิสุข อาสาสมัคร อปพร.เขตบางบอน ที่เข้ามาเป็นทีมระงับเหตุเปิดเผยว่า หลังได้รับแจ้งเหตุได้มาตรวจสอบตามพิกัด พบตำรวจนอนหมดสติจมกองเลือดอยู่หน้าบ้าน ขณะที่ภายในบ้าน พบลูกสาวของผู้ก่อเหตุถูกพ่อใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดตบเข้าไปที่บริเวณใบหน้า เจ้าหน้าที่จึงช่วยเหลือสมาชิกในครอบครัวจำนวน 4 คน ออกมาจากบ้านพักหลังดังกล่าว

โดยลูกสาวให้ข้อมูลว่าพ่อมีอาวุธปืนจำนวน 4 กระบอก คือ ขนาด.38 , ขนาด 9 มม. , ขนาด 11 มม. และปืนลูกซอง พร้อมเครื่องกระสุนปืนจำนวนหนึ่งไว้ในครอบครอง

s__14762099

ทั้งนี้ทราบว่า เมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา มีทีมอาสากู้ภัยได้รับแจ้งเหตุจากตำรวจว่า ต้องการสนับสนุนรถพยาบาลไปส่งผู้ก่อเหตุ มีอาการป่วยจิตเวชไปรักษา แต่เมื่อมาถึงบ้านหลังดังกล่าว กลับถูกผู้ก่อเหตุ ข่มขู่ว่าจะใช้อาวุธปืนทำร้ายมาแล้ว มีข้อมูลว่า ผู้ก่อเหตุขาดยาและไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องมานาน 1 ปี

มีรายงานว่า สำหรับพ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เสียชีวิต เพิ่งออกตรวจเวรที่วัดบัวผัน เมื่อได้รับแจ้งเหตุดังกล่าว จึงรีบเข้าระงับเหตุในทันที โดย พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ อายุ 59 ปี จะเกษียณอายุราชการในปี 2568 แต่มาถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตเสียก่อน

ต่อมาเวลา 02.00 น.วันที่ 21 ก.ค. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.เปิดเผยว่า ตำรวจอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ก่อเหตุ เบื้องต้นผู้ก่อเหตุที่อยู่บริเวณชั้นลอยของบ้าน ยังไม่มีท่าทีสงบ และใช้ปืนยิงสวนตำรวจเป็นระยะ แต่ตำรวจที่คุมสถานการณ์อยู่โดยรอบบ้านไม่ได้ยิงตอบโต้ เพราะเกรงประชาชนละแวกข้างเคียงจะถูกลูกหลง เบื้องต้น ขอประเมินสถานการณ์เป็นระยะ จากยุทธวิธีเบาไปหาหนัก และปฏิบัติการอย่างรอบคอบที่สุด ส่วนการเยียวยา ครอบครัว พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ ยืนยัน จะดูแลเต็มที่ จากข้อมูลที่มีทราบว่า ผู้ก่อเหตุชอบสะสมปืน และเคยฝึกฝนยิงปืน โดยปืนทั้งหมด เป็นปืนที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนเรื่องผู้ก่อเหตุ มีอาการป่วยทางจิตหรือไม่ ขอตรวจสอบก่อน

เวลา 03.00 น. เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรืออีโอดี ส่งเจ้า EOD ROBOT ไปสังเกตุการณ์ตามพื้นที่บริเวณโดยรอบของบ้านหลังจุดเกิดเหตุ เพื่อประเมินสถานการณ์ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฎิบัติการณ์คอยกระจายกำลังตามจุดต่างๆ เพื่อกระชับพื้นที่ และเฝ้าระวังเต็มพื้นที่บริเวณโดยรอบ อีกทั้งยังใช้ธรรมะผ่านเครื่องขยายเสียงคอยเกลี้ยกล่อมให้ตัวผู้ก่อเหตุใจเย็นวางปืนลง และเดินเข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ แต่เจ้าตัวยังเก็บตัวเงียบในบ้าน

05.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงขอความร่วมมือกับประชาชนบริเวณข้างเคียงจุดที่เกิดเหตุ ไม่ให้ออกมาภายนอกเคหสถาน ในขณะที่การเจรจาเกลี้ยกล่อมได้ยุติลง เนื่องจากผู้ต้องหาไม่มีท่าทีจะยอมมอบตัว โดยสถานการณ์เป็นไปด้วยความตึงเครียด โดยคนร้ายได้ยิงปืนออกมา 1 นัดตอนเวลา 04.40 น.

จากนั้นเวลา 05.20 น. เจ้าหน้าที่เริ่มเปิดฉากยิงแก๊สน้ำตาเข้าไปในบ้านเกิดเหตุ 2 นัด เวลา 05.27 น. ยิงแก๊สน้ำตาอีก 3 นัด เวลา 05.28 น. เสียงปืนดังขึ้น 4 นัด เวลา 05.29 น. เจ้าหน้าที่ยิงอีก 4 นัด เวลา 05.35 น. เสียงปืนเจ้าหน้าที่ดังขึ้นอีก 2 นัด เวลา 05.38 เสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ระเบิดเสียง 1 ครั้ง เวลา 05.40 น. เสียงปืนดังอีก 2 นัด เวลา 05.45 น. เสียงปืนดังขึ้นอีก 3 นัด

เวลา 05.49 น. เสียงปืนดังขึ้นอีก 3 นัด

กระทั่งเวลา 05.51 น. เจ้าหน้าที่เรียกรถกู้ชีพเข้ามาประจำจุดเตรียมรอรับคนเจ็บส่ง รพ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจนำ "แนวกั้นของตำรวจห้ามผ่าน" มาขึงบริเวณโดยรอบจุดเกิดเหตุเพื่อการสถานที่ไว้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์

แต่หลังจากนั้นได้ประสานให้ทางรถกู้ภัยออกจากจุดเกิดเหตุ โดยมีรายงานเบื้องต้นว่า พบศพผู้เสียชีวิตอยู่บริเวณใต้บันไดชั้นลอย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ประสานแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลศิริราช และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้ามาตรวจสอบผู้เสียชีวิตต่อไป

เวลา 06.00 น. รับแจ้งจาก จนท.ปฏิบัติการพิเศษคอมมานโด/อรินทราช ยืนยัน ผู้ก่อเหตุเสียชีวิต

เจ้าหน้าที่ได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงว่าให้ประชาชนทั่วไปสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

s__14762068

พลตำรวจโท สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.เปิดเผยว่า เบื้องต้นพบอาวุธปืนยังไม่ทราบขนาดอยู่ข้างร่างผู้ก่อเหตุ 1 กระบอก ส่วนเวลาที่เสียชีวิต รวมทั้งสาเหตุการเสียชีวิตยังต้องรอผลตรวจจากนิติเวช ส่วนเรื่องรายละเอียดต่างๆอยู่ระหว่างการตรวจสอบจากกองพิสูจน์หลักฐาน ทั้งนี้ยืนยันว่าการปฏิบัติการดังกล่าวเป็นไปตามยุทธวิธี.

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส