คุมสอบเพิ่ม "เอส ป่าดอย" หึงเมียเก่าแม่ค้าเตี๋ยวไก่ ยิงหนุ่มใหญ่ดับ

คุมสอบเพิ่ม "เอส ป่าดอย" ยิงหนุ่มใหญ่ดับ อ้างหึงชอบแซวเมียเก่า เป็นแม่ค้าเตี๋ยวไก่หน้าตาดี ตำรวจแจ้ง 4 ข้อหาหนัก

กรณีนายธีระ แสงจันทร์ อายุ 53 ปี ถูกยิงบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิต พร้อมกับ น.ส.ธิดารัตน์ (สงวนนามสกุล) หญิงตั้งครรภ์ 7 เดือน อีกคนหกล้มถูกลูกหลงเจ็บด้วย เหตุเกิดภายในหมู่บ้านซอยท่าข้าม ม.5 ตำบลมาบแค อำเภอเมืองนครปฐม เมื่อค่ำวานนี้ (31 ก.ค.67) ต่อมานายฉัตรเฉลิม สงวนพันธุ์ อายุ 48 ปี ฉายา "เอสป่าดอย" เข้ามอบตัวรับคิดไปเอง

ล่าสุดช่วงเช้าวันนี้ (2 ส.ค.) ทีมข่าวติดตามความคืบหน้าทางคดีที่ สภ.สามควายเผือก โดยพันตำรวจเอกยงลิต ศุภผล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรศาลควายเผือก เปิดเผยข้อมูลว่าวันนี้จะนำตัวนายฉัตรเฉลิม หรือ เอสป่าดอย ผู้ต้องหามาสอบปากคำเพิ่มเติมในประเด็นที่ยังมีข้อสงสัย

โดยเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การสารภาพถึงสาเหตุที่ทำลงไป ก่อนที่ในช่วงบ่ายตำรวจจะคุมกุมตัวไปอำนาจศาลจังหวัดนครปฐมฝากขัง โดยไม่มีการพาตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากบริเวณที่เกิดเหตุเป็นหน้าบ้านของนายธีระ ผู้เสียชีวิต ซึ่งมีญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิตอยู่เป็นจำนวนมาก จึงเกรงว่าจะเกิดความวุ่นวาย

ทั้งนี้ตำรวจจะยึดตามพยานหลักฐานแวดล้อมทั้งกล้องวงจรปิดและพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด ทำสำนวนส่งฟ้องต่อศาลโดยจะคัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน

ขณะที่เมื่อวานนี้หลังสอบปากคำผู้ต้องหาเบื้องต้นพร้อมแจ้ง 4 ข้อหา ตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหาไปที่ รพ.นครปฐม เพื่อผ่าหัวกระสุนที่บริเวณเหนือข้อมือซ้ายออกเพื่อให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานนำไปตรวจสอบว่าเป็นหัวกระสุนที่มาจากปืนชนิดใดและเป็นของผู้ใด ซึ่งรายละเอียดความชัดเจนจะต้องรอทางตำรวจพิสูจน์หลักฐานที่จะมาตรวจเรื่องของวิถีกระสุนที่รถของผู้ต้องหาวันนี้ ซึ่งประเด็นนี้ทางตำรวจก็ยังมีประเด็นที่มีความสงสัยที่จะต้องรอความชัดเจนเนื่องจากมีเสียงปืนชุดหลังอีก 8 นัด ว่าเป็นของฝ่ายใด

นอกจากนี้พบนางสาววิ ภรรยา ครอบครัว เพื่อนและทนายความฝั่งผู้ต้องหา เดินทางมายังสถานีตำรวจ บางช่วงทีมข่าวได้สอบถามเพื่อนผู้ต้องหา ซึ่งกำลังรีบขับรถยนต์ออกไปว่ามีการพูดคุยกับนายเอส ผู้ต้องหาบ้างหรือไม่ แต่เพื่อนตอบสั้นๆว่า นายเอส มีความเครียด ก่อนปิดกระจกรถขับออกไปทันที

ด้านนางสาววิ มีสีหน้าเครียด ช่วงหนึ่งทีมข่าวเข้าไปสอบถามกรณีถูกกล่าวหาเป็นสาเหตุให้นายเอส ยิง นายธีระ แต่เธอปฏิเสธ ก่อนลุกจากเก้าอี้หน้าสถานีตำรวจ เข้าไปนั่งในห้องบริการประชาชน.