ครูสาวถูกจ่าทหารเรือ หลอกให้รัก กู้เงินให้ 1.3 ล้าน โอนเงินคืนเดือนละสองร้อย

14 ส.ค. 67

 

ครูสาวร้องกองปราบฯ ถูกจ่าทหารเรือ หลอกให้รัก กู้เงิน มาลงทุนต่างๆ สูญเงิน 1.3 ล้าน โอนเงินคืนเดือนละสองร้อยบาท ยังโดนข่มขู่ เอาปืนลูกซองจี้หัว 

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 14 ส.ค. 67 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ อดีต สห.ทอ. และทนายเจส ณัฐปกรณ์ สุดชา พาผู้เสียหาย เป็นคุณครูโรงเรียนแห่งหนึ่ง ถูกอดีตสามีที่เป็นทหารเรือยศจ่า เอาปืนลูกซองจี้หัว จนผู้เสียหายร้องขอชีวิต พร้อมท้าทายให้แจ้งความ อ้างว่ามีแบ็กใหญ่ที่เคยเป็นหัวหน้า อยู่ในกองทัพเรือ 

หลังเกิดเหตุได้เข้าแจ้งความแล้วแต่คดีไม่คืบหน้า จึงกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน และล่าสุดยังโทรมาสอบถามว่า อยู่ไหน กลัวว่าจะโดนทำร้ายซ้ำ 

น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี เปิดเผยว่า ตนรู้จักกับทางฝ่ายชายตั้งแต่ปี 59 ตนมาบรรจุเป็นครูปี 60 และได้ตกลงอยู่กินด้วยกัน ฝ่ายชายอ้างว่า อยากทำธุรกิจรถสองแถวเป็นธุรกิจครอบครัว วอนให้ตนไปกู้เงินมา 8 แสน ซื้อรถสองแถวให้วิ่ง ตนจึงไปกู้มาให้เขาไปซื้อรถสองแถว เขาโอนเป็นชื่อแม่เขา ไม่โอนเป็นชื่อตน และเขาให้ตนไปกู้เงินมา 3 แสน ซื้อรถตู้ เพื่อมาวิ่งงาน และก็ให้ตนกู้เงิน 5 หมื่น เพื่อมาซื้อโทรศัพท์ให้ เขายังขอทองที่ตนมีอยู่ไปจำนำ แต่ไม่มีการจ่ายดอกจนทองหลุดไป โดยรวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1.3 ล้านบาท 

น.ส.เอ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่คบหากัน ฝ่ายชายมักอ้างว่าต้องไปเฝ้าร้านให้กับเจ้านาย กระทั่งปี 65 ตนจับได้ว่าฝ่ายชายนอกใจไปมีผู้หญิงคนอื่น จึงเกิดการทะเลาะกัน ตนจึงขอเลิกรา ทางฝ่ายชายได้มีการไล่ตนออกจากบ้าน และนำปืนลูกซองยาวใส่กระสุนปืนจ่อที่ศรีษะของตนพร้อมกับข่มขู่ว่า “แจ้งความไปเลย ไม่กลัว เพราะรู้จักใหญ่คนโต” โดยตนทราบมาว่าฝ่ายชายมีปืนในชื่อของตัวเองอยู่ทั้งหมด 3 กระบอก ปืนพกสั้น 2 กระบอก และปืนลูกซองยาวอีก 1 กระบอก ตนรู้สึกกลัวจึงโทรให้น้องของตนมารับ 

น.ส.เอ กล่าวอีกว่า ซึ่งระยะเวลาที่ผ่านมา 1 ปี ตนเคยติดต่อฝ่ายชายไปแล้ว 3 ครั้งเมื่อปี 66 แต่ทางผู้ก่อเหตุแจ้งว่า หากตนเรื่องมากจะไม่ได้อะไรเลย ตนกลัวจึงเว้นระยะเวลาไป ทำให้ไม่มีเงินใช้ จึงต้องไปกู้สหกรณ์มาเพิ่มเพื่อประทังชีวิต เพราะตนโดนหักหนี้สหกรณ์เดือนละ 16,000 -17,000 บาท โดยฝ่ายชายโอนเงินมาให้อ้างเป็นค่าเลี้ยงดูเดือนละ 200 บาทเท่านั้น 

น.ส.เอ กล่าวต่อว่า ต่อมาในเดือน ก.ค.67 ตนได้เดินทางไปแจ้งความที่ สน.ราษฎร์บูรณะ เนื่องจากฝ่ายชายได้มีการโทรถามตนว่ายังพักอยู่ที่เดิมหรือไม่ ตนเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของตัวเองเพราะไม่รู้ว่าฝ่ายชายติดต่อมาเพื่อจะคืนเงินหรือมาทำอะไรกับตนหรือไม่ แต่เมื่อแจ้งความแล้วแต่คดีกลับไม่คืบหน้า เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีการดำเนินการและติดต่ออะไรตน เพียงแค่ลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น นอกจากนี้ตนมีการพูดคุยกับพ่อแม่ฝ่ายชายแต่ทางพ่อแม่ฝ่ายชายกลับบอกให้ไปเคลียร์กันเอง 

ทนายเจส กล่าวว่า สำหรับเคสนี้เนื่องจากเป็นอดีตแฟนก็จะเข้าหลักเกณฑ์โรแมนซ์สแกม หลอกให้รักหมดใจแล้วหลอกให้ร่วมลงทุน และอีกหนึ่งความผิดในมาตรา 392 ผู้ใดทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญ ก็จะพาผู้เสียหายมาร้องทุกข์และเข้าปรึกษากับทางพนักงานสอบสวนกองปราบฯ เพื่อหาทางช่วยแก่ผู้เสียหาย 

ด้านจ่าคิงส์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนอยากฝากไปถึงผู้บัญชาการทหารเรือ หรือ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อยากฝากให้ดูแลเคสนี้ด้วย และอยากดูทางวินัยของข้าราชการที่เป็นจ่าทหารเรือ เพราะทางผู้เสียหายสูญเงินไปจำนวนมาก ซ้ำยังโดนขมขู่ หลังจากนี้จะพาผู้เสียหายเข้าพบพนักงานสอบสวนว่าจะดำเนินการนี้อย่างไรต่อไป

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส