โฆษกอสส. แถลงไล่เรียงไทม์ไลน์ละเอียด ยืนยัน ชัยเกษม นิติสิริ ไม่เกี่ยวคดี พิชิต ชื่นบาน กับถุงขนม 2 ล้านบาท
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 15 ส.ค. 67 ที่สำนักอัยการสูงสุด (อสส.) นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงว่า ขอชี้แจงกรณีที่พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องนายพิชิต ชื่นบาน กับพวกรวม3 คน โดยมีการสั่งคดีนี้ไปตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค. 2551 เนื่องจากเมื่อวานต่อเนื่องถึงวันนี้มีสำนักข่าวบางสำนักได้นำเสนอข้อเท็จจริงว่านายชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงสุดเป็นผู้สั่งไม่ฟ้องนาย พิชิต ชื่นบาน กับพวกรวม 3 คน เรื่องดังกล่าวงานโฆษกเมื่อทราบข่าวก็ได้เร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยด่วน ผลจากการตรวจสอบได้ข้อเท็จจริงยืนยันว่าข่าวดังกล่าวคลาดเคลื่อนไม่ถูกต้อง และไม่เป็นความจริง โดยความจริงแล้วนายชัยเกษมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ในการสั่งคดีดังกล่าวแต่อย่างใดงาน
โดยสำนวนคดีดังกล่าว สำนักงานคดีอาญา โดยสำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีอาญา7 ได้รับสำนวนจากพนักงานสอบสวน สน. ชนะสงคราม เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2551 โดยคดีดังกล่าวมีการกล่าวหานาย พิชิต ชื่นบาน เป็นผู้ต้องหาที่ 1 กับพวกรวม 3 คน ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ โดยเหตุเรื่องนี้เกิดตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. 2551 เวลา 09.00 น. ในเขตท้องที่แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม. เพราะฉะนั้นสำนวนดังกล่าว จึงอยู่ในความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม
นายประยุทธ กล่าวต่อว่า เมื่อพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานจนเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนสน.ชนะสงครามทุกลำดับชั้น ได้เสนอความเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทุกคนตามกฎหมาย พนักงานสอบสวนจะส่งเฉพาะสำนวนให้กับพนักงานอัยการ โดยตัวผู้ต้องหาจะถูกปล่อยตัวทันทีตามขัน้ตอนกฎหมาย
เมื่อพนักงานอัยการได้รับสำนวนจากพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม หัวหน้าพนักงานสำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีอาญา7 ในขระนั้นคือนายสมเจตต์ ชัยเฉลิมปรีชา ได้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบสำนวนดังกล่าวทันที ประกอบด้วย นายยงยุทธ ศรีสัตยาชน และนายสมบูรณ์ ศุภอักษร โดยนายสมเจตเป็นหัวหน้าคณะทำงาน เมื่อพิจารณาโดยละเอียดแล้วเห็นพ้องกับความเห็นของพนักงานสอบสวนที่สั่งไม่ฟ้องนายพิชิต ชื่นบาน กับพวก รวม 3 คน โดยเห็นว่าทั้ง 3 คนไม่ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหา
นายประยุทธ กล่าวอีกว่า สำนวนดังกล่าวถูกส่งไปให้รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งขณะนั้นคือ ร.ต.ท.ธานี วุฑฒยากร ตรวจสำนวนแลวเห็นพ้องกับพนักงานสอบสวน และเห็นพ้องกับความเห็นของคณะทำงาน โดยเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ตามเสนอจากนั้นสำนวนดังกล่าวถูกส่งไปให้นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ ตรวจสำนวนละเอียดแล้วเห็นว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 คนไม่ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหาจึงสั่งไม่ฟ้อง 3 ผู้ต้องหาตามที่เสนอ โดยมีคำสั่งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2551
ซึ่งขั้นตอนกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา สำนวนนี้จะต้องถูกส่งไป ผบ.ตร. เพื่อตรวจพิจารณาอีกครั้งว่าเห็นด้วยหรือไม่ หากเห็นด้วยหรือไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องก็จะเสร็จเด็ดขาด แต่ถ้าเห็นแย้ง สำนวนก็จะถูกส่งไปยังอัยการสูงสุดพิจารณาสั่งตามขั้นตอนกฎหมาย ปรากฎว่า ผู้ช่วยผบ.ตร. ที่ปฏิบัติราชการแทนผบ.ตร.ขณะนั้น ตรวจพิจารณาแล้วมีคำสั่งวันที่ 2 ก.ย. 52 ไม่แย้งความเห็นคำสั่งดังกล่าว ทำให้ผลคดีเสร็จเด็ดขาด คดีก็จบลงแค่นั้น
จากการไล่เรียงไม่มีขั้นตอนใดๆ ที่นายชัยเกษมได้เข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นข่าวที่นำเสนอนั้น จึงไม่ตรงและไม่ถูกต้อง