ส.ต.ต.พูดแล้ว! อ้าง นศ.สาวยัดเงินให้เอง บอกไม่ได้บังคับหลับนอน

11 ก.ย. 67

 

ส.ต.ต.พูดแล้ว! อ้าง นศ.สาวยัดเงินให้เอง บอกไม่ได้บังคับหลับนอน ขณะที่ ปวีณา พา นศ.สาว พบผู้การจังหวัด ฟันตำรวจฉาว เอาเรื่องให้ถึงที่สุด! 

จากกรณี น.ส.เอ (นามสมมติ) นักศึกษาสาวชั้นปี 4 มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ร้องเรียนนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ถูกตำรวจยศ ส.ต.ต. ตำแหน่ง สิบเวร สภ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เรียกเงิน 1 หมื่นบาท และบังคับให้มีเพศสัมพันธ์ แลกกับการไม่ดำเนินคดีเมาขับ 

โดยมีการข่มขู่ว่าถ้าไม่ยอมจะต้องติดคุก และเสียค่าปรับ 2 หมื่นบาท น้องนักศึกษาสาวชั้นปี 4 ยอมทำตาม แต่ตำรวจนายดังไม่ยอมจบ ยังติดต่อมาแบล็กเมล์ เพื่อจะให้ไปนอนด้วยอีก ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ 

ล่าสุดวันที่ 11 ก.ย. 67 น.ส.เอ นักศึกษาสาวชั้นปี 4 พร้อมด้วยนางปวีณา และนายบี (นามสมมติ) อายุ 24 ปี คู่กรณีที่รถชน เดินทางมา สภ.ธัญบุรี เพื่อพบ พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี และ พ.ต.อ.จิรวัฒน์ เปี่ยมปิ่นเศรษฐ ผกก.สภ.ธัญบุรี เพื่อติดตามคดี โดยใช้เวลาหารือประมาณ 30 นาที 

ซึ่งนายบี (นามสมมติ) บอกว่า หลังเกิดเหตุก็เห็นข่าวว่าคู่กรณีของตนเองถูกตำรวจทำร้ายจิตใจ ก็รู้สึกสงสารคู่กรณี และเห็นใจจึงอยากจะช่วยเหลือ เนื่องจากข้อมูลที่ตนได้คุยกับตำรวจคนดังกล่าวนั้นไม่ตรงกันกับที่ข่าวออกไปก่อนหน้านี้ 

โดยนายบี เล่าว่า วันที่ 30 ส.ค. หลังเกิดเหตุรถชน ตนเองไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล จากนั้นกลับมาถึง สภ.ธัญบุรี เพื่อดูรถของตัวเอง และต้องการเข้ามาทราบผลการเป่าแอลกอฮอล์ของคู่กรณี ซึ่งตำรวจคนดังกล่าวก็บอกกับตนเองว่า ผลตรวจออกมาแค่ 20 กว่ามิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ที่กฎหมายกำหนด ส่วนการซ่อมรถทางประกันของคู่กรณีก็จะจัดการให้อยู่แล้ว และตั้งแต่เกิดเหตุตนไม่เคยได้เจอกรณีเลย เพราะตำรวจคนดังกล่าวบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้เจรจา 

นายบียืนยันจะเป็นพยานทางฝั่งน้องคู่กรณี ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นตนเองก็ไม่ติดใจเอาความอะไร และตนก็ไม่ได้เจ็บหนักอะไร 

ด้าน น.ส.เอ นักศึกษาสาวชั้นปี 4 ยืนยันว่า ตำรวจพาไปกดเงินจำนวน 1 หมื่นจริง และ คืนวันที่ 30 ส.ค. ที่เกิดเหตุตนก็ยอมรับผิดกับคู่กรณีตั้งแต่แรกแล้วว่า เมาแล้วขับ แต่ตนและคู่กรณีมีอาการบาดเจ็บจึงต้องไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลจึงไม่ได้คุยอะไรกัน จากนั้ก็มาที่ สภ.ธัญบุรี ซึ่งมาพร้อมกับผ้าห่ม เพราะเตรียมใจว่าจะต้องนอนคุกแน่นอน แต่เมื่อมาถึงตำรวจคนดังกล่าวพาไปห้องด้านหลัง เพื่อเป่าตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ โดยครั้งแรกตำรวจเป่าขึ้นเป็น 0 จากนั้นก็เป่าได้ 103 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ 

จากนั้นก็พาเดินไปที่มุมห้องน้ำ เพื่อพูดคุยข่มขู่อให้ 2 ทางเลือกระหว่างติดคุกกับจ่ายเงิน 10,000 บาท ตนจึงจำยอมจ่ายเงินไป เพราะไม่อยากให้พ่อแม่รู้ว่าเมาแล้วขับ และไม่คิดว่าตำรวจคนดังกล่าวจะเอาใบผลตรวจแอลกอฮอล์มาบังคับให้ต้องมีเพศสัมพันธ์ด้วย 

น.ส.เอ ยืนยันอีกว่าถูกตำรวจคนดังกล่าวกระทำชำเราถึง 2 ครั้ง ในวันที่ 2 ก.ย. หลังจากที่อ้างให้มารับใบที่ สภ.ธัญบุรี ก่อนจะหลอกให้พาไปนั่งดื่มแอลกอฮอล์ด้วยที่ร้านเหล้าย่านรังสิต โดยครั้งแรกมีอาการเมา แต่ครั้งที่ 2 เธอรู้สึกตัวจากการกระทำชำเรา หลังจากกระทำชำเราเสร็จตำรวจคนดังกล่าวก็ออกจากคอนโดไป ยอมรับว่าตกใจกลัวจนตัวสั่นจึงไปโรงพยาบาล แต่ระหว่างรักษาตัวตำรวจคนดังกล่าวก็พยายามติดต่อมา เพื่อให้ไปพบที่โรงพัก แต่กลัวจึงขอหมออยู่โรงพยาบาลต่อทำให้ไม่ต้องไปพบ พร้อมกับประสานมูลนิธิปวีณาให้เข้าช่วยเหลือ 

ยืนยันยอมรับผิดที่เมาแล้วขับและขอความเป็นธรรมกับพฤติกรรมตำรวจที่กระทำกับเธอ เพราะไม่งั้นคงไม่เอาตัวเองออกมาร้องแบบนี้ 

ด้าน พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี ระบุว่า เหตุการณ์นี้เริ่มต้นจากการขับรถเฉียวชนกัน ซึ่งตัวของผู้เสียหายและคู่กรณีได้มีการพูดคุยและเคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องปริมาณแอลกอฮอล์ตามที่ผู้เสียหายได้มีการให้การว่า วันนั้นมีการเป่า 103 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์จริง ก็จะให้ทางตำรวจ สภ.ธัญบุรี สอบสวนต่อไป 

ขณะที่ตัวของ ส.ต.ต. ที่เป็นตัวต้นเรื่อง เบื้องต้นตนได้ใช้อำนาจดำเนินการย้ายตัวไปประจำการที่ สภ.เมืองปทุมธานี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อกันออกจากคดี พร้อมทั้งได้เดินหน้าเก็บพยายานหลักฐานไว้หมดแล้ว เพราะต้องการให้ความเป็นธรรมเต็มที่ เนื่องจากในวันเกิดเหตุ ทั้งผู้เสียหายและคู่กรณีไม่ได้เจอร้อยเวรเลย เนื่องจากร้อยเวรต้องออกไปปฏิบัติภารกิจนอกสถานที่ รวมถึงที่ได้มีการอ้างว่ามีการหารือกับทั้ง ร้อยเวร และ ผู้กำกับฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น ทั้งคู่ไม่ทราบเรื่องราวดังกล่าว 

ขณะที่ พฤติการณ์ ส.ต.ต. คนดังกล่าวเข้าข่ายการความผิด มาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ เรียกรับผลประโยชน์ ล่วงละเมิดทางเพศ และละเมิดสิทธิเสรีภาพ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีมีการดำเนินคดี  ส่วนความผิดทางวินัย อยู่ระหว่างการสอบสวนพอตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแล้ว และเมื่อถามว่าวันที่ 2 ก.ย. ที่ตำรวจคนดังกล่าว พาผู้เสียหายไปนั่งดื่มจนมีอาการเมาแล้วขับพามาที่คอนโด ก่อนจะกระทำชำเราจะถูกข้อหาเมาแล้วขับด้วยหรือไม่นั้น ประเด็นนี้ถือเป็นข้อสงสัยและขอไปตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน 

พล.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า ได้ขอโทษต่อผู้เสียหาย และขอโทษคุณแม่ผู้เสียหาย ที่มีบุคลากรในองค์กรกระทำความผิดและสร้างความเสื่อมเสียในเรื่องที่เกิดขึ้น  ส่วนเรื่องคดีเมาแล้วขับ ของผู้เสียหาย ยังไม่ได้ถูกรวมในสำนวน เนื่องจากวันนั้นไม่ได้เจอกับร้อยเวร จึงทำให้ยังไม่ได้มีการบันทึกข้อมูลใดๆเกี่ยวกับการกระทำควาทผิดในเรื่องนี้ 

ด้าน พ.ต.อ.จิรวัฒน์ เปี่ยมปิ่นเศรษฐ ผกก.สภ.ธัญบุรี กล่าวว่า เรื่องของคดีตอนนี้คืบหน้าไปมาก พยานหลักฐานกล้องวงจรปิด หลักฐานต่างๆ ที่เป็นจุดสำคัญที่อ้างอิงในคดีเก็บไว้หมดแล้ว พยานบุคคลต่างๆ ได้เรียกมาสอบค่อนข้างครบแต่ยังมีพยานบางท่านที่ติดภารกิจก็จะสอบให้ครบทุกท่าน คดีไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะอยู่ในกระบวนการและยืนยันจะให้ความเป็นธรรมเต็มที่ 

นางปวีณา หงสกุล ระบุว่า ภาพรวมตำรวจ ในฐานะผู้พิทักษ์สันติราช เชื่อว่าตำรวจน้ำดีมีเยอะมาก แต่ตำรวจที่กระทำความผิดก็ควรถูกดำเนินคดีและตัดทิ้งเสีย เป็นกำลังใจให้ผู้เสียหาย จะช่วยดูแลจนเสร็จสิ้นกระบวนการยุติธรรม และไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการเรียน 

ขณะที่ ส.ต.ต.สถิระ (สงวนนามสกุล) ผู้บังคับหมู่งานสอบสวน สภ.ธัญบุรี กล่าวว่า “เงินดังกล่าวนั้นเขาให้เงินผมเอง เพราะมันจะมีเงินค่ารถยก 2,500 บาท วันนั้นผมบอกว่าจะเอาแค่นั้น แล้วก็ค่าปรับ เพราะว่าคู่กรณียังติดใจอยู่ แล้วน้องเขาก็เอาเงินให้ผม 10,000 บาท แล้วบอกผมว่าเอาไปเถอะพี่หนูจะได้โล่ง ผมก็ทำตัวไม่ถูก เพราะอีกฝ่ายหนึ่งก็เป็นคู่กรณี เพราะยังไงก็ต้องไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่าย ส่วนเรื่องไปที่ไปกินที่ร้านอาหารนั้น เราก็ไปกินเหมือนคนคุยกันปกติ พอไปคอนโดก็นอนด้วยกัน เหมือนตัวโดนตัวก็เลยตามนั้นครับ ส่วนเรื่องเงินให้ประกันมาเป็นพยานก็ได้ครับ”

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส