8 แก๊งลัทธิเชื่อมจิตเข้ารับทราบ 3 ข้อหา ขณะที่ทีมอเวนเจอรส์เกาะติดคดีใกล้ชิด

20 ก.ย. 67

 

8 แก๊งลัทธิเชื่อมจิตเข้ารับทราบข้อกล่าวหา 3 ข้อหา ฉ้อโกง- พ.ร.บ.คอมฯ-พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ขณะที่ทีมอเวนเจอรส์มาติดตามคดีอย่างใกล้ชิด 

จากกรณีทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับลัทธิเชื่อมจิต ใน 6 ข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ , พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน , พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร , พ.ร.บ.ควบคุมการขอทาน และประมวลกฎหมายรัษฎากร ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 67 

จนกระทั่งวันที่ 11 ก.ย. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. ได้ออกหมายเรียกแจ้งข้อกล่าวหา พ่อและแม่น้องเชื่อมจิต หมอ แอดมินเพจ และทนายความ รวม 8 คน และได้มีการแจ้งขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน 

8 แก๊งลัทธิเชื่อมจิตเข้ารับทราบ 3 ข้อหา ขณะที่ทีมอเวนเจอรส์เกาะติดคดีใกล้ชิด

ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 20 ก.ย. 67 พ่อ แม่ น้องเชื่อมจิต และคณะลัทธิเชื่อมจิต ได้เดินทางมายัง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหา โดยที่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน เพียงบอกแค่ว่าขอพบพนักงานสอบสวนก่อน และจะลงสัมภาษณ์ในภายหลัง 

ต่อมาเวลา 10.00 น. ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม , นายแทนคุณ จิตต์อิสระ และน.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง ได้เดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อติดตามคดีลัทธิเชื่อมจิต 

8 แก๊งลัทธิเชื่อมจิตเข้ารับทราบ 3 ข้อหา ขณะที่ทีมอเวนเจอรส์เกาะติดคดีใกล้ชิด

โดย ทนายอนันต์ชัย เปิดเผยว่า วันนี้ตนและทีมอแวนเจอร์ได้มาติดตาม 3 เรื่อง คือ คดีลัทธิเชื่อมจิตซึ่งถึงตอนนี้เจ้าหน้าที่ ปอท.ได้รับเรื่องร้องเรียนเป็นที่เรียบร้อย และได้มีการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด 8 คน

ในข้อกล่าวหาหลักๆ ทั้งหมด 3 ข้อ คือ พ.ร.บ.คอมฯ , พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก และฉ้อโกง ส่วนข้อหาอื่นๆที่ตนได้แจ้งความไปก่อนหน้านั้น ถูกรวมอยู่ใน 3 ข้อหานี้แล้ว เรื่องที่ 2 คือ อยากมาดูว่าลัทธิเชื่อมจิตจะเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาหรือไม่ เพราะได้มีการเลื่อนเข้านัดพบพนักงานสอบสวน และเรื่องสุดท้าย คือ อยากมาดูว่า ทนายธรรมราชที่จะมีการออกมาแฉกองทัพธรรมเรื่องอะไร หากมีการแฉออกนอกประเด็นลัทธิเชื่อมจิตจะต้องถูกฟ้องหมิ่นประมาท 

นอกจากนี้วันที่ 24 ก.ย. เวลา 14.00 น. ตนจะเดินทางไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนให้มีการตรวจสอบ พระอาจารย์ชาตรี ที่อ้างว่าอบรมวิปัสสนากรรมฐานตามหลักมหาสติปัฏฐาน 4 ให้แก่ชาวรัสเซีย และเป็นผู้สอนสมาธิให้กับ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย รวมถึงเรื่องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสีกา พร้อมกับเดินทางไปยื่นหนังสือกับสถานทูตรัฐเซียให้ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย 

8 แก๊งลัทธิเชื่อมจิตเข้ารับทราบ 3 ข้อหา ขณะที่ทีมอเวนเจอรส์เกาะติดคดีใกล้ชิด

ด้านนายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความเชื่อมจิต พร้อมพวก 8 คน เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโลยี (บก.ปอท.) ตามหมายเรียก พร้อมแฉถึง ผอ.สํานักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และกล่าวถึงหนังสือมติมหาเถรสมาคมว่า จากประเด็นข้อถกเถียงเกี่ยวกับคําสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีการกล่าวหาว่าลักธิเชื่อมจิตไม่มีอยู่ในพระไตรปิฎก โดยทนายอนันต์ชัย และกองทัพธรรมระบุว่า เป็นมติของมหาเถรสมาคม ซึ่งทั้ง 7 ข้อที่ระบุอยู่ในหนังสือดังกล่าวเป็นเพียงความคิดเห็นของทนายอนันต์ชัย และกองทัพธรรมเท่านั้น 

โดยมติของมหาเถรสมาคมจริงๆ มีอยู่เพียง 3 ข้อ ท้ายสุด ระบุว่า “ที่ประชุมพิจารณาแล้วมีมติ ดังนี้ 1.รับทราบการดำเนินการของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และมอบหมายให้ดำเนินการคุ้มครองพระพุทธศาสนาตามหน้าที่และอำนาจให้เท่าทันต่อเหตุการณ์ เพื่อป้องกันระงับยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อพระพุทธศาสนา 2.กรณีที่มีการกระทำใดๆ ซึ่งอ้างถึงหลักธรรมหรือวิธีการปฏิบัติทางพระพุทธศาสนาแต่มิได้ปรากฏหลักคำสอนดังกล่าวในพระไตรปิฎก คัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา มติ อาณัติ และอรรถาธิบายของคณะสงฆ์ที่ชอบด้วยหลักพระพุทธศาสนา หากเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมาย ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติพิจารณาดำเนินการ และบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามพถติการณ์แห่งกรณี 

8 แก๊งลัทธิเชื่อมจิตเข้ารับทราบ 3 ข้อหา ขณะที่ทีมอเวนเจอรส์เกาะติดคดีใกล้ชิด

3.กำชับเจ้าคณะ พระสังฆาธิการ และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทุกจังหวัดให้หมั่นกวดขันตรวจตรา อธิบาย และชี้แจงให้สาธารณชนเข้าใจถึงหลักธรรมและวิธีการปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา เพื่อป้องกันมีให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวอีกและให้ดำเนินการได้ทันที โดยไม่ต้องรอรับรองรายงานการประชุม“ 

ทนายธรรมราช ระบุว่า คําว่ารับทราบไม่ได้หมายความว่ามีหรือไม่มีอยู่ในพระไตรปิฎก หากไม่เห็นด้วยเหตุใดจึงไม่บอกให้ชัดในการประชุมพิจารณามติ แต่อย่างไรก็ตามพระพุทธเจ้าไม่ได้ต้องการให้ชาวพุทธมาทะเลาะกันเองแบบนี้ อีกทั้งทางครอบครัวเชื่อมจิตก็หยุดแล้วแต่ฝั่งตรงข้ามยังไม่หยุด 

นอกจากนี้ ทนายธรรมราช ยังกล่าวถึง ผอ.สํานักพุทธฯ ด้วยว่า ย้อนกลับไปในปี 2563 ภรรยาของ ผอ.สํานักพุทธฯ เคยถูกดําเนินคดีในข้อหาเงินทอนวัด จึงตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดจึงยังมานั่งเก้าอี้ ผอ.สํานักพุทธฯ ได้ ทั้งที่ภรรยาที่อยู่กินมีความผิดเป็นที่ประจักษ์ ในส่วนของคดีตนเองวันนี้ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาเรียบร้อยแล้ว โดยให้การปฏิเสธ ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างดําเนินการ 

8 แก๊งลัทธิเชื่อมจิตเข้ารับทราบ 3 ข้อหา ขณะที่ทีมอเวนเจอรส์เกาะติดคดีใกล้ชิด

ด้าน แม่ของเด็กเชื่อมจิต กล่าวว่า การที่น้องไปทําบุญถวายสังฆทาน แต่กลับมีการนํารูปพระสงฆ์ไปต่อว่าสมควรแล้วหรือไม่ รวมถึงกรณีที่มีพระรูปหนึ่งไปให้พรในวันเกิดน้องนั้น เป็นเพียงการนิมนต์ไปให้พรเท่านั้น ส่วนเรื่องการเตรียมจัดทําวัตถุมงคลนั้น ไม่เป็นความจริง เป็นเพียงเครื่องประดับที่น้องทําในเวลาว่างเท่านั้น รวมถึงหากมากล่าวหาว่าน้องเป็นเด็กออทิสติก “เตรียมรอรับหมายศาลได้เลย“ 

ทั้งนี้ระหว่างที่ทนายธรรมราชให้สัมภาษณ์ ทนายอนันต์ชัย นายแทนคุณ และต้นอ้อเป็นหนึ่ง ได้มาร่วมสังเกตการณ์ด้วย ซึ่งมีการโต้เถียงกันเล็กน้อย จากนั้นนายประยุทธ ประเทศเสนา หรือ มหาหมี รองประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ทนายธรรมราช อาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนหรืออ่านกฎหมายไม่แตก ขณะที่ นายแทนคุณ ระบุอีกว่า ตัวหนังสือทุกตัวที่อยู่ต่อลงมาจากตราครุฑในเอกสารราชการถือว่าเป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส