บทเรียนซ้ำซาก ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ พัฒนารูปแบบทำนาบนหลังคน รวยจริง เจ็บจริง เจ๊งจริง

15 ต.ค. 67

บทเรียนซ้ำซาก ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ พัฒนารูปแบบทำนาบนหลังคน เล่นกับความโลภ ขายฝันสวยหรู สุดท้ายเจ้าของรวยจริง เหยื่อเจ็บจริง ชีวิตทุกคนที่เกี่ยวข้องเจ๊งจริง ไม่มีเหลือ

ไม่ว่าจะผ่านมานานกี่ปี ข่าวของธุรกิจแชร์ลูกโซ่ก็ยังคงตามกลับมาหลอกหลอนคนไทยอย่างไม่รู้จักจบสิ้น กลายเป็นบทเรียนซ้ำซาก ที่เปลี่ยนวิธีการใหม่ แต่ยังใช้จุดเดิมมาขยี้คือ การปลดแอกจากความจน ขายฝันสวยหรู การันตีผลตอบแทนสูงลิ่ว แต่สุดท้ายทุกอย่างปลิดปลิวสลายไปต่อหน้า บางคนสูญเสียเงินทอง บางคนสูญเสียครอบครัว เพื่อน คนใกล้ชิด หรือบางคนต้องจบชีวิตหนีหนี้ และนี่คือธุรกิจแชร์ลูกโซ่ ที่เป็นข่าวใหญ่โตระดับประเทศ

แชร์แม่ชม้อย ต้นตำรับแชร์ลูกโซ่ เสียหาย 4 พันล้าน ติดคุก 150,000 ปี

759146

ย้อนเวลากลับไปในปี พ.ศ.2525 นางชม้อย ทิพย์โส หรือที่รู้จักกันในนาม "แม่ชม้อย" ชาวจังหวัดสิงห์บุรี อดีตพนักงานองค์การเชื้อเพลิง ได้ชักชวนผู้คนนับหมื่นคนทั่วประเทศมาลงทุนทำธุรกิจด้วยกัน โดยอ้างว่าตนเองทำธุรกิจซื้อขายน้ำมันทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเงื่อนไขการลงทุนคือ จะต้องนำเงินไปซื้อน้ำมัน 1 คันรถบรรทุก เป็นจำนวนเงิน 160,800 บาท โดยให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยร้อยละ 6.5 ต่อเดือน และสามารถถอนเงินต้นคืนได้ตลอดเวลา

ด้วยความที่เหยื่อได้รับเงินปันผลตรงเวลาทุกเดือน ถอนทุนคืนได้เพียงเวลาไม่นาน และยังได้กำไรดี ทำให้เกิดการพูดถึงกันแบบปากต่อปาก จนเกิดการเรียกการลงทุนนี้ว่า "แชร์แม่ชม้อย" ผู้คนจำนวนมากทั้งข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ต่างหลั่งไหลนำเงินเข้ามาลงทุนจนยอดเงินสะพัดหลายพันล้านบาท จนกระทั่งแชร์ไปต่อไม่ไหว เพราะหมุนเงินไม่ทัน ทำให้มีผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีแม่ชม้อย ทั้งสิ้น 15,473 ราย รวมมูลค่าความเสียหายสูงถึง 4,822 ล้านบาท ก่อนจะถูกจับกุมในปี 2528

คดีแชร์แม่ชม้อย ใช้เวลาในการสืบพยานนานถึง 4 ปี จนกระทั่งวันที่ 27 ก.ค.2532 ศาลมีคำพิพากษาให้นางชม้อยและพวกรวม 10 คน มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ให้จำคุก 117,595 ปี และความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินอีก 36,410 ปี รวมจำคุก 154,005 ปี แต่ประมวลกฎหมายอาญา กำหนดให้ลงโทษรวมกันทุกกระทงแล้วไม่เกิน 20 ปี ศาลจึงพิพากษาให้จำคุกนางชม้อยและพวกเป็นเวลา 20 ปี และให้คืนเงินที่ฉ้อโกงประชาชน

นางชม้อยรับกรรมจำคุกในทัณฑสถานหญิงเรือนจำลาดยาว เพียง 7 ปี 11 เดือนก็พ้นโทษก่อนกำหนดถึง 13 ปี เพราะได้รับพระราชทานอภัยโทษ เนื่องจากเป็นนักโทษชั้นดี และเมื่อเธอได้รับอิสรภาพก็ไม่ปรากฏตัวให้ผู้คนได้พบเจออีกเลย

ยูฟัน หลอกลงทุนเพื่อฟันเงินยู กว่าจะรู้ตัวก็โดนตุ๋นจนเปื่อย

922527

เมื่อปี 2556 บริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด ได้ยื่นขอจดทะเบียนประกอบธุรกิจขายตรงกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อการจำหน่ายเครื่องดื่ม 2 รายการ และเครื่องสำอาง 1 รายการ จากนั้นได้ทำการโฆษณาชักชวนให้ประชาชนนำเงินมาลงทุนผ่านระบบอินเทอร์เน็ต โดยใช้ข้อความ เช่น ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ต้องขายสินค้า ไม่ต้องรักษายอด ไม่ใช่ธุรกิจขายตรง เป็นต้น

รูปแบบการชักชวนให้นำเงินมาลงทุนมี 5 ระดับ หรือ 5 ตำแหน่ง เริ่มที่ 1 ดาว 500 ดอลลาร์ ไปจนถึงระดับ 5 ดาว 50,000 ดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยสูงสุดราว 1.7 ล้านบาท นอกจากนี้ยังชักชวนบุคคลทั่วไปให้นำเงินมาลงทุนกับบริษัทได้ 2 แบบ คือ แบบเน้นซื้อ U-TOKEN หรือสมัครแบบเน้นซื้อสินค้า

เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนแผนการลงทุน และการดำเนินธุรกิจพบว่า ยูฟันมุ่งเน้นการหาสมาชิกเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น พร้อมขายฝันว่าจะได้ผลตอบแทนสูง ทั้งเงินทอง รถยนต์ ฯลฯ ไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องการขายสินค้าแบบขายตรงตามที่ขอจดทะเบียน เและเมื่อตำรวจนำกำลังเข้าตรวจค้นบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ที่บริษัท ยูฟัน อ้างว่าทำสัญญาผลิตและซื้อขายสินค้า แต่การตรวจค้นพบว่าไม่ได้มีการซื้อขายเกิดขึ้นจริง ไม่ได้มุ่งทำกำไรจากสินค้า เหมือนธุรกิจขายตรงทั่วไป ยิ่งเป็นข้อพิสูจน์ชัดเจนว่า เน้นการหาสมาชิกมาลงทุน เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ และยังสร้างแพลตฟอร์ม ใช้ “ยูโทเคน” แบ่งระดับสมาชิก จนมีผู้หลงเชื่อกว่า 2,400 คน

ในที่สุด ศาลฎีกาตัดสินให้จำคุกแม่ข่ายกับพวกรวม 5 คน คนละ 20 ปี ยกฟ้อง 11 คน ส่วนจำเลยที่เหลือ สั่งชดใช้เงิน 356 ล้านบาท ให้กับผู้เสียหาย ฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และฐานร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และ ปปง.ตามยึดทรัพย์ เพื่อทยอยคืนให้ผู้เสียหาย

ส่วนค่าเสียหายทางแพ่งที่ต้องชดใช้ให้แก่ผู้เสียหาย 2,451 คน รวม 356,211,209 บาท ศาลฎีกาพิพากษาแก้ให้คิดอัตราดอกเบี้ยใหม่ จากร้อยละ 7.5 ต่อปี เป็นร้อยละ 5 ต่อปี ตามกฎหมายใหม่ และให้จำเลยบางส่วน ชดใช้ค่าเสียหายภายใน 30 วัน หากไม่ชดใช้ตามกำหนดจะเข้าสู่ขบวนการยึดทรัพย์

แชร์แม่มณี จากพริตตี้ขายตุ๊กตาเมืองอุดร สู่เจ้าแม่วงแชร์พันล้าน

w644copy_1

ประเทศไทยสั่นสะเทือนกับแชร์ลูกโซ่อีกครั้ง เมื่อตำรวจนำกำลังเข้าจับกุม น.ส.วันทนีย์ ทิพย์ประเวช หรือ เดียร์ หรือที่รู้จักกันในฉายา “แม่มณี” และนายเมธี ชิณภา อายุ 20 ปี สามีคาห้องพักใน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พร้อมแจ้งข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบทางคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ

สืบเนื่องจาก น.ส.วันทนีย์ หรือแม่มณีประกาศให้ประชาชนทั่วไปมาร่วมออมเงินหรือร่วมลงทุน โดยจะได้ผลตอบแทนมากกว่าปกติเป็นพิเศษ โดยมีแผนการตลาดหรือรูปแบบการลงทุนจัดแบ่งออกเป็นวงจำนวนการลงทุนวงละ 1,000 บาท จะได้รับผลตอบแทน 930 บาทต่อหนึ่งวง เมื่อครบกำหนด 9 เดือนนับ แต่วันที่ลงทุนหรือวันที่ฝากเงินมายังบัญชีที่แจ้ง ผู้ลงทุนจะได้รับเงินที่ลงทุนพร้อมผลตอบแทนกลับไปจำนวนวงละ 1,930 บาท ก่อนที่ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นการลงทุนระยะสั้นอีกหลายระบบและหลายครั้ง

นอกจากนี้ แม่มณียังสร้างภาพ เปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ จากเน็ตไอดอลธรรมดาที่ไลฟ์ขายตุ๊กตา กลายเป็นนักธุรกิจสาวที่ประสบความสำเร็จเพราะลงทุนในธุรกิจหลายอย่าง ทั้งสร้างภาพยนตร์ แบรนด์เครื่องสำอาง ผับ และร้านทอง จนผู้คนต่างหลงเชื่อว่าเธอคือความหวังที่จะมาช่วยเปลี่ยนชีวิตให้รวยไปตามๆ กัน จนหลายคนนำเงินมาลงทุนด้วย แต่ความจริงแล้วแม่มณีไม่ได้จัดให้มีการออมเงินหรือร่วมลงทุนโดยได้รับผลตอบแทนมากกว่าปกติดังกล่าวแต่อย่างใด เพียงแต่ออกอุบายให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินเงินทองจากประชาชนผู้ถูกหลอกลวงเท่านั้น จนเกิดความเสียหายแก่จำนวน 2,533 ราย รวมทั้งสิ้น 1,376,215,359 บาท

ศาลพิพากษาว่า แม่มณีและสามีกระทำผิดตามฟ้องจริง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษฐานร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นบทหนักสุด จำนวน 2528 กระทง จำคุกกระทง ละ 5 ปี รวม 12,640 ปี จำเลยรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 5,056 ปี 15,168 เดือน แต่กฎหมายคงจำคุกได้ไม่เกิน 20 ปี จึงจำคุกไว้คนละ 20 ปี และให้จำเลยทั้งสองชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายพร้อมดอกเบี้ย

Forex-3D สะท้านวงการบันเทิง คนดังมีเอี่ยวเพียบ ทั้งเป็นตัวการและเหยื่อ

1728985774966

สืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับการร้องเรียนว่ามีการชักชวนให้ลงทุน Forex-3D ผ่านทางเฟซบุ๊กชื่ของ นายอภิรักษ์ โกฎธิ โดยให้ลงทุนนำเงินไปซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่างๆ (Forex) โดยเสนอผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 60-80 ของเงินผลกำไรที่ได้จากการเทรดฟอเร็กซ์ และประกันเงินต้นที่ร่วมลงทุนร้อยละ 100 ซึ่งมีผู้เสียหายจากการร่วมลงทุนจำนวนมาก

เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีนายอภิรักษ์ โกฎธิ กับพวก รวม 4 คน ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 ฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จฯ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยมีผู้เสียหายที่เข้าให้การรวมจำนวน 9,824 คน มูลค่าความเสียหาย 2,489 ล้านบาท (แต่ทั้งนี้คาดว่าแท้จริงแล้วมูลค่าความเสียหายอาจจะสูงถึง 40,000 ล้านบาท) และยังพบว่ามีดารา นักร้อง นักแสดง เข้าข่ายมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแม่ทีม ผู้ร่วมลงทุนรายใหญ่กับนายอภิรักษ์ หรือเป็นตัวการร่วมกับนายอภิรักษ์ ในการแบ่งหน้าที่กระทำความผิด

พนักงานอัยการได้ระบุไว้ว่า การโฆษณาชักชวนหลอกลวงประชาชนของจำเลยเป็นความเท็จ ซึ่งความจริงแล้วจำเลยไม่ได้ประกอบกิจการซื้อขายหรือเทรดเงินตราต่างประเทศ (Forex) จริงตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด ทางธนาคารแห่งประเทศไทยยังไม่เคยมีการให้ใบอนุญาตแก่บุคคลหรือนิติบุคคลใดเพื่อให้บริการลงทุนโดยเก็งกำไรจากการซื้อขายหรือเทรดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) ในประเทศไทย โดยขณะนี้นายอภิรักษ์และพรรคพวกถุกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำเพื่อรอการตัดสิน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม