พอลจะไม่ปล่อยมือใคร ฝากทนายแจ้งฟันแม่ทีมตีเนียนแกล้งเป็นเหยื่อ 2 พันราย

25 ต.ค. 67

"พอลจะไม่ปล่อยมือใครไว้ข้างหลัง" ฝากคำพูดให้ทนายแจ้งคนข้างนอกทราบ จ่อแจ้งฟันแม่ทีมตีเนียนแกล้งเป็นเหยื่อ 2 พันราย ถ้าดิไอคอนผิดฉ้อโกงคุณก็ผิด



วันที่ 25 ต.ค. 67 นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ผู้ต้องหาในคดีบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด เดินทางมาพูดคุยและให้บอสพอลเซ็นต์เอกสารการมอบอำนาจดำเนินคดีตามออเดอร์ แต่ขณะเยี่ยมบอสพอลและบอสปีเตอร์ (ทนาย 2 บอส เข้าเยี่ยม ) ได้บอกกลับมาทางทนายว่า วันนี้ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เข้ามาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และมีการฝากเอกสาร ให้เจ้าหน้าที่เรือนจำนำไปให้กับ บอสแล็บ เซ็นต์ ซึ่งบอสแล็บ บอกว่าเป็น เอกสารเซ็นมอบอำนาจให้นายอัจฉริยะเป็นตัวแทนของบอสแล็บในการต่อสู้คดี การแถลงข่าว และการแต่งตั้งตัวแทนช่วง แต่งตั้งทนาย แต่เมื่อ บอสแล็บ เห็นก็ไม่ได้เซ็นเอกสารดังกล่าว เพราะมองแล้วรู้สึกว่าไม่ได้มาดี

1729850168621

ซึ่งตนเองได้เจอนายอัจฉริยะที่บริเวณจุดรับเรื่องของเรือนจำมีการพูดคุยทั่วไป ไม่ได้ถามถึงเรื่องคดีคุยกันเพียงแป๊บเดียวก็แยกย้าย

ส่วนอีกเรื่องที่บอสพอล แจ้งให้ตนทราบและเป็นเรื่องที่ร้อนใจคือ วันนี้มีพนักงานสอบสวนของสอบสวนกลางเข้ามาสอบปากคำ บอสแล็บ ในเรือนจำ มีการนำผังโครงข่ายแม่ทีมดิไอคอนมาให้ บอสแล็บ ยืนยัน ซึ่งทาง บอสแล็บ ยังไม่ได้ให้การอะไร เพราะไม่มีทนายความ

แต่ระหว่างการสอบปากคำนายอัจฉริยะ ได้เข้ามาอยู่ในห้องพนักงานสอบสวนด้วย ทั้งที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องทางคดีหรือผู้ต้องหาร้องขอ ทำให้ตนเอง ทีมทนายความตั้งข้อสงสัย พนักงานสอบสวนเป็นลูกน้องหรือทำงานให้นายอัจฉริยะหรือไม่ ทำไมถึงให้นายอัจฉริยะเข้ามาในห้องสอบสวนและมีอำนาจในการสั่งพนักงานสอบสวน ตนมองว่าพฤติกรรมแบบนี้เป็น ความพยายามเจาะหลังบ้านของทีมทนาย ซึ่งตอนนี้ตนรู้พฤติกรรมแล้วและได้เตือนไปยังทีมทนายของผู้ต้องหาทุกคนให้ระวังแล้ว

และพฤติกรรมของนายอัจฉริยะทำให้บอสพอล ไม่พอใจและโมโหจึงจะให้ตนไปแจ้งความดำเนินคดีทั้งตัวนายอัจฉริยะและพนักงานสอบสวน โดยพนักงานสอบสวนจะแจ้งความใน ม.157 ส่วนตัวนายอัจฉริยะ อาจจะแจ้งในข้อหาสนับสนุนให้กระทำความผิด โดยจะไปแจ้งกับบิ๊กเต่าในสัปดาห์หน้า ซึ่ง ทนายวิฑูรย์ ยืนยันว่ามีกล้องวงจรปิดภายในเรือนจำสามารถเก็บภาพทั้งหมดไว้ได้ ส่วนเมื่อถามว่านายอัจฉริยะไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหา แต่ทำไมถึงส่งเอกสารเข้าไปให้เซ็นได้ ทนายวิฑูรย์ ระบุว่า เอกสารสามารถฝากเจ้าหน้าที่เรือนจำเข้าไปได้ แต่ขึ้นอยู่กับตัวผู้ต้องหาจะเซ็นหรือไม่นั้นอีกเรื่อง

เมื่อถามว่าที่เข้าไปคุยกับบอสพอล ได้ฝากอะไรเพิ่มเติมมาหรือไม่ ทนายวิฑูรย์ กล่าวว่า ตนได้รับออเดอร์เพิ่มเติมจากบอสพอล อีก 1 ออเดอร์ คือให้แจ้งความกับกลุ่มแม่ข่าย 2,000 คน ที่ตีเนียนเป็นผู้เสียหายในข้อหาฉ้อโกงประชนชน เนื่องจากมีขบวนการแจ้งความเท็จ สิ่งเหล่านี้เรียกว่าเป็นการแจ้งความแบบแพตเทิร์น มีการพยายามบอกว่า ดิไอคอนไปหลอกลวงให้ทางตัวแทนสั่งซื้อสินค้ากับทางดีลเลอร์ จนขายไม่ได้ แล้วแม่ข่ายสัญญาว่าจะช่วยขาย ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้เป็นแบบนั้นเพราะบริษัทเป็นบริษัทขายส่งสินค้า เราขายให้ตัวแทนแล้วตัวแทนต้องขายต่อ หากขายไม่ได้ก็รับความเสี่ยงกันไป แต่ปรากฏว่ามีการเข้าไปแจ้งความเพื่อปิดประเด็นให้เข้าข่ายฉ้อโกง ด้วยการเกณฑ์ผู้เสียหายจำนวนมากเข้าไปแจ้งความดำเนินคดี

ทั้งนี้ ยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่การโยนความผิดให้กับแม่ข่ายแต่มันเป็นข้อเท็จจริง ดังนั้นภายในสัปดาห์หน้าตนจะทำหนังสือถึงตำรวจสอบสวนกลางให้ ดำเนินคดีกับคนที่มาแจ้งความและอ้างว่าเป็นผู้เสียหายแต่เป็นผู้เสียผลประโยชน์ คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 2,000 คนจากที่แจ้งความทั้งหมด 8,000 กว่าคน แต่ความจริงแล้วเท่าที่เข้าข่ายคาดว่าประมาณ 6,000 คน แต่เท่าที่ตรวจสอบและจะแจ้งความแบบชัวร์ๆเลยคือ 2,000 คน ส่วนตัวก็มองว่าเป็นยอดที่เยอะเช่นเดียวกัน แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นพวกที่ขายของไม่ได้แล้วมาตีเนียนเป็นผู้เสียหายด้วย ซึ่งตนจะให้ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชนเหมือนที่กลุ่มบอสพอลเจอ

ทนายความ ยังบอกว่า บอสพอล ได้ฝากตนมาบอกกับนักข่าวว่า “พอลจะไม่ปล่อยมือใคร” นักข่าวจึงถามย้ำว่าหมายความว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังใช่หรือไม่ ทนายตอบเสียงดังฟังชัดว่า “ใช่ครับ เพราะเราไม่ได้กระทำความผิด แต่โดนดำเนินคดี ส่วนคนที่ เป็นคนทำตัวจริงไปหลอกลวงให้เขาว่าซื้อสินค้ามาเดี๋ยวช่วยขาย, ไม่ต้องขายนะ ให้ไปหาคนเพิ่ม กลุ่มคนเหล่านี้มีเยอะ เพราะฉะนั้นเราจะไม่ปล่อยมือใคร เราโดนดำเนินคดี พวกคุณก็ต้องเป็นผู้ต้องหาเหมือนกันกับเรา ตอนนี้มันต้องแฟร์กันแล้ว”

ส่วนออเดอร์ที่จะดำเนินคดีกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอดและพยานเท็จ จะดำเนินคดี แต่ตอนนี้ขอรวบรวมพยานหลักฐานก่อน ซึ่งบอสพอล จะดำเนินคดีกับนายเอกภพ ข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ส่วนพยานเท็จจะแจ้งข้อหาหมิ่นประมาท

ขณะที่ผู้สื่อข่าวให้ทนายวิฑูรย์พูดถึงไทม์ไลน์การโทรศัพท์ของ ทนาย ต.ว่ามีการพูดคุยเรื่องเงินจำนวน 7 ล้าน ทนาย บอกว่า บอสพอล เล่าให้ฟังว่าช่วงวันที่ 12-13 ตุลาคม มีเบอร์สำนักทนายความ เป็นผู้บริหารโทรมาหาบอสพอล ว่ามีผู้เสียหายจำนวนหนึ่งขอให้มาเคลียร์มา จำนวน 7 ล้าน ก่อนจะวางสายไป จากนั้นวันที่ 15 ตุลาคม บอสพอลได้โทรกลับไป แต่ก็ยังไม่ได้รายละเอียดอะไรเพราะถูกจับในวันที่ 16 ตุลาคมเสียก่อน

ขณะเดียวกัน ทนายความ ยังบอกว่า หลังจากเข้าเยี่ยมบอสพอล และได้คุยกันกับกลุ่มทนายความของ 15 บอส เว้นกลุ่มบอสดาราที่ยังไม่ได้คุย ทุกคนบอกว่า จะยื่นประกันภายในสัปดาห์หน้า หากพ้นการฝากขังในผัดแรกเพราะบอสพอล อยากออกมาชี้แจงกับประชาชน และกับทุกๆรายการ ถึงโครงสร้างของบริษัท ว่ามีรูปแบบเป็นเช่นใด ส่วนที่ก่อนหน้านี้ยังไม่ยื่นประกัน เนื่องจากเกรงว่าจะถูกคัดค้าน หวั่นไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ส่วนจะได้ประกันหรือไม่นั้นเป็นดุลยพินิจของศาล.

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส