ทนายอั๋น จี้สอบเส้นเงิน ทนายตั้ม โอนคดีเงิน71ล้าน ให้สอบสวนกลางทำแล้ว

25 ต.ค. 67

 

 

สภ.ปากช่อง โอนคดีโกงเงิน 71 ล้าน ให้สอบสวนกลางทำแล้ว ด้าน ทนายอั๋น จี้สอบเส้นเงิน ทนายตั้ม โอนเงินข้ามชาติเเต่ไม่ยื่นภาษี เผยสัปดาห์หน้ายื่น สรรพาการ - ปปง. ตรวจสอบ

วันที่ 25 ต.ค. 67 นาย ภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.วีระพล ระเบียบโพธิ์ ผกก.สภ.ปากช่อง เพื่อยื่นหนังสือขอให้โอนคดี "ป้าอ้อย" ที่มอบหมายให้ทนายความเข้าเเจ้งความที่ สภ.ปากช่อง เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 67 เพื่อเอาผิดนาย ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ในข้อหาฉ้อโกง เงิน 2 ล้านยูโร หรือประมาณ 71 ล้านบาท 

โดยต้องการให้โอนคดีดังกล่าวไปให้ตำรวจสอบสวนกลางทำคดีต่อ เพราะเป็นการโอนเงินข้ามชาติ โดยที่ไม่มีการเเจ้งชำระภาษี อาจต้องใช้หลายหน่วยงานตรวจสอบ มองว่ากองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง น่าจะมีความพร้อมเเละมีเครื่องมือการตรวจสอบที่มากกว่า สภ.ปากช่อง จึงขอให้ผู้กำกับพิจารณา 

โดย พ.ต.อ.วีระพล ก็ได้รับเรื่องจากทนายอั๋น พร้อมเเจ้งความคืบหน้าว่า คดีนี้ทาง สำนักงานตำรวจเเห่งชาติ ได้มีคำสั่งให้โอนคดีไปยังตำรวจสอบสวนกลางตั้งเเต่เมื่อวาน ดังนั้นวันนี้จึงมอบหมายให้พนักงานสอบสวนนำสำนวนไปส่งมอบให้ตำรวจสอบสวนกลางดำเนินการต่อ ดังนั้นคดีนี้ สภ.ปากช่อง หมดอำนาจในการสอบสวนเเล้ว 

ด้าน ทนายอั๋น กล่าวถึงวัตถุประสงค์ที่มายื่นเรื่องให้โอนย้ายคดีไปยังตำรวจสอบสวนกลาง เพราะมองเห็นความผิดปกติบางอย่าง เนื่องจากมีการโอนเงินข้ามชาติ ตั้งเเต่เดือน ก.พ. ปี65 เเต่ยังไม่มีการยื่นเสียภาษี ซึ่งอาจตั้งข้อสังเกตว่ามีการฟอกเงินหรือไม่ สำนักงานป้องกันเเละปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. จะต้องตรวจสอบ โดยหลังจากทราบความคืบหน้าจากผู้กำกับฯ ว่ามีการโอนย้ายคดีไปให้ตำรวจสอบสวนกลางเเล้ว ก็ขอชื่นชม มองว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมเเล้ว ถือว่าตำรวจ สภ.ปากช่อง ไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังจากได้รับคำสั่งจากสำนักงานตำรวจเเห่งชาติให้โอนคดี ก็ดำเนินการอย่างรวดเร็ว 

ทนายอั๋น บอกว่า ก่อนหน้านี้ตนเองพยายามตรวจสอบเเหล่งที่มาของรายได้ป้าอ้อย ตอนเเรกอ้างว่าไปทำธุรกิจเปิดร้านขนมปังที่ต่างประเทศ เเต่จากการตรวจสอบร้านดังกล่าวเป็นของบุคคลอื่น เเละป้าอ้อยยังอ้างว่าตัวเองถูกหวยที่ต่างประเทศ ตนเองก็ไม่ทราบว่าจริงหรือเท็จประการใด ยังเป็นข้อสงสัยอยู่ 

โดยสัปดาห์หน้า ตนเองจะไปยื่นเรื่องต่อ ปปง. เเละกรมสรรพากร เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องการโอนเงินดังกล่าว รวมถึงให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของทนายตั้มด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อปี 2566 ตนเองได้ไปยื่นหนังสือที่กรมสรรพากรเเล้วรอบหนึ่ง เพื่อให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของทนายตั้ม เเต่มาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการรายงานความคืบหน้าใดๆมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอเลย ดังนั้นสัปดาห์หน้าจะไปติดตามเเละยื่นเรื่องซ้ำ วอนเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทำงานอย่างตรงไปตรงมา อย่ายึกยัก 

เมื่อถามว่าที่ผ่านมามีการไปร้องเรียนทนายตั้มหลายเรื่องนั้น มีความเคียดเแค้นกันส่วนตัวหรือไม่ ทนายอั๋น บอกว่า ตนเองกับทนายตั้มไม่เคยเจอกันมาก่อน มีเพียงเรื่องการตรวจสอบ หลังจากนั้นก็มีคดีความฟ้องร้องสู้กันไปมา ทนายตั้มก็เเจ้งความตน กล่าวหาว่าเเจ้งความเท็จ ซึ่งก็สู้กันในกระบวนการ แต่สิ่งหนึ่งที่ตนอยากจะสื่อสารไปถึงทนายตั้มว่าเรื่องต่างๆ ที่ตนออกมาร้องเรียน หากมั่นใจว่าตัวเองไม่ผิดก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหวั่นกลัวใดๆ เพราะหากตัวเองบริสุทธิ์จริงก็คงไม่มีใครทำอะไรได้ ยืนยันว่าการที่ออกมาร้องเรียน ไม่ได้เป็นการดิสเครดิต หรือกลั่นแกล้งใครทั้งสิ้น เพราะตนไม่เคยรับงานใคร ต่อสู้เพื่อความถูกต้องไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง 

ทนายอั๋น บอกอีกว่า วันนี้ตอนแรกตนเองตั้งใจอยากจะมาเจอกับทนายตั้ม และได้เตรียมสมุดมาด้วย 1 เล่ม เพื่อจะขอลายเซ็นต์ อยากจะขอคาถาดี อยากรู้ว่าทนายตั้มมีคาถา มีเสน่ห์ หรือเวทมนตร์ใดถึงได้เงินมา 71 ล้าน เผื่อตนจะได้แบบทนายตั้มบ้าง ซึ่งตนเองก็ไม่ทราบเหตุผลว่าเหตุใดทนายตั้มจึงเปลี่ยนใจกะทันหัน ไม่เดินทางมาที่ สภ.ปากช่อง ตามที่แจ้งกำหนดการณ์กับสื่อมวลชนมาก่อนหน้านี้ แต่มองว่าคดีนี้ถึงแม้ว่าทนายตั้มจะมีการเจรจายอมความกับป้าอ้อย แต่ตนก็มั่นใจว่าป้าอ้อยอยู่ในความดูแลของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แล้ว คงไม่มีการยอมความ แต่ถึงแม้คดีระหว่างทนายตั้มกับป้าอ้อยจะจบ แต่เรื่องเงิน 71 ล้านบาท ม่จบแน่นอน และตนจะตามเรื่องนี้ต่อ

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส