ย้อนไทม์ไลน์ชีวิตรัก โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กับ เมลาเนีย ทรัมป์ ภรรยานางแบบสุดเซ็กซี่ ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จและเคียงข้างเสมอทุกช่วงชีวิต
โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน สามารถเอาชนะ กมลา แฮร์ริส คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ก้าวขึ้นเป็นผู้นำอเมริกาสมัยที่ 2 ได้สมความตั้งใจและทุ่มเท โดยเบื้องหลังความสำเร็จนี้มาจากหลังบ้านที่ทั้งสวยและแข็งแกร่งอย่าง เมลาเนีย ทรัมป์ อดีตนางแบบตัวท็อปสุดเซ็กซี่ ที่วันนี้เธอคือสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐ และนี่คือไทม์ไลน์ชีวิตรักของทั้งคู่ บอกให้โลกรู้ว่ารักครั้งนี้จริงจังและมั่นคงไม่แพ้ใคร
• 1998 โดนัลด์ ทรัมป์ ได้พบกับ เมลาเนีย เป็นครั้งแรกในงานปาร์ตี้
ในปี 1998 เปาโล แซมโปลลี นักธุรกิจชาวอิตาลีและเจ้าของเอเจนซี่นางแบบเพื่อนของ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้จัดงานปาร์ตี้ New York Fashion Week โดยเขาเชิญนางแบบตัวท็อปมาร่วมงานด้วย หนึ่งในนั้นคือ เมลาเนีย คานอส (Melania Knauss) นางแบบสาวชาวสโลวีเนีย ทั้งคู่ได้เจอหน้ากันครั้งแรกก็รู้สึกสนใจกันและกันทันที แต่ทรัมป์ไม่ได้อยู่คนเดียวในงานนี้เพราะเขากำลังควงสาวคนหนึ่งอยู่
เมลาเนีย ให้สัมภาษณ์กับ Harper’s Bazaar เมื่อปี 2016 ว่า "เขาอยากได้เบอร์โทรศัพท์ของฉัน แต่เขาอยู่กับคู่เดท ฉันก็เลยไม่ให้เบอร์เขาไป" แต่ทรัมป์ไม่ละความพยายาม จนเมลาเนียต้องบอกว่าให้เขาเอาเบอร์ของเขามา แล้วเดี๋ยวเธอจะเป็นฝ่ายโทรกลับ "ฉันอยากรู้ว่าเขาจะให้เบอร์อะไรกับฉัน ถ้าเป็นเบอร์ติดต่องานหรือเรื่องธุรกิจ ฉันก็คงแบบว่านี่คือเบอร์อะไร ฉันไม่ได้ทำธุรกิจกับคุณสักหน่อย"
แล้วคืนนั้น ทรัมป์ ก็ให้เบอร์โทรศัพท์ของเขาทุกเบอร์แก่เมลาเนีย ทั้งเบอร์ส่วนตัว เบอร์ออฟฟิศ เบอร์บ้านพักในนิวยอร์ก เบอร์บ้านพักตากอากาศ หลังจากนั้นผ่านไป 2-3 วัน เมลาเนียจึงโทรหาเขา เพราะรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้มีพลัง และเป็นคนมีชีวิตชีวา
• 1999 การหย่าร้างครั้งที่สองของ โดนัลด์ ทรัมป์ สิ้นสุดลง พร้อมกับความรักครั้งใหม่
โดนัลด์ ทรัมป์ สมรสครั้งแรกกับ อิวานา (Ivana) นางแบบสาวชาวเชโกสโลวาเกีย (ปัจจุบันแยกออกเป็นประเทศเช็กและประเทศสโลวาเกีย) ในปี 1977 ทั้งสองมีบุตรด้วยกันทั้งหมด 3 คน ได้แก่ โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์, อิวานกา ทรัมป์, และ อีริค ทรัมป์ ก่อนจะหย่าขาดจากกันในปี 1990
ต่อมาในปี 1993 ทรัมป์ได้สมรสครั้งที่สองกับ มาร์ลา เมเปิ้ล และมีบุตรด้วยกัน 1 คนคือ ทิฟฟานี่ ทั้งสองแยกกันอยู่ตั้งแต่ปี 1997 แต่การหย่าร้างของทั้งคู่ยังไม่สิ้นสุด จนกระทั่งปี 1999 หรือเกือบหกปีหลังจากงานแต่งงานของพวกเขา ก่อนจะเริ่มสานสัมพันธ์กับ เมลาเนีย ในเวลาต่อมา
• 2000 โดนัลด์และเมลาเนีย เลิกรากันช่วงสั้นๆ
ในปี 2000 โดนัลด์ ทรัมป์ พยายามเข้ามามีบทบาทด้านการเมือง ด้วยการพยายามให้พรรคการเมืองส่งชื่อของเขาชิงตำแหน่งประธานาธิบดี และเขาประกาศว่าได้เลิกรากับเมลาเนียเรียบร้อยแล้ว แต่หลังจากนั้นไม่นานทรัมป์ถอดใจจากการแข่งขันชิงตำแหน่ง ก่อนจะถูกสื่อจับภาพได้ว่าเขาและเมลาเนียกลับมาคืนดีกันอีกครั้ง
• 2005 ทรัมป์ตัดสินใจเข้าพิธีวิวาห์ครั้งที่ 3 แบบหวานชื่น
ทรัมป์ขอเมลาเนียแต่งงานในงาน Met Gala ปี 2004 ซึ่งเป็นงานประจำปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการแฟชั่นระดับโลก หลังจากนั้นไม่นาน ในเดือนมกราคม 2005 ทั้งคู่แลกคำสาบานในพิธีวิวาห์ที่จัดขึ้นที่ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา ท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติก โดยมีแขกเหรื่อมาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างอบอุ่น
• 2006 ต้อนรับทายาทคนใหม่ ฉลองให้กับชีวิตแต่งงานที่เพอร์เฟกต์
ทรัมป์บอกกับสื่อก่อนหน้านั้นว่าพวกเขาอยากมีลูกด้วยกัน "ไม่มีอะไรดีเท่าการมีชีวิตสมรสที่ดีและการมีลูก ตนมีลูกที่ดีถึง 4 คน ถ้าคุณมีเงินการมีลูกก็เป็นเรื่องที่วิเศษ" จนกระทั่งวันที่ 20 มีนาคม 2006 พวกเขาได้ให้กำเนิดลูกชาย "บาร์รอน ทรัมป์" ทายาทคนที่ 5
• 2016 ก้าวขึ้นสู่บทบาทผู้นำประเทศ โดยมีหลังบ้านที่แข็งแกร่งและเป็นที่สนใจของสื่อ
ทรัมป์ได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกากับ ฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต โดยเขาใช้คอนเซปต์ "Make America Great Again" ชนะการเลือกตั้งเป็นผู้นำคนใหม่เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2016 ในวัย 70 ปี โดยมีเมลาเนีย ทรัมป์ ภรรยาสุดที่รักคอยเคียงข้างอยู่ตลอด ซึ่งเขาเอ่ยชื่นชมเธอบนเวทีว่า "เธอเป็นแม่ที่น่าทึ่ง เธอรักลูกชายของเธอมาก และเธอจะเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งที่น่าเหลือเชื่อคนหนึ่ง" ส่วนเธอก็โปรยคำหวานให้สามีว่า "เขาเป็นคนทำงานหนัก ใจดี แข็งแกร่ง ฉลาด เป็นนักสื่อสารและนักเจรจาต่อรองที่ยอดเยี่ยม"
ในวันพิธีสาบานตนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ เมลาเนียก็ดึงดูดทุกสายตาให้จับจ้องไปกับชุดเดรสสีฟ้าเรียบหรูจาก Ralph Lauren ที่ทำเอาสื่อทุกสำนักทั่วโลกทั้งฝั่งการเมืองที่ชมว่ามีบุคลิกที่เหมาะกับการเป็นสุภาพสตรีหมายเลข 1 ส่วนทางฝั่งแฟชั่นและบันเทิงก็อวยว่า นี่คือแฟชั่นไอคอนคนใหม่ของทำเนียบขาวต่อจาก แจ็กเกอลีน เคนเนดี ภรรยาของจอห์น เอฟ. เคนเนดี ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 35
• 2017 ชีวิตยิ่งกว่าฝัน ย้ายครอบครัวเข้าสู่ทำเนียบขาว
หลังจากที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง เดือนมกราคม 2017 ทรัมป์ได้ย้ายไปพำนักที่ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตันดีซี ส่วนเมลาเนียย้ายเข้าไปอยู่ช่วงเดือนมิถุนายน เพราะต้องรอให้ลูกชายบาร์รอน ทรัมป์ ปิดเทอมเสียก่อน และตั้งแต่วันนั้นบ้านของพวกเขาคือทำเนียบขาว
• 2021 อยู่เคียงข้างสามี ในวันที่พ่ายแพ้การเลือกตั้งผู้นำสหรัฐ
ทรัมป์ แพ้การเลือกตั้งให้กับ โจ ไบเดน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต นับเป็นประธานาธิบดีคนที่ 6 ของประวัติศาสตร์สหรัฐที่ไม่สามารถเอาชนะการเลือกตั้งได้เป็นสมัยที่สอง และในเดือนมีนาคม 2023 คณะลูกขุนใหญ่แห่งแมนแฮตตันได้ตั้งข้อหาต่อทรัมป์ในความผิดฐานปลอมแปลงบันทึกทางธุรกิจ 34 กระทง รวมถึงความผิดฐานล่วงละเมิดทางเพศและหมิ่นประมาทอดีตคอลัมนิสต์นิตยสารชาวอเมริกัน ส่งผลให้เขาเป็นอดีตประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ถูกตั้งข้อหาทางอาญา อย่างไรก็ตาม ในยามที่ล้มก็ยังมีภรรยาและลูกๆ เคียงข้างเขาเสมอ
• 2023 ทรัมป์กลับมาประกาศชิงตำแหน่งผู้นำอีกครั้ง หวังทวงบัลลังก์คืน
ในเดือนกันยายน ปี 2023 ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ หาเสียงเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เขาถูกนักข่าวถามว่า ภรรยาของเขาจะมาช่วยหาเสียงหรือไม่ เพราะไม่ค่อยเห็นภาพของเธอปรากฏตัวอยู่ในสื่อเท่าไหร่นัก ซึ่งทรัมป์ให้เหตุผลว่า "ผมชอบที่จะให้เธออยู่ห่างจากมัน มันน่ารังเกียจและใจร้ายมาก เธอเป็นคนมีความเป็นส่วนตัว เป็นคนดี มีความมั่นใจมาก และเธอรักประเทศของเรามาก เธอจะออกมาช่วยในเวลาที่เหมาะสม"
• 2024 มุ่งสู่ฝันตำแหน่งประธานาธิบดี แม้จะถูกมือดีลอบสังหาร
โดนัลด์ ทรัมป์ เดินสายหาเสียงอย่างหนัก โดยมีคู่แข่งจากพรรคเดโมแครต คือ กมลา แฮร์ริส โดยในเดือนกรกฎาคม ปี 2024 ทรัมป์ตกเป็นเป้าหมายของความพยายามลอบสังหาร เขาถูกยิงบนเวทีได้รับบาดเจ็บบริเวณหู ขณะกำลังปราศรัยในเมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเมลาเนียเผยความรู้สึกนี้ผ่านแถลงการณ์ส่วนตัวว่า ตอนที่เห็นสามีถูกยิง ทำให้ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าชีวิตเกือบจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องสามีของเธอ
จนกระทั่งวันที่ 5 พฤศจิกายน 2024 ทรัมป์เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ นับเป็นคนแรกในช่วงเวาร้อยกว่าปีที่ดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 แบบเว้นช่วงการบริหารประเทศ ซึ่งทรัมป์ประกาศชัยชนะและกล่าวขอบคุณผู้สนับสนุนที่รัฐฟลอริดาว่า "นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน และผมเชื่อว่าเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดตลอดกาล"