กรณีการหายตัวไปของน้องชมพู่ กระทั่งถูกพบเป็นศพ และยังไม่สามารถจับคนร้ายได้นั้น โดยระหว่างที่คดียังไม่คลี่คลาย กลับมีผู้คนแห่ไปให้กำลังใจลุงพล ลุงเขยของน้องชมพู่ ที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร และมีการรับงาน ร่วมถึงแสดงมิวสิควีดีโอเพลงเต่างอย กลายเป็นที่สนใจของคนทั้งประเทศ
ล่าสุดวันที่ 4 ก.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี รายงานว่าเฟชบุ๊กของทนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความชื่อดัง โพสต์ข้อความว่า "ลุงพล ปีนี้มีรายได้เยอะ เตรียมเสียภาษีได้เลย" ซึ่งก็มีผู้มาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก
คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่
ทั้งนี้ทนายรัชพล เปิดใจกับทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ถึงกรณีดังกล่าวว่า ตามหลักของการเสียถาษี กรณีที่ลุงพลทำงานหรือมีงานอยู่ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการออกสื่อตามรายการ การรับงานเป็นพรีเซนเตอร์ ถ้าหากว่ามีรายได้ขึ้นมา ลุงพลจะต้องมาเสียภาษีตามหลักแหล่งเงินได้ เพราะถือว่ามีรายได้ภายในประเทศไทย
ทนายรัชพล กล่าวต่อว่า หากภายในปีนี้ ลุงพลมีรายได้รวมจากการรับงานไม่เกิน 150,000 บาท/ปี ลงพลก็ไม่จำเป็นต้องเสียภาษี ซึ่งสรรพากรจะมีข้อยกเว้นให้ แต่หากลุงพลมีรายได้มากกว่า 150,000 บาท/ปี เงินที่เกินจากส่วนนี้ ลุงพลจะต้องเสียภาษี
ส่วนเงินที่หมอปลา นำมาให้กับลุงพล ที่เป็นค่าสินน้ำใจ เงินในส่วนนี้ในทางด้านกฎหมาย จะมีการยกเว้นให้ในบางกรณีเท่านั้น เช่น หากหมอปลานำเงินจำนวนหนึ่งมาให้ลุงพล เพื่อไปใช้ในสาธารณะประโยชน์หรือการกุศลทางศาสนา กฎหมายก็จะมีการยกเว้นให้ แต่ถ้ามีการนำมาให้ส่วนตัว เงินส่วนนี้จะถูกนำไปคิดในการเสียภาษีด้วย
นอกจากนี้ทนายรัชพล ยังบอกอีกว่า กรณีที่มีผู้ใจบุญมาสร้างบ้าน หรือต่อเติมบ้านให้กับลุงพล กรณีนี้ก็อาจคิดรวมเป็นมูลค่าของเงินรายได้ และอาจถูกนำไปคิดรวมเป็นเงินและเสียภาษีด้วย อย่างไรก็ตามทนายรัชพล ยังแนะนำลุงพลจดบัญชีใส่สมุด ว่ามีรายได้กี่บาท เวลาที่ลุงพลไปเสียภาษี หรือกรมสรรพากรมาตรวจสอบ จะได้ชี้แจงได้อย่างถูกต้อง
มาตามกันต่อกับเรื่องราวที่สืบเนื่องจากคดีน้องชมพู่ แห่งบ้านกกกอก โดยหากพูดถึงชื่อ "ลุงพล-นายไชย์พล วิภา" วินาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักแน่นอน หลังได้รับฉายาคนดังแห่งบ้านกกอก ที่ไปเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตอย่างปริศนาของน้องชมพู่ ขณะที่ "อุ๊บ วิริยะ" อาสาเป็นผู้จัดการส่วนตัวแบบฟรี ๆ พร้อมป้อนงานในวงการบันเทิง 1 เดือนรับงานไปมูลค่าเกือบ 10 ล้าน
โดยวันนี้เองทางทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางไปพูดคุยกับทางพี่อุ๊บ วิริยะ ถึงการรับงานของลุงพล-ป้าแต๋น โดยทางพี่อุ๊บ เปิดเผยว่า ในส่วนของเรื่องงานนั้นส่วนตัว พร้อมด้วยหมอปลา และไอซ์ สารวัตร ทั้ง 3 คนนี้จะตั้งกรุ๊ปไลน์เพื่อช่วยสกรีนงานหรือให้คำปรึกษากับทางลุงพล เพื่อเป็นการต่อราคาหรือคุยค่าตัว
สำหรับงานที่เข้ามาตอนนี้มีอยู่ประมาณ 10 งาน ได้แก่ 1.งานรีวิวคอนโดฯ หรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา หลักล้าน 2.งานรีวิวและพรีเซนเตอร์คลินิกฟัน 3 แสนบาท 3.งานรีวิวและพรีเซนเตอร์ของท่อน้ำเกษตร 5 แสนบาท
4.งานรีวิวและพรีเซนเตอร์สมุนไพรเสริมความงาม 1 ล้านบาท (ลุงพล-ป้าแต๋น) 5.ร่วมแสดงมิวสิควีดีโอเพลงคนเดียวในดวงใจ ของธันวา ราศีธนู 20,000 บาท (ลุงพล-ป้าแต๋น) 6.ร่วมถ่ายพรีเวดดิ้ง 20,000 บาท (ลุงพล -ป้าแต๋น)
7.รีสิวสินค้า "ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม -หมูแดดเดียว-น้ำส้ม-ปลาอินทรีย์" รวม ๆ 500,000 บาท 8.ร่วมแสดงภาพยนต์ของค่ายสหมงคลฟิล์ม เป็นนักแสดงรับเชิญ 1-2 ตอน ประมาณ 50,000 บาท 9.ไปร่วมงานรำบุญกฐินตามจังหวัดต่าง ๆ 10 กว่างาน งานละ 20,000 รวมแล้ว 200,000 บาท และ 10. รีวิวและถ่ายภาพนิ่งให้คลินิกเสริมความงาม ประมาณ 500,000 บาท
ทั้งนี้ในส่วนของบางงานส่วนตัวก็ได้สกรีน พร้อมปฎิเสธในการรับงาน ก็จะมีจำพวกงานไปเต้นรูดเสาตามผับตามบาร์ งานถุงยางอนามัย เป็นต้น อย่างไรก็ตามเมื่อถามถึงเรตค่าตัวมาตรฐานของลุงพล-ป้าแต๋นนั้น ต้องบอกว่าไม่มีราคาตายตัว เพราะต้องดูรายละเอียดของแต่ละงาน แต่พูดได้ว่าหากเป็นงานจำพวกพรีเซนเตอร์ราคาจะอยู่ที่ 500,000 บาทต่อ 1 งาน
โดยทาง "พี่อุ๊บ" ยังเผยอีกว่า ในส่วนของค่ารีวิวอาหารจำนวน 75,000 บาท ที่ลุงพลมารีวิวเมื่อวานนี้ ทางลุงพลเองก็เตรียมนำเงินในส่วนนั้นไปซื้อโทรศัพท์มือถือเพื่อเอาไว้สร้างไลน์ในการคุยเกี่ยวกับการรับงาน ส่วนจะเป็นรุ่นไหน ราคาเท่าไร ก็ต้องให้ทางลุงพลเป็นคนตัดสินใจ ตนยืนยันในส่วนของการเสียภาษีทุกงานย่อมถูกต้องตามกฎหมาย ไม่หวั่นกระเเสดราม่าในอนาคต
เมื่อถามถึงงานเดินแบบแฟชั่นโชว์ช่วยเหลือสัตว์พิการและจรจัด ภายใต้ชื่องาน "อุ๊บ แฟชั่นโชว์ฟอด๊อกแอนด์แคท ครั้งที่ 4" ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 6 ก.ย.63 ศูนย์การค้าตะวันนา บางกะปิ ก็อยู่ในส่วนของการเตรียมความพร้อมเรื่องของสถานที่ ซึ่งวันนั้นเองทางลุงพลพร้อมป้าแต๋น จะเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ประมาณช่วง 09.00 น. ก่อนที่จะมาถึงศูนย์การค้าตะวันนา บางกะปิ ประมาณ 11.00 น. หลังจากนั้นก็ทำการซ้อมบนเวทีประมาณ 30 นาที ก่อนจะพักรับประทานอาหารช่วงเที่ยง และเริ่มทำการแต่งหน้าทำผม ก่อนจะขึ้นเวทีประมาณ 13.00 น. โดยทางลุงพลและป้าแต๋น จะส่วมชุดที่ทางตนได้เตรียมเอาไว้ เป็นเสื้อยืดสกรีนลายน้องสัตว์
โดยทั้งคู่จะเดินเป็นคู่สุดท้ายของงาน จะอยู่ในช่วงประมาณ 13.40 น. ระยะทางในการเดินนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 200 เมตร เดินไป 100 เมตร เดินกลับ 100 เมตร โดยทรงเวทีจะเป็นตัว T ทั้งนี้หลังจากเดินแบบเสร็จก็จะมีการสัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หลังจากนั้นไม่เกิน 14.30 น. ทางลุงพลและป้าแต๋น ก็พร้อมเดินทางกลับไปยังสนามบินดอนเมือง เพื่อขึ้นเครื่องบินในช่วง 17.00 น. ซึ่งสถานที่ดังกล่าวนั้นรองรับประชาชนที่จะเดินทางมาให้กำลังใจได้ประมาณ 1,000 คน
ในส่วนของการเดินแบบนั้น หลังจากที่อาจารย์ชาไทยได้สอนเดินแบบ 2 รอบ ทั้งที่บ้านกกกอก 1 รอบ และเมื่อวานที่อมรินทร์ทีวี 1 รอบ ทั้ง 2 คนไม่มีอะไรต้องปรับปรุง เเละยังถือว่าทำได้ดีด้วยซ้ำกับการเดินแบบที่ซ้อมเพียงเเค่ 2 รอบ ซึ่งส่วนตัวก็อยากให้ทั้งคู่ เดินในสไตล์ที่เป็นตัวของตัวเองอยู่แล้ว ไม่ต้องปรับแก้อะไรมาก เชื่อวันงานน่าจะไม่ผิดหวัง ทั้งนี้ในส่วนของลุงพล มีเพียงหนึ่งเดียวที่ยังไม่มั่นใจคือรอยยิ้ม เพราะอาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับฟันห่างเลยไม่กล้ายิ้มออกมาสักเท่าไร ตนยอมรับว่าบนเวทีไม่ได้มีเซอร์ไพรส์อะไร แต่สิ่งที่สร้างเซอร์ไพรส์ให้ทุกคนได้ คือ การที่ทุกคนได้เห็นลุงพลและป้าแต๋นเดินแบบในแบบของตัวเอง
ท้ายสุดถามถึงประเด็นที่ ครูปรีชา ใคร่ครวญ ในคดีหวย 30 ล้านที่เป็นข่าวโด่งดังก่อนหน้านี้ มีค่ายเพลงทาบทามเล่นเอ็มวี เพลงความจริงคือความจริงของลุงพล โดยทางพี่อุ๊บ เผยว่า งงกับข่าวที่เกิดขึ้น เพราะหลังจากที่ได้ทราบข้อมูลมาก็ยังคุยกับทางหมอปลาว่าเป็นอย่างไร ทั้งนี้หากเรื่องราวที่เผยแพร่ออกมาเป็นความจริง ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว และไม่สมควร อีกทั้งครูปรีชา ภาพพจน์ก็ยังไม่โอเคจากข่าวที่ผ่านมา ส่วนตัวมองว่าการเข้ามาทำของครูปรีชานั้น อาจจะเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้อาจจะต้องพูดคุยกันอีกที
นายไชย์พล วิภา ลุงน้องชมพู่ กล่าวว่า ส่วนตัวพร้อมให้ตรวจสอบเรื่องภาษี เพราะมันคือหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่ที่ต้องจ่าย ตนคิดว่าเมื่อถึงเวลาตนก็ต้องจ่ายภาษี ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีการหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้แล้ว ส่วนตัวไม่มีความกังวล และพร้อมให้ตรวจสอบ
บรรยากาศหน้าบ้านลุงพล เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือน แม้ว่าจะไม่เจอลุงพล ก็จะถ่ายรูปกับป้ายหน้าบ้านลุงพล เพื่อเก็บรูปเป็นที่ระลึกว่าได้มาถึงหมู่บ้านกกกอกแล้ว ซึ่งวันนี้มีแผงขายของเพิ่มมากขึ้น เช่น ร้านขายน้ำชา หน่อไม้ และร้านส้มตำ ซึ่งทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.ขวัญใจ เชื้อตาพระ ชาวบ้านกกกอก ที่มาขายส้มตำหน้าบ้านลุงพล
โดย น.ส.ขวัญใจ เปิดเผยว่า ตนอยากขายส้มตำมานานแล้ว ช่วงนี้มีนักท่องเที่ยวมาอยู่ที่หน้าบ้านลุงพลเยอะ ตนจึงได้มาตั้งร้านที่หน้าบ้านลุงพลเพื่อหารายได้เสริม เนื่องจากช่วงนี้หมดฤดูเห็ดออกแล้ว จึงต้องหารายได้จากทางอื่น ซึ่งวันนี้เพิ่งมาขายเป็นวันแรก ก็ยังพอขายได้แต่คนก็ซื้อไม่มากนัก
ตอนนี้หมู่บ้านกกกอกมีความเปลี่ยนแปลงมาก จากเมื่อก่อนเป็นเพียงหมู่บ้านเงียบ ๆ ตอนนี้ก็มีคนมาเที่ยว มีความเจริญเข้ามาเยอะมาก ซึ่งตนคิดว่าในอนาคตอาจจะมีอาชีพอื่น ๆ เกิดขึ้นในหมู่บ้านอีก อย่างไรก็ตาม ตนอยากเชิญชวนให้คนมาเที่ยวในหมู่บ้านเยอะ ๆ จะได้ช่วยอุดหนุนชาวบ้านด้วย รวมถึงไม่อยากให้กลัวหรือมองว่า หมู่บ้านเป็นสถานที่น่ากลัว เพราะว่าเคยเกิดคดี
น.ส.ขวัญใจ ให้ข้อมูลว่า สำหรับรายรับรายจ่ายที่ขายของนั้น ตนลงทุนซื้อของขายส้มตำไป 600 บาท แต่วันนี้ขายวันแรกได้เงินแค่ 500 บาท ซึ่งยังไม่คืนทุน แต่ยังเหลือของไว้ขาย ซึ่งสำหรับการขายวันแรกถือว่าขายดี เพราะวันนี้เป็นวันหยุด ซึ่งก่อนหน้านี้เคยสังเกตว่าช่วงวันหยุดและวันเสาร์-อาทิตย์ จะมีคนมาเที่ยวเยอะมาก คาดว่าจะได้เงินจากการขายของมากกว่าเดิม
