ผู้ชุมนุมปักหลักค้างคืนหน้าเรือนจำ รอฟังคำตอบจากนายกฯ ถึงแค่ 4 ทุ่ม

ผู้ชุมนุมปักหลักค้างคืนหน้าหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เรียกร้องปล่อยเพื่อนที่ถูกจับ พร้อมระบุชัดจะฟังคำตอบจากนายกฯ เรื่องลาออกจากตำแหน่ง ถึงแค่ 4 ทุ่มคืนนี้

เมื่อวานนี้ (23 ต.ค.) ที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ถนนงามวงศ์วาน กลุ่มภาคีนิรนาม มีการจัดกิจกรรม “นอนแคมป์ไม่นอนคุก” เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยผู้ที่ยังถูกจับกุมตัวไว้ในเรือนจำ ซึ่งมีทั้งหมด 8 คน แบ่งเป็นใน กทม. 7 คน และทนายอานนท์ นำภา ที่อยู่เรือนจำจังหวัดเชียงใหม่ โดยนัดรวมตัวกันตั้งแต่ 15.00 น. แล้วก็มีมวลชนทยอยเดินทางมารวมตัวกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นจังหวะพอดีกับที่ศาลอุทธรณ์กลาง มีคำสั่งอนุญาตปล่อยชั่วคราว นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน อายุ 29 ปี เเกนนำกลุ่มคณะราษฎร ที่ชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ และถูกจับกุมตัว เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ที่ผ่านมา ในความผิด 12 ข้อหา โดยตีวงเงินประกันที่ 70,000 บาท

ขณะปล่อยตัวหน้าเรือนจำ ไผ่ ดาวดิน ได้เดินออกมาทักทายกับผู้ชุมนุม และขึ้นกล่าวปราศรัยตำหนิการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะเปิดเวทีปราศรัยและคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบ

ต่อมา 20.20 น. ไผ่ ดาวดิน ได้ขึ้นเวทีอ่านรายชื่อผู้ที่ยังไม่ได้รับการปล่อยตัวแกนนำคนอื่นๆ เช่น นายอานนท์ นำภา, รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล, เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์, ไมค์ ภาณุพงศ์ จาดนอก โดยได้นำภาพของบุคคลทั้ง 8 ชูขึ้นแล้วโยกไปตามจังหวะเพลง ส่วนบริเวณพื้นถนนหน้าเรือนจำนั้น ยังมีผู้นำสีสเปรย์ฉีดเป็นรายชื่อผู้ถูกบังคับสูญหาย รวมถึงมีป้ายผ้าให้คนได้มาเขียนข้อความอีกด้วย

และก่อน 4ทุ่มเล็กน้อย การ์ดของผู้ชุมนุมตรวจสอบพบว่า มีบุคคลพกปืนเข้ามาในพื้นที่ชุมนุม 1 คน จึงเข้าไปล้อมและคุมตัวเอาไว้ได้ ปรากฏว่า เป็นตำรวจนอกเครื่องแบบของ สน.ทุ่งสองห้อง เบื้องต้นตำรวจนายดังกล่าวไม่ได้พูดอะไร กลุ่มการ์ดพาตัวไปเจรจาที่หลังเวที ก่อนคุมไปแจ้งความที่ สน.ทุ่งสองห้อง

ช่วงดึกกลุ่มภาคีนิรนาม ได้ประกาศ 5 ข้อเรียกร้อง คือ

1. ปล่อยตัวผู้ชุมนุมโดยไม่มีเงื่อนไข
2. ยุติการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุม
3. พล.อ.ประยุทธ์ ต้องลาออกภายในวันที่ 24 ต.ค. 2563
4. เปิดทางให้แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามร่างที่ประชาชนเสนอ
5. ปฏิรูปสถาบัน

โดย ไผ่ ดาวดิน พูดถึงความเดือดร้อนของคนใช้รถใช้ถนน ที่ต้องมาเจอรถติดจากการปิดถนนครั้งนี้ โดยเจ้าตัวย้ำว่า สาเหตุที่ต้องปักหลักค้างคืน เพราะการชุมนุมที่ผ่านมาเป็น แฟลชม็อบ หรือ ส่งต่อกันผ่านทางโลกโซเชียล แต่ก็ไม่เป็นผล ไม่ได้รับการตอบสนองจากรัฐบาล จึงต้องมีการยกระดับการชุมนุมด้วยปิดถนน แต่ยืนยันว่า หากเจ้าหน้าที่เข้ามาประสานขอคืนพื้นผิวการจราจร ตนและผู้ชุมนุมก็พร้อมที่จะคืนพื้นผิวการจราจรให้บางส่วน

และเมื่อเวลา 04.00 นาฬิกา กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มปรับพื้นที่การชุมนุม เพื่อจะเปิดถนนบริเวณด้านหน้าเรือนจำกรุงเทพ จำนวน 2 ช่องทาง ให้รถสามารถสัญจรได้ หลังจากที่ปิดถนนงามวงศ์วาน ช่วงหน้าเรือนจำทั้งเส้นตั้งแต่ในช่วงเย็น หลังจากเคลียร์เส้นทางแล้วเสร็จ กลุ่มผู้ชุมนุมก็เปิดให้รถสามารถสัญจรได้ในเวลา 05:00 นาฬิกา

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังกลุ่มผู้ชุมนุมในนาม ภาคีนิรนาม รวมตัวจากหลายกลุ่มโดยเฉพาะคณะราษฎร แคมเปญ “นอนแคมป์ไม่นอนคุก” โดยมีการปักหลักค้างคืนตั้งแต่เมื่อวาน ซึ่งผู้ชุมนุมทยอยตื่นมาทำกิจวัตรประจำวัน รอฟังท่าทีแกนนำตั้งแต่เช้า หลังวันนี้จะครบกำหนด 3 วัน ที่มีการยื่นหนังสือที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบรัฐบาล ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีภายใน 3 วัน หากไม่ลาออก จะทำการเคลื่อนไหวอีกครั้ง

โดยในเวลา 10.00 น.ที่ผ่านมา คณะราษฎร นำโดย "ไผ่ ดาวดิน" หรือ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา เเกนนำกลุ่มคณะราษฎรอีสาน ร่วมกันอ่านแถลงการณ์ ซึ่งมีนายทรงพล สนธิรักษ์ แนวร่วมคณะราษฎร เป็นผู้อ่านแถลงการณ์ ย้ำประกาศประกาศฉบับบนี้มาจากคณะราษฎร จึงเชิญชวนประชาชนทุกกลุ่มให้มาร่วมออกแบบการชุมนุมร่วมกัน ภายใต้แนวคิด “ประยุทธ์ก็ต้องไล่ หลังสือก็ต้องอ่าน การบ้านก็ต้องทำ” โดยการชุมนุมครั้งนี้จะต้องเปลี่ยนแปลงร่วมกันจากทุกภาคส่วน เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมของราษฎรทุกคน แบบไม่มีแกนนำ พร้อมยืนยันตามข้อเรียกร้อง 3 ข้อ เช่นเดิม ซึ่งในช่วงท้ายคณะราษฎรร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ ”ปล่อยเพื่อนเรา” 8 ครั้งพร้อมกัน

ขณะที่ไผ่ ดาวดิน ยืนยันปักหลักรอคำตอบจาก พล.อ.ประยุทธ์ จนถึง 22.00 น. โดยถ้าไม่มีคำตอบ หรือไม่มีการพยายามทำตามข้อเรียกร้อง ก็จะมีการเคลื่อนไหวต่อไป โดยไม่มีการถอยหลังเด็ดขาด ยืนยันนอนรอฟังปักหลักต่ออีกคืน ก่อนเคลื่อนในวันต่อไป

สำหรับกิจกรรมของผู้ชุมนุมจะเริ่มในช่วง 13.00 น. โดยการปราศรัย จากประชาชนทุกกลุ่มให้มีโอกาสได้พูด โดยเน้นปัญหาการเมือง และปัญหาที่สะสมมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ ขณะที่ในเวลา 15.00 มีกิจกรรมเสวนาเรื่องรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้จะเห็นว่า ภายในพื้นที่ที่จัดไว้ให้มีการกางเต็นท์ และใช้ผ้าสแลนสีเขียวปิดโดยรอบเต็นท์ คล้ายกับเป็นการตั้งเต็นท์กึ่งถาวร เพื่อเป็นการปักหลักชุมนุมหลายวัน ตามที่ผู้ชุมนุมได้มีการแจ้งตั้งแต่แรกว่าจะไม่ยอมกลับจนกว่าจะมีการปล่อยตัวผู้ที่ถูกจับจากการเคลื่อนไหวทางการเมือง และทำตามข้อเรียกร้องทั้งหมด

ขณะที่เวทีที่ดัดแปลงจากรถ 6 ล้อ มีการติดตั้งเครื่องเสียง พร้อมฉายหนังให้ผู้ชุมนุมดูด้วยตามถนน และกำแพงเรือนจำมีผู้ชุมนุมฉีดพ่นสเปรย์ ต่อว่ารัฐบาลและนายกรัฐมนตรีในหลายจุด

สำหรับการจราจรในเช้านี้รถทุกชนิดสามารถเคลื่อนตัวได้ดี เนื่องจากเป็นวันหยุด แม้ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะปิดการจราจร 2 เลนฝั่งหน้าเรือนจำฯ ก็ตาม