เมื่อวันที่ 5 พ.ย.63 ที่ผ่านมา ร.ต.อ.จำรัส ศรีหาตา รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครพนม รับแจ้งเหตุฆาตกรรม และเผาบ้านมีผู้เสียชีวิต ในพื้นที่ บ้านโพนสวรรค์ หมู่ 2 ต.คำเตย อ.เมือง จ.นครพนม จึงรายงานผู้บังคับบัญชา พร้อมประสานเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องของ อบต.คำเตย รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียง นำรถดับเพลิง และเจ้าหน้าที่กู้ภัยศรีสัตตนครพนม กู้ภัยลำโขงเฟรนด์ชิพ เข้าตรวจสอบควบคุมเหตุ
โดยในที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียวครึ่งปูนครึ่งไม้เลขที่ 115/1 หมู่ 2 ต.คำเตย อ.เมือง จ.นครพนม ถูกไฟลุกลามไหม้เสียหายทั้งหลัง เจ้าหน้าที่ จึงระดมรถน้ำดับเพลิง นานร่วมชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ แต่สภาพบ้าน และสิ่งของในบ้านเสียหายทั้งหลัง
เบื้องต้นจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ภายในบ้านที่ถูกไฟไหม้วอดทั้งหลัง พบสภาพศพผู้เสียชีวิต 2 ราย ถูกไฟไหม้จนร่างดำเป็นตอตะโก ในซากบ้านที่ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหลัง ทราบชื่อผู้เสียชีวิตภายหลัง นางอานนท์ สีดาวงศ์ อายุ 48 ปี เจ้าของบ้าน และลูกชาย คือ ด.ช.เอกราช อายุ 14 ปี เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบชันสูตร เก็บหลักฐาน ประกอบการดำเนินคดี
ส่วนผู้ก่อเหตุคือ สามีผู้ตาย ทราบชื่อ นายพันธ์ โทปะ อายุ 50 ปี หลังเกิดเหตุได้มีอาการคุ้มคลั่ง วิ่งไปทำร้ายร่างกาย เพื่อนบ้าน ที่พยายามมาคุมตัวผู้ก่อเหตุ ซ้ำร้ายผู้ก่อเหตุยังตะโกนบอกเพื่อนบ้านว่าฆ่าภรรยา กับลูกเรียบร้อยแล้ว จนชาวบ้านต้องช่วยกันล็อกตัวไว้ได้ ก่อนที่ตำรวจจะมาควบคุมตัวไปสอบสวน และได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก่อนส่งฝากขังต่อศาลจังหวัดนครพนมรวม 6 ข้อกล่าวหาดังนี้
1.ฆ่าคนตายโดยเจตนา 2.กระทำให้เกิดเพลิงไหม้ที่อยู่อาศัยโรงเรือนที่อยู่อาศัย 3.ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตรายสาหัส 4.บุกรุกเคหะสถานโดยมีอาวุธ 5.ทำให้เสียทรัพย์ และ 6.ทำลายศพเพื่อปิดบังการตาย หรือสาเหตุการตาย ส่วนศพ 2 แม่ลูกถูกส่งไปให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น ผ่าชันสูตรหาสาเหตุการตายอย่างละเอียดตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
ล่าสุดวันที่ 9 พ.ย.63 ที่ผ่านมา ในเวลา 13.00 น. ญาติได้นำศพ 2 แม่ลูกไปฌาปนกิจที่ป่าช้าท้ายหมู่บ้าน โดยมีฝ่ายปกครอง อบต.คำเตย เพื่อนบ้าน ครู และนักเรียน มาร่วมส่งวิญญาณ ประมาณ 500 คน บรรยากาศเป็นไปอย่างเศร้าสลด โดยกลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้าน ต.คำเตย ได้รวบรวมเงินจำนวน 50,000 บาท มอบแก่นายเอกชัย อายุ 19 ปีลูกชายของนางอานนท์ และมอบให้แก่นางละคร ศรีดาวงศ์ คนเจ็บอีกจำนวน 12,811 บาท
นอกจากนี้ก่อนจะทำพิธีเผาศพมีกลุ่มนักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนบ้านชะโนด เพื่อนของด.ช.เอกราช หรือ น้อง เปา กว่า 20 คน มาร่วมร้องเพลงท่ามกลางความเศร้าสะเทือนใจในงานฌาปนกิจศพดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวได้รับการบอกเล่าจากญาติและเพื่อนบ้านรายหนึ่งว่า ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีก่อน พื้นที่ของบ้านหลังที่เกิดเหตุ เดิมเป็นบ้านญาติคนหนึ่ง ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่เขยของนายพันธ์ ผู้ก่อเหตุ ต่อมาภรรยาได้เสียชีวิตจากสาเหตุตายทั้งกลม พี่เขยจึงรื้อบ้านหลังนั้นทิ้งไป ภายหลังนายพันธ์ได้มาสร้างบ้านหลังเกิดเหตุทับที่เดิมที่ถูกรื้อไปแล้ว ชาวบ้านจึงมีความเชื่อว่า เป็นแรงอาถรรพ์ ซึ่งเป็นสิ่งอัปมงคลที่นายพันธ์ มาสร้างบ้านทับที่ผีตายทั้งกลม วิญญาณผีตายโหงอาจแค้น เป็นเหตุให้มาเอาชีวิตนางอานนท์ และลูกชาย
นายป้องใจ รัตนวงค์ อายุ 63 ปี พี่เขยของนายพันธ์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมา ประมาณ 30 ปีแล้ว พื้นเพเดิมเป็นคน จ.มุกดาหาร ต่อมาได้แต่งงานอยู่กินกับนางสานิตย์ โทปะ ซึ่งเป็นพี่สาวของนายพันธ์ มีลูกคนโตเป็นหญิงและได้มาปลูกบ้านอยู่บริเวณที่นายพันธ์ปลูกอยู่ในปัจจุบัน
ต่อมาภรรยาของตนได้ท้องลูกคนที่ 2 อายุครรภ์ได้ 5 เดือนก็ล้มป่วยและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งเป็นการตายทั้งกลม หลังจัดการงานศพเมียก็รื้อบ้านหลังนั้นทิ้ง และไปอยู่ที่อื่น บริเวณนั้นก็กลายเป็นคอกวัว เมื่อนายพันธ์อยู่กินกับนางอานนท์ แล้วปลูกบ้านทับที่เดิมของตนตรงนั้น ชาวบ้านก็บอกว่าเจ้าที่แรง ไม่เหมาะที่จะปลูกที่อยู่อาศัย ถ้าถามตนก็ไม่รู้ เพราะไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน และไม่เคยเล่าเรื่องราวที่เมียตายทั้งกลมให้ใครฟัง
กระทั่งเกิดเหตุการณ์นายพันธ์ฆ่าและเผาลูกเมีย จึงมีคนนำเรื่องนี้กลับมาพูดกันอีกครั้ง ตนก็ไม่อยากพูด จึงหลบมาอยู่ที่บ้าน และไม่อยากพบหน้าใคร กระทั่งผู้สื่อข่าวตามมาหาถึงที่ ส่วนใครจะเชื่ออย่างไรไม่ขอพูดถึงดีกว่า
นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา บอกว่า ตนติดตามข่าวนี้ คิดว่าเกิดจากอาถรรพ์ เหล้าที่ผู้ก่อเหตุกินเข้าไป ทำให้ฤทธิ์สุราไปกล่อมประสาทจนเมามาย คิดมากหูแว่วว่าใครจะไปทำร้าย จนหลอนทำร้ายลูกเมีย เพราะระแวงว่าจะมีคนทำร้าย เรื่องนี้ไม่ใช่ไสยศาสตร์ ไม่ใช่ผีตายท้องกลม 30 ปี เป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ที่อาจจะใช้ยาเยอะเกินไป อีกทั้งเรื่องนี้ยืนยันว่า ไม่ใช่อาถรรพ์ผีตายทั้งกลม