สุกิจลั่น ไม่ญาติดี "อัจฉริยะ" ขู่ ตร.รับแจ้งความ จะเอาผิด (คลิป)

7 เม.ย. 61
วันนี้ ( 6 เม.ย.) นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย กล่าวถึงกรณีมีข่าวว่าตัวเองกับนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์  ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ตกลงดีกันผ่านสื่อแล้ว โดยทนายเดชา ยอมรับว่า ได้มีการตกลงกันว่าอะไรที่เคยวิจารณ์กันในทางที่เสียหายก็จะเลิกทำ หลังจากนี้หากจะต้องมีการพูดถึงนายอัจฉริยะตนก็ยังสามารถพูดได้ แต่อาจจะต้องระมัดระวังมากขึ้น ตนมองว่าการวิจารณ์กันไปมามันไม่ได้มีอะไรดีขึ้น แต่หากมีเรื่อง หรือข่าว ตนก็ยังสามารถวิจารณ์ด้วยความเป็นกลางได้
ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย
ส่วนตัวยืนยันไม่ได้กลัวว่านายอัจฉริยะจะฟ้องร้อง เพราะตนไม่ได้ทำอะไรผิด ในกรณีที่นายอัจฉริยะพูดว่าจะตรวจสอบการเสียภาษีของตน และหาว่าตนรับเงินในคดีหวย 30 ล้านบาทนั้น ก็ไม่เป็นความจริง และตนไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย สำหรับคดีหวย 30 ล้านบาท ตนคงยังสามารถพูดได้ทุกอย่างเหมือนเดิม เพราะยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว เพราะสังเกตได้คือทั้งฝ่ายครูปรีชาและลุงจรูญ ต่างก็มีทนายออกสื่ออย่างชัดเจน
อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว
ขณะที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ซึ่งวันนี้ได้เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนางสาวกนกพรรณ หมวกไสว หรือ "ฟ้า" และ นายสุกิจ พูนศรีเกษม ในข้อหา หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ที่สถานีตำรวจภูธรพระประแดง โดนายอัจฉริยะ กล่าว่า นายสุกิจได้นำภาพของตนในอดีตไปโพสต์บนหน้าเฟซบุ๊ก และระบุข้อความที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และต่อมานางสาวกนกพรรณก็นำไปแชร์ต่อบนหน้าเฟซบุ๊กของตัวเอง สำหรับภาพที่ถูกนำไปโพสต์นั้นมีอยู่ 2 เหตุการณ์ เหตุการณ์แรกในปี 2555 เป็นภาพตอนที่ตนไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากยังคงมีรายชื่อในประวัติอาชญากร ทั้งๆ ที่ศาลได้ระบุว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว
ภาพของนายอัจฉริยะ ในอดีตที่ถูกนำมาโพสต์ลงในโลกโซเชียล
ส่วนภาพเหตุการณ์ที่ 2 เป็นภาพในปี 2560 ขณะที่ตนไปร้องเรียนช่วยเหลือผู้เสียหายที่ถูกแฮกเงินไป 1 ล้านบาท จากธนาคารแห่งหนึ่ง แต่เมื่อนายสุกิจนำภาพทั้ง 3 ภาพมาโพสต์กลับระบุว่า "ชมรมต้มเหยื่ออาชกรรม" นอกจากนี้ นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้าตนเตรียมที่จะร้องขอให้อธิบดีกรมสรรพากร ตรวจสอบการเสียภาษีของนายสุกิจ พูนศรีเกษม หลังพบความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง ส่วนประเด็นที่เคยบอกไว้ว่าจะให้ทนายความฟ้องศาลอาญาในทางอาญาและทางแพ่ง กับบุคคลคนหนึ่งนั้นต้องเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากติดช่วงสงกรานต์
ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย
ด้าน ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ที่ตนเองโพสต์ภาพลงเฟซบุ๊กนั้น นายอัจฉริยะยอมรับหรือว่าภาพนั้นเป็นตนเอง แต่อย่างไรก็ตาม ตนก็ยังยืนยันว่า จะไม่ลบภาพและข้อความออก เพราะตนเองก็ไม่รู้ว่ามันผิดตรงไหน ซึ่งภาพที่ตนเองได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊กนั้น ก็เป็นภาพตามข่าวที่ปรากฏมาก่อนหน้านี้ ส่วนข้อความที่ตนได้โพสต์ว่า เหมือนสัตว์ชนิดหนึ่ง ซึ่งถ้านายอัจฉริยะยอมรับว่าเป็นแบบนั้นจริง ตนก็ยินดีที่จะรับโทษ ส่วนข้อความที่บอกว่าชมรมต้มเหยื่ออาชญากรรม ตนก็ไม่ได้เอ่ยชื่อว่าเป็นใคร และก็ไม่ได้ยืนยันข้อเท็จจริงว่าชมรมดังกล่าวจะเป็นไปตามภาพที่ปรากฏในเฟซบุ๊ก นอกจากนี้ ตนอยากจะฝากไปยังร้อยเวร สภ.พระประแดง ที่รับแจ้งความนายอัจฉริยะด้วยว่า ถ้ารับแจ้งความนายอัจฉริยะ ตนเองก็จะเดินทางไปแจ้งความเพิ่มอีก 5 คดี เนื่องจากก่อนหน้านี้ นายอัจฉริยะได้โพสต์ภาพ และข้อความลงในเฟซบุ๊ก พาดพิงตนเองด้วยเช่นกัน เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องตรวจสอบด้วยว่า ตนเองไปใส่ร้ายนายอัจฉริยะอย่างไร เนื่องจากในข้อความบนเฟซบุ๊กของตัวเอง ก็ไม่ได้ยืนยันว่าเป็นนายอัจฉริยะ และก็ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร และรูปที่โพสต์ลงไปนั้น ก็ไม่ทราบว่าเป็นอัจฉริยะหรือไม่ เพราะตนเองเห็นว่า คนในภาพหล่อดี จึงนำมาโพสต์ลงไป ทั้งนี้ หากร้อยเวรเจ้าของคดีเรียกให้ตนไปรับทราบข้อกล่าวหา ตำรวจนายนั้น อาจจะโดนตนแจ้งความตามมาตรา 157 เพราะในข้อความของตนไม่ได้พาดพิงใคร และที่ผ่านมา ก็เห็นว่านายอัจฉริยะจะไปยื่นตรวจสอบทนายเดชาด้วยเช่นกัน แต่พอจับมือกันแล้ว ก็คงจะไม่ยื่นตรวจสอบกันต่อ แต่คนอย่างตนเอง ไม่มีทางไปจับมือกับนายอัจฉริยะแน่นอน ต้องมีติดคุกกันไปข้างหนึ่ง

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ