ป้าแต๋นสะดุ้ง! ปรามลุงพลหยุดฉะ "อุ๊บ" เจอเค้นสอบภาษี กร้าวไม่ให้ค่าอัจฉริยะ (คลิป)

กรณีนายไชย์พล วิภา ลุงเขยของน้องชมพู่ ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าน้องชมพู่ ได้แสดงอาการคุกคามสื่อมวลชน จนเกิดเป็นข้อสงสัยเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลุงพลหลังจากที่ถูกนำเข้าเครื่องจับเท็จ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 9 ก.พ.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่บ้านลุงพล ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ซึ่งช่วงเช้าของวันนี้ลุงพลและป้าแต๋น ได้ออกมาฉาบปูนและทำก่อสร้างต่อเติมบริเวณหน้าบ้าน ผู้สื่อข่าวได้ขอสัมภาษณ์ในขณะที่ทั้ง 2 คนกำลังทำก่อสร้าง โดยป้าแต๋นก็ถ่ายคลิปขณะที่ทำการก่อสร้าง

โดยผู้สื่อข่าวถามเรื่องเกี่ยวกับนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ที่ออกมาไลฟ์สดผ่านเพจชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ว่า ที่มีการพูดเรื่องหมายจับก่อนหน้านี้เป็นเพียงการใช้จิตวิทยา ซึ่งป้าแต๋น ก็ได้หันไปถามลุงพลว่า จะให้ตอบหรือลุงพลจะเป็นคนตอบ ซึ่งลุงพลก็ให้ป้าแต๋นเป็นคนตอบ ป้าแต๋น เปิดเผยว่า ในเรื่องหมายจับนั้นตนก็ไม่แน่ใจ

เพราะนายอัจฉริยะ ก็ยังไม่แน่ใจเลย จะให้มาถามตน ๆ ก็ไม่รู้ ก็ต้องไปถามตัวเขาเองว่าสิ่งที่เขาพูดออกมานั้น เขามั่นใจอะไรแค่ไหนถึงได้พูดออกมา ตนคิดว่าเขาก็เป็นผู้ที่มีการศึกษาสูง ก็ต้องคิดไตร่ตรองก่อนที่จะพูดอะไรออกมา

ขณะที่ลุงพล กล่าวว่า การที่นายอัจฉริยะ ออกมาพูดแบบนั้น เขาไม่ได้มุ่งเป้ามาที่ลุงกับป้า แต่เขามุ่งเป้าไปที่เทวดากับนางฟ้าอย่างคำพูดที่เขาพูด ส่วนตนเป็นแค่คนธรรมดา ส่วนเรื่องทนายษิทรา จะรับทำคดีเมื่อไรก็ให้ไปติดตามข้อมูลจากทนายษิทรา ซึ่งยังติดเงื่อนไขอีก 1 ข้อ คือทนายต้องได้คุยกับพยานก่อน ทั้งนี้ทนายจะไปพูดคุยกับใครก็แล้วแต่เขา

แต่ตอนนี้ทนายษิทรา สั่งให้ตนปิดวาจา และตนก็ไม่ได้ร้อนใจว่าทนายษิทรา จะรับทำคดีหรือไม่ เพราะตนก็ยังไม่ได้เป็นผู้ต้องหาในคดีน้องชมพู่ มีแต่คดีอื่น ๆ และตนไม่ได้ให้ค่าคำพูดของนายอัจฉริยะขนาดนั้น เพราะ "คุณอัจฉริยะ ก็ยังเป็นคุณอัจฉริยะคนเดิม" และตนก็ไม่ได้โกรธอะไรเขา

อย่างไรก็ตาม การที่มีการโอนคดีรุกป่าของตนจาก สภ.กกตูม ไปยังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ปทส. ให้เป็นผู้ดูแลคดีนั้น ตนก็ไม่เห็นด้วย เพราะเหตุเกิดในพื้นที่ สภ.กกตูม ก็ควรทำในพื้นที่

เวลา 11.30 น. เจ้าหน้าที่กรมสรรพากร ได้เดินทางมาที่บ้านของลุงพล เพื่อพูดคุยและแนะนำการดำเนินการของผู้มีรายได้ในการเสียภาษี ซึ่งลุงพลป้าแต๋นก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี โดยได้เชิญเจ้าหน้าที่เข้าไปพูดคุยกันในบ้าน ขณะเดียวกันก็มียูทูเบอร์เข้าไปร่วมนั่งฟัง เพื่อให้คำแนะนำลุงพลด้วย

ในช่วงที่มีการพูดคุย ก็มีบางช่วงบางตอนที่ลุงพลกล่าวถึงคุณอุ๊บ วิริยะ ว่า "รายได้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเงินสด งานละหนึ่งหมื่นบาท งานไม่เยอะ ที่อุ๊บ วิริยะพูดไม่มีจริงหรอกครับ ที่เขาบอกว่ามีเงิน 4-5 ล้านบาทนั้นไม่มี" ซึ่งป้าแต๋น ก็ห้ามปรามไม่ให้ลุงพลพูดพาดพิงใคร

ต่อมาเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร ได้เดินเข้าไปตรวจบริเวณหมู่บ้านยูทูเบอร์ เพื่อตรวจสอบและดูแล ซึ่งได้มีการพูดคุยกับ คุณพอลลี่ เจ้าของหมู่บ้านยูทูเบอร์ ให้ดำเนินการจัดการรายได้ และทำเรื่องชำระในภายหลัง

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรได้เดินทางไปยังบ้านน้องชมพู่ ได้พบกับนายอนามัย พ่อของน้องชมพู่ออกมาต้อนรับและพูดคุย เนื่องจากแม่ของน้องชมพู่ออกไปทำธุระที่นอกบ้าน ซึ่งพูดคุยแนะนำการชำระภาษี เนื่องจากแม่น้องชมพู่เปิดร้านขายผ้าคราม และได้เดินทางไปที่บ้านของน้าแตเพื่อให้ข้อมูลการชำระภาษีเช่นเดียวกัน เพราะปัจจุบันน้าแตก็มีอาชีพขายปลาส้มทางออนไลน์

โดย น.ส.รัชดาพร บรรจง นักวิชาการภาษีชำนาญการ สรรพากรอำเภอคำชะอี ที่เดินทางมาในวันนี้ เปิดเผยว่า วันนี้ลงพื้นที่มาตรวจสอบแหล่งภาษี เพราะทราบว่าในหมู่บ้านกกกอกมีการขายออนไลน์กันมาก ซึ่งนอกจากบ้านลุงพลแล้วบ้านแม่น้องชมพู่แล้ว ก็มีบ้านน้าแต น้าต่าย ร้านค้า และเจ้าของหมู่บ้านยูทูเบอร์ ในส่วนเจ้าของบ้านยูทูเบอร์นั้น ยังให้ข้อมูลกับกรมสรรพากรไม่ได้ เพราะต้องรอคำตอบจากทางป่าไม้ด้วยว่า บริเวณตรงนั้นจะเปิดเป็นที่พักให้เช่าได้หรือไม่

น.ส.รัชดาพร กล่าวต่อว่า เรื่องเงินรับบริจาคของลุงพลนั้น จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน โดยการขอ Statement ไปดู เพราะยังไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นการเปิดบริจาคเพื่ออะไร ส่วนกรณีเงินสดที่เอฟซีโอนผ่านยูทูเบอร์ และเอาเงินสดมามอบให้ลุงพลนั้น ตนก็ขอให้ลุงพลจดบันทึกเอาไว้เพื่อให้มาตรวจสอบในภายหลัง ผู้ต้องเสียภาษีต้องมีการเคลื่อนไหวโอนและฝากทางบัญชี 3,000 ครั้ง/ปี หรือ มีการเคลื่อนไหวโอนและฝาก 400 ครั้ง แต่มีเงินในบัญชีเกิน 2 ล้านบาท

กรมสรรพากรพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร ได้ชี้แจงเกี่ยวกับการเสียภาษีของ “ลุงพล-นายไชย์พล วิภา” และภรรยา ในฐานะของผู้ที่มีรายได้จากการรับงานร้องเพลง งานแสดงรวมไปถึงรายได้จากการขายสินค้า พร้อมกับการเป็นยูทูเบอร์

ทั้งนี้หลายคนก็โฟกัสไปที่ช่วงที่ “ลุงพล” รับงานร่วมกับ “คุณอุ๊บ วิริยะ” ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงที่โด่งดังมาก ๆ และมีงานแทบทุกวัน โดยในส่วนนี้ทาง “ลุงพล” ก็ได้พูดถึงรายได้ที่มาจากการร่วมงานจาก “คุณอุ๊บ” ว่า รายได้ส่วนใหญ่จะเป็นเงินสด ครั้งละแค่หลักหมื่นเท่านั้น พร้อมกับบอกว่าไม่เป็นความจริงเลย ที่มีข่าวออกไปว่าเจ้าตัวได้รับเงินหลัก 4-5 ล้านบาท จากการรับงานโดย “คุณอุ๊บ”

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ไปพูดคุยกับ “คุณอุ๊บ” เพื่อให้ไล่เรียงงานทั้งหมดที่รับให้ “ลุงพล-ป้าแต๋น” ในช่วงที่ยังคบค้าสมาคมกัน ซึ่งเจ้าตัวก็ได้ชี้แจงอย่างละเอียดในทุก ๆ ส่วนของรายได้ว่า ค่าตัวเริ่มแล้วต้นจะอยู่ที่ 10,000 บาทต่อคน ต่องาน ไปจนถึงสูงสุดคือ คนละ 40,000 บาทต่อคน ต่องาน

โดยงานที่ “ลุงพล-ป้าแต๋น” รับ ช่วงที่ร่วมงานกับ “คุณอุ๊บ” และได้รับเป็นเงินสดทั้งหมดดังต่อไปนี้

1.งานเดินแบบ ที่ศูนย์การค้าตะวันนา บางกะปิ เดือนก.ย.63 ค่าตัว 20,000 บาท (ลุงพล+ป้าแต๋น)

2.ค่าตัวพรีเซนเตอร์กาแฟ เดือนพ.ย.63 ค่าตัว 80,000 บาท (ลุงพล+ป้าแต๋น)

3.ค่าพรีเซนเตอร์คอลลาเจนบำรุงสมอง ลูทีนแซด เดือนพ.ย.63 ค่าตัว 80,000 บาท (ลุงพล+ป้าแต๋น)

4.ถ่ายเอ็มวีเพลงรถตุ๊กตุ๊ก ศิลปิน น้องริต้า เดือนพ.ย.63 ค่าตัว 20,000 บาท (ลุงพล)

5.งานร้องเพลงและโชว์ตัว คอนเสิร์ตวันลอยกระทงกับ จินตหรา พูนลาภ ที่โรงเกลือ วันที่ 1 พ.ย.63 ค่าตัว 50,000 บาท (ลุงพล+ป้าแต๋น)

6.งานร้องเพลงและโชว์ตัว คอนเสิร์ตวันลอยกระทง ที่ร้านอาหาร ย่านบางขุนเทียน วันที่ 1 พ.ย.63 ค่าตัว 30,000 บาท (ลุงพล+ป้าแต๋น)

7.งานร้องเพลงและโชว์ตัว ที่คลองสาม วันที่ 30 ต.ค.63 ค่าตัว 40,000 บาท (ลุงพล+ป้าแต๋น)

8.งานถ่ายรายการ ถามสุดซอย เดือนต.ค.63 ค่าตัว 20,000 บาท (ลุงพล+ป้าแต๋น)

9.โชว์ตัวงานทอดกฐิน ที่ จ.ชัยภูมิ วันที่ 24 ต.ค.63 ค่าตัว 30,000 บาท (ลุงพล+ป้าแต๋น)

รวมเป็นเงินทั้งหมด 370,000 บาท และในเงินจำนวนนี้ “คุณอุ๊บ” ขอสาบานเลยว่าไม่เคยหักเข้าตัวแม้แต่สลึงเดียว เพราะทำให้ด้วยใจ ไม่มีการให้ไปทำงานฟรี แม้แต่งานบุญในวัดต่าง ๆ ก็ได้เงินค่าตัวตลอด ซึ่งทุกครั้งจะแบ่งกันสด ๆ ต่อหน้า ไม่มีการบังคับรับงานและไม่เคยเกิดปัญหาเรื่องเงินกัน เนื่องจากมองว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก พร้อมกับบอกว่าจริง ๆ ยังมีอีกกว่า 10 งานที่โดนยกเลิกไป หลังเกิดกระแสข่าวด้านลบ แอนตี้ “ลุงพล” บวกกับสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งบางงานก็มีมูลค่า ค่าตัวเป็นหลักแสน

นอกจากนี้ยังมีในส่วนของค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ “คุณอุ๊บ” ต้องควักเงินส่วนตัวมาเพื่อดูแล “ลุงพล-ป้าแต๋น” ระหว่างที่ร่วมงานต่าง ๆ รวมแล้วกว่า 250,000 บาท โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนดังนี้

1.ค่าแต่งหน้า-ทำผม ค่าเสื้อผ้า ค่าอาหาร ค่าเดินทางโดยเครื่องบินทุกครั้ง หากมีการต่อรถ ก็จะเป็นรถตู้อย่างดี รวมแล้วประมาณ 100,000 บาท

2.ค่าเดินทางของ “คุณอุ๊บ” กับ “ครูชาไทย” ที่ต้องบินขึ้นไปไปสอน “ลุงพล-ป้าแต๋น” เดินแบบที่กกกอก มากกว่า 10 ครั้ง เป็นเงินจำนวนประมาณ 150,000 บาท

ทั้งนี้หมายความว่าสิ่งที่ “ลุงพล” พูดเป็นเรื่องจริง คือ แต่ละงานได้รับแค่หลักหมื่น และรวมรายได้แล้วไม่ใช่หลักล้าน แต่หากรวมค่าแรงของ “คุณอุ๊บ” ที่ดูแลทั้งคู่มาก็เหยียบเข้าหลักล้าน และสิ่งที่ “คุณอุ๊บ” สงสัยจากเหตุการณ์วันนี้คือ ทำไม “ลุงพล” ต้องพูดถึงเรื่องราคาค่าตัว ทั้ง ๆ ที่แต่ละงานที่เอางานมาให้ก็ล้วนเปรียบเทียบเสมือนการโปรโมต ได้ชี้แจงข้อสงสัยของสังคมในตัว “ลุงพล” ไปในตัว เรื่องเงินควรปล่อยให้เป็นดุลยพินิจของทีมงาน ที่จะพิจารณาตามความดังน่าจะดีกว่า

ในจุดนี้ “คุณอุ๊บ” บอกว่า ตนในฐานะประชาชนหนึ่งที่รู้จัก “ลุงพล” ก็อยากให้เขาพูดความจริง ไม่ใช่พูด 10 ครั้ง แต่ไม่เหมือนกันสักครั้ง และในฐานะคนในวงการบันเทิง ไม่ว่าคุณจะมีรายได้มากน้อยขนาดไหน ก็จำเป็นที่จะต้องเสียภาษีตามหลักกฎหมาย เพื่อให้เงินเหล่านี้หวนกลับมาทำประโยชน์ให้กับสังคม