กรณีนพ.อนุชิต นิยมปัทมะ แพทย์ระบบทางเดินหายใจ รพ.มหาราชนครราชสีมา โพสต์ภาพและเล่าเรื่องราวของพ่อและลูกวัย 3 ขวบ ที่กลายเป็นพยาบาลตัวน้อยดูแลพ่อป่วยโควิด-19 ไม่ห่าง กระทั่งผู้เป็นพ่อได้รับการรักษาในห้องไอซียู หลังจากเข้ารักษาตัว 10 วัน จนหายดีปลอดทั้งคู่ แพทย์จึงให้กักตัว 14 วัน ที่วัดหนองกก ต.หนองสรวง อ.ขามทะเลสอ จ.นครราชสีมา
ล่าสุดวันที่ 12 ส.ค.64 ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา เพื่อพบกับนพ.อนุชิต เปิดเผยว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพวงจรปิดในห้องไอซียู ซึ่งคนไข้เป็นพ่อลูกกัน โดยผู้เป็นพ่อมีอาการหนัก ต้องส่งต่อจากโรงพยาบาลอำเภอขามทะเลสอ เพื่อมารักษาต่อที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา เนื่องจากเชื้อโควิค-19 ลงปอด มีอาการปอดอักเสบรุนแรงมาก ต้องย้ายมาใช้เครื่องช่วยหายใจ มีอาการหอบเหนื่อย ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ
หลังจากนั้น แพทย์ที่โรงพยาบาลขามทะเลสอ โทรศัพท์มาบอกว่า ขอให้รับเด็ก 3 ขวบครึ่ง ซึ่งเป็นลูกสาวของคนไข้มาด้วย เพราะติดเชื้อโควิค-19 เช่นกัน แต่เด็กอาการไม่หนักมาก ยังเป็นผู้ป่วยสีเขียว ส่วนแม่ของเด็กทราบว่าติดเชื้อโควิค-19 ลงปอดเช่นกัน แต่ได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ จึงไม่มีคนดูแลเด็กคนดังกล่าว
นพ.อนุชิต กล่าวต่อว่า ปกติตามระเบียมของโรงพยาบาล หอผู้ป่วยหนักไม่ได้อนุญาติให้ใครเฝ้า ตนไม่อยากแยกพ่อแยกลูกออกจากกัน นึกถึงหัวอกคนเป็นพ่อ เพราะหากตนต้องมาพบกับเหตุการณ์เช่นนี้ คงอยากจะอยู่กับลูกสาว แต่ตนกังวลเพียงเรื่องเดียวคือกลัวลูกกวนพ่อ เกรงว่าคนไข้จะมีเวลาพักผ่อนน้อย แต่อย่างไรก็ตาม ตนได้ตัดสินใจแล้ว จึงลืมเรื่องกฎระเบียบไปก่อน เพื่อเพิ่มความเป็นมนุษย์ให้มากขึ้น
โดยตลอดการรักษา ทั้งแพทย์และพยาบาลได้ช่วยดูแลเด็ก ทั้งชงนม เปลี่ยนผ้าอ้อม ช่วยอาบน้ำ ป้อนนม สะท้อนถึงสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ที่ทุกคนต้องช่วยกัน ร่วมแรงร่วมใจกัน แต่ในอีกมุมก็สะท้อนให้เห็นว่ากำลังใจจากบุคลากรทางการแพทย์ ที่สามารถรักษาคนไข้หายจนกลับบ้านได้ ถือเป็นภาพที่เป็นกำลังใจดี ๆ ให้กันในช่วงนี้
นายสำลี ศรีหาบุญ อาย 70 ปี นางละมุด ศรีหาบุญ อายุ 65 ปี พ่อและแม่ของนายสำราญ เปิดเผยว่า ตนมีลูกทั้งหมด 4 คน นายสำราญเป็นบุตรคนที่ 2 ทำงานอยู่กรุงเทพฯ จากนั้นมีโทรศัพท์จากลูกชายโทรมาบอกว่าภรรยาของเขาติดเชื้อโควิค-19 และถูกกักตัวที่กรุงเทพฯ กำลังจะนำไปรักษาที่โรงพยาบาลในพื้นที่
ต่อมาลูกชายได้โทรศัพท์มาบอกอีกว่า กำลังจะถูกส่งไปรักษาตัวที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา ตนจึงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ภาวนาและได้บนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นสารประจำหมู่บ้านขอให้ลูกชายและลูกสะใภ้ รวมทั้งหลานสาวหายจากโรคร้าย โดยได้บนหัวหมูไว้ จากนี้เตรียมที่จะไปแก้บน ตนก็ต้องขอบคุณทีมแพทย์และพยาบาล รวมถึงเจ้าหน้าที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา ที่ช่วยรักษาลูกชายและหลานของตนให้หายดี
ทีมข่าวได้ลงพื้นที่เพื่อสอบถามนายสำราญ อายุ 44 ปี อดีตผู้ป่วยโควิด เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนและน้องปิ๊งปิ๊ง อายุ 3 ขวบครึ่ง อาการดีขึ้น หลังจากที่ได้รับการรักษาจากทีมแพทย์ ทำให้ตนรู้สึกว่าเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ อยากขอบคุณทีมแพทย์และพยาบาลที่ให้ชีวิตใหม่ได้อยู่กับลูก ซึ่งขณะนี้ในส่วนของภรรยาที่รักษาตัวที่กรุงเทพฯ อาการโดยรวมดีขึ้นเช่นเดียวกัน แต่ยังต้องกักตัวอยู่ที่ห้องพักเป็นเวลา 14 วัน
