อีจัน เดอะซีรีส์ พาไปพูดคุยกับ วสกร เชาวน์พีระพงศ์ หรือ ต๊ะ ของอาถรรพ์ นักเล่าเรื่องในรายการ the ghost radio นักสะสมของอาถรรพ์ ของที่ไม่มีใครกล้าสะสม ทำให้เข้าใจการปล่อยวาง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน...
"ส่วนตัวเป็นคนชอบสะสมของอาถรรพ์ครับ ซึ่งของที่คนส่วนใหญ่เขาคิดว่าในสิ่งของเหล่านั้นมีผีหรือวิญญาณอาศัยอยู่ ตัวผมเริ่มสะสมอย่างจริงจังมาตั้งแต่สมัยปี 1 ตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย รวมๆ ก็ประมาณ 20 ปีได้" วสกร เชาวน์พีระพงศ์ หรือ ต๊ะ ของอาถรรพ์ นักเล่าเรื่องในรายการ the ghost radio นักสะสมของอาถรรพ์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นการสะสมของที่ไม่มีใครกล้าสะสม
ตั้งแต่สมัยเด็กๆ เราอยู่กับเรื่องจิตวิญญาณมา เพราะว่าทางบ้านผมจะเป็นหมอยาไทย จะมีคนที่ผีเข้ามารักษา พอเราเริ่มมาศึกษาเรื่องจิตวิญญาณมากขึ้น อยู่กับจิตของตัวเองมากขึ้น เราก็เริ่มรู้สึกว่าจริงๆ แล้ว ผีหรือวิญญาณที่ยึดติดกับของเหล่านี้มันเป็นของที่น่าสงสาร คือเขาไปไหนจากของเหล่านี้ไม่ได้ เขาก็เลยต้องยึดติดอยู่กับของเหล่านี้
ถ้าส่งผลต่อชีวิตเลยก็คือเรื่องพวกตำรา หลักๆ ผมชอบเก็บตำราเก่า และในตำราก็จะมีพวกวิชาการหรือแขนงวิชาต่างๆ อย่างอันนี้จะเป็นตำราที่เกี่ยวกับวิธีทำและวิธีแก้ของ ที่เกี่ยวกับวิญญาณเกี่ยวกับผี หรือคนที่โดนผีโดนเขาทำของมา ตำราเล่มนี้จะมีทั้งวิธีแก้และวิธีทำด้วย
ตำราเล่มนี้จะเป็นตำราสำคัญ ภายในตำราจะมีเรื่องของวิชาต่างๆ เรื่องของอักขระ เลขยันต์ การรักษาคน ดูแลบ้านเรือน แล้วก็จะมีพวกวิชาสาปแช่ง ซึ่งในสมัยก่อนเขานิยมใช้สาปแช่งคนเวลาไม่พอใจแล้วก็วิธีการแก้การสาปแช่ง อย่างตัวนี้จะเป็นตำรายันต์ เป็นภาษาขอมโบราณ สิ่งเหล่านี้ต้องคูณราคาเป็นเล่มเลย เวลาเราซื้อมาเราไม่ได้ซื้อมาเล่มเดียวมันมาทั้งตั้ง ถ้าคูณราคาเข้าไปก็เป็นหลักแสน
ชิ้นแรกมันเป็นของเพื่อนเรา ได้มาตั้งแต่สมัยที่เราอยู่ ม.ปลาย เพื่อนเราไปเอามาจากทางอีสานใต้ติดชายแดนเขมร สิ่งนี้เขาเรียกว่าน้ำมันพรายแม่ตะเคียน ซึ่งตอนนั้นเพื่อนผมชอบทางสายเสน่ห์ แล้วก็อยากได้ผู้หญิงคนหนึ่งเป็นแฟน เพื่อนก็เลยไปหาของที่แรงๆ เพื่อจะมาทำให้ผู้หญิงที่เพื่อนอยากจะได้มาเป็นแฟนด้วยมาชอบเพื่อน จนเกิดเรื่องราวอะไรเยอะแยะเต็มไปหมด แต่สุดท้ายสิ่งนี้ก็มาอยู่กับผม
เรียกว่าเป็นของที่น่าจะหายไปแล้วดีกว่าครับ หายไปแล้วแล้วมันก็กลับมา เป็นของที่ตอนแรกขายไปแล้ว เพราะไม่ได้ตั้งใจเก็บของชิ้นนี้ไว้ แต่สุดท้ายมันก็วนลูปกลับมาที่เราเหมือนเดิม ไม่ยอมไปไหน ก็คือ กำไลนางรำ
อันนี้ผมได้มาจากทางอยุธยา เป็นบ้านของนางรำเก่าชื่อย่าเล็ก แต่เดิมผมขายให้กับร้านขายของเก่าไปแล้ว แต่สุดท้ายร้านขายของเก่าเขาก็เอาไปขายแล้วมันก็วนลูปกลับมาที่ผม ชิ้นนี้เป็นชิ้นแรกที่ทำให้ผมเห็นสิ่งที่เรียกว่าผี เป็นครั้งแรก
ตอนนั้นที่ได้มาเรายังไม่รู้ว่ามันคือกำไล ก็เอาไปเก็บใส่อยู่ในถุงผ้าปิดมิดชิดไว้บนห้อง แล้วปรากฏว่าคืนหนึ่งเราเจอว่ามีนางรำ ไม่มีหัว มายืนห้อยขาอยู่ตรงหน้าประตู นอกจากหลอกเราแล้ว คนที่ซื้อไปจนต้องเอาไปขายต่อเขาก็เจอเหมือนเรา คือเจอว่ามีคนนั่งห้อยขาอยู่บนพัดลมเพดาน โดยที่มีกำไลนี้อยู่ที่ข้อเท้า เขาเลยต้องขายออก แล้วสุดท้ายมันก็วนกลับมาที่เรา
แต่ถ้าพูดถึงของที่หายาก ตามหานานมาก อย่างที่ผมเคยเล่าใน the ghost เป็นของที่ไม่ใช่แค่ผมตามหา แต่ว่าผมและเพื่อนตามหาเพื่อที่จะเอาของชิ้นนี้มาทำวัตถุมงคล คือ ผ้าห่อศพ
เดิมผ้าผืนนี้มันถูกเก็บไว้ในตู้ แต่ตอนหลังที่เราหยิบออกมา มีความรู้สึกว่ามันยังมีอะไรอยู่ เก็เลยเอาผ้าผืนนี้ไปบังสุกุล ตอนนี้ก็เลยเบาบางลงแล้วแทบจะไม่มีอะไรแล้ว ผ้าผืนนี้ทำให้คนรอบๆ ข้างเสียชีวิตครับ อันนี้เป็นความเชื่อเฉยๆ ว่าอาจจะเป็นเพราะผ้าผืนนี้ก็ได้หรืออาจจะเป็นด้วยเหตุปัจจัยอื่นๆ ก็ได้ที่ทำให้เสียชีวิต เราทราบจากคนที่ขายให้เราว่า เป็นของเดิมที่คุณพ่อเขาเก็บไว้ และตอนหลังพ่อเขาเสีย ของชิ้นนี้ก็เลยยังอยู่บนหิ้งของเขาอยู่ ซึ่งพ่อเขาเคยบอกเขาว่าผ้าผืนนี้มันคือผ้าห่อศพ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเป็นผ้าห่อศพใคร
พี่ม่านแก้ว ได้มาด้วยความแปลก เพราะเราตามหานานมาก แต่ไม่สามารถตามหาหุ่นกระบอกที่แกะจากไม้ได้ บางท่านเขาว่าเป็นหุ่นที่ทำจากทางเหนือ และมีการนำเอาเส้นผมของนางรำจริงๆ ที่เสียชีวิตไปแล้วบรรจุไว้ข้างใน ผ้าที่เราเห็นที่ตัวหุ่น ก็เป็นผ้าเก่าของนางรำ
พี่ม่านแก้วเราเจอกันบ่อย ผมกับเขาเหมือนจะสนิทกัน วันแรกที่ไปรับพี่เขามา หุ่นมีทั้งหมด 3 ตัว พี่ม่านแก้วอยู่ตรงกลาง วันนั้นคุณลุงที่เป็นเจ้าของหุ่นเก่าเขาให้ผมเดินเลือก หุ่นสองตัวไม่ได้หันมาสบตาเรา แต่พี่ม่านแก้วหันมาสบตาเรา ผมนิ่งเลยครับ แล้วพอเราเข้าไปยกหุ่นดู ผมยกพี่เขาไม่ขึ้น แต่หุ่นสองตัวยกขึ้นลอยเลยครับ จนเราบอกในใจว่าพี่ไปอยู่กับผมเถอะ ถึงได้ยกเขาขึ้นมาได้
เขามาบอกเลยครับว่าเขาชื่อม่านแก้ว ตอนหลังพอสืบจริงๆ จากที่ตอนแรกเราเข้าใจว่าเป็นตุ๊กตาของอัมพวา แต่ผมไปถามครูบาอาจารย์แล้วตุ๊กตาไม้แบบนี้น่าจะมาจากทางเหนือ
ผีเป็นสิ่งที่มนุษย์อย่างเราๆ ที่ยึดติดอยู่กับสัญญาอะไรบางอย่างที่เรารักแล้วไปไหนไม่ได้ เพราะฉะนั้นเขาก็จะยึดกับสิ่งเหล่านั้นจนกว่าวันหนึ่งที่เขารู้สึกว่าสามารถทิ้งสิ่งเหล่านี้ไปได้ เขาก็จะหลุดออกไปจากโลกที่เขายึดอยู่ แล้วก็ไปอยู่ในโลกใหม่ จริงๆ ผีหรือวิญญาณเป็นสิ่งที่คู่ขนานกับเราอยู่แล้ว เราไม่สามารถบอกได้หรอกว่าผีหน้าตาเป็นอย่างไร ใครอยากให้เอาผีมาให้ดู มันไม่สามารถทำได้ แต่บางคนที่ได้เจอได้เห็นได้สัมผัสจะรู้ว่ามันมีอยู่จริงนะ
มันเหมือนวันพรุ่งนี้ เรารู้ว่าวันพรุ่งนี้มีนะ แต่ถามว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เราตอบไม่ได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเก็บของที่เราเชื่อว่ามีสิ่งที่มองไม่เห็นอยู่ สิ่งแรกคือ "สติ" ครับ ตราบใดก็ตามที่เรามีสติ เราจะเก็บสะสมโดยที่ไม่ทำให้ตัวเราและคนอื่นเดือดร้อน อาจจะมีหลายๆ คนที่ไม่เชื่อ ตราบใดก็ตามถ้าวันใดวันหนึ่งเราไม่มีสติ เราอาจจะสามารถทะเลาะกับเขาได้ง่ายๆ เลย ถ้าเราเป็นคนปฏิบัติด้วย มีการนั่งสมาธิทำกรรมฐาน ของบางอย่างที่เขายึดติดกับสิ่งเหล่านี้ บางทีการสวดมนต์การแผ่เมตตาให้เขา พอเขารู้จักอนุโมทนาในสิ่งที่เราแผ่ให้ ยอมรับในสิ่งที่เราแผ่ให้ เขาจะสามารถหลุดออกจากของเหล่านี้ไปได้
และสุดท้ายมันจะหลายเป็นของที่เป็นเหมือนงานศิลปะ หรือว่าเป็นตัวแทนของจิตวิญญาณ เพื่อเตือนสติเราว่า จริงๆ ทุกอย่างมันเกิด ตั้งอยู่ แล้วดับไป ทุกอย่างเป็นแบบนี้อยู่ตลอดเวลาครับ
Advertisement