"แร่แรร์เอิร์ธ" (Rare Earth) คืออะไร ทำไมสหรัฐอเมริกาถึงอยากได้จากยูเครน เพื่อหวังคานอำนาจแดนมังกร ด้านทั่วโลกจับตาอาจนำไปสู่สงครามการค้าที่ดุเดือดของสองประเทศมหาอำนาจ
หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดความตึงเครียดระหว่างที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครน ได้เดินทางมาเข้าพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ทำเนียบขาว หลังสหรัฐมีแผนระงับความช่วยเหลือยูเครน โดยนายทรัมป์ระบุว่าสหรัฐใช้จ่ายเงินไปกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยยูเครนในการทำสงครามกับรัสเซีย ซึ่งหากยูเครนต้องการให้สหรัฐช่วยเหลือเหมือนเดิมจะต้องให้สิทธิ์สหรัฐอเมริกาเข้าถึง แร่หายาก หรือ แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) ของยูเครนได้ เรื่องนี้ทำให้ทั่วโลกต่างจับตา เพราะอาจจะนำไปสู่สงครามการค้าในอนาคต!
"แรร์เอิร์ธ" หรือ "แร่หายาก" (Rare Earth Elements) คือ กลุ่มแร่ธาตุ 17 ชนิดในตารางธาตุ ซึ่งมีคุณสมบัติทางเคมีที่เป็นเอกลักษณ์ และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงในปัจจุบัน
• แลนทานัม (Lanthanum)
• ซีเรียม (Cerium)
• เพรซีโอดิเมียม (Praseodymium)
• นีโอไดเมียม (Neodymium)
• โพรมีเทียม (Promethium)
• ซาแมเรียม (Samarium)
• ยูโรเพียม (Europium)
• แกโดลิเนียม (Gadolinium)
• เทอร์เบียม (Terbium)
• ดิสโพรเซียม (Dysprosium)
• โฮลเมียม (Holmium)
• เออร์เบียม (Erbium)
• ทูเลียม (Thulium)
• อิตเทอร์เบียม (Ytterbium)
• ลูทีเทียม (Lutetium)
• สแกนเดียม (Scandium)
• อิตเทรียม (Yttrium)
ถึงแม้ว่าแร่เหล่านี้จะไม่ได้หายากมากนักในเปลือกโลก แต่การพบแหล่งที่มีความเข้มข้นสูงและคุ้มค่าต่อการขุดเจาะนั้นค่อนข้างยาก กระบวนการสกัดและแยกแร่เหล่านี้ออกจากกันมีความซับซ้อนและต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ทำให้มีต้นทุนสูง นอกจากนี้ การทำเหมืองและการสกัดแร่แรร์เอิร์ธมักก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้หลายประเทศมีข้อจำกัดในการผลิต
แรร์เอิร์ธ ถูกนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีหลากหลายประเภท เช่น
• อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ : สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์
• รถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาด : แบตเตอรี่ มอเตอร์ แม่เหล็ก
• เทคโนโลยีทางการแพทย์ : เครื่อง MRI เลเซอร์
• อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ : อาวุธยุทโธปกรณ์ ระบบนำทาง
• เทคโนโลยีพลังงานสะอาด : รถยนต์ไฟฟ้า กังหันลม
แรร์เอิร์ธ พบได้ทั่วโลก แต่แหล่งที่มีปริมาณสำรองสูงและสามารถทำเหมืองได้อย่างคุ้มค่าทางเศรษฐกิจมีอยู่ไม่กี่ประเทศ โดยแหล่งหลัก ได้แก่
• จีน มีแหล่งสำรองและการผลิตแรร์เอิร์ธมากที่สุดในโลก (ประมาณ 70% ของการผลิตทั้งหมด) โดยแหล่งสำคัญอยู่ในมองโกเลียใน (Inner Mongolia) โดยเฉพาะที่แหล่ง Bayan Obo
• เวียดนาม มีแหล่งสำรองใหญ่อันดับสองของโลก แต่การผลิตยังมีจำกัด
• บราซิล มีแหล่งสำรองมาก แต่อุตสาหกรรมแร่หายากยังไม่ค่อยได้รับการพัฒนา
• รัสเซีย มีแหล่งสำรองขนาดใหญ่ แต่ขาดการพัฒนาเทคโนโลยีสกัดออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ
• สหรัฐอเมริกา มีเหมืองสำคัญในแคลิฟอร์เนีย แต่การผลิตยังไม่เพียงพอและยังต้องพึ่งพาการแปรรูปจากจีน
• ยูเครน มีแหล่งแร่หายากอยู่หลายแห่ง แต่ยังไม่มีการทำเหมืองในเชิงพาณิชย์ การสกัดแร่หายากในยูเครนยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น โดยมีรายงานจากฟอร์บส์ระบุว่า ยูเครนมีแรร์เอิร์ธมากถึง 111,000 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 14.8 ล้านล้านดอลลาร์ แต่อย่างไรก็ตาม ในจำนวนนี้กว่า 70% อยู่ในพื้นที่สงครามทางตะวันออกของประเทศ ซึ่งบางส่วนรัสเซียเป็นผู้ควบคุม
ข้อมูลจากสำนักงานธรณีวิทยาสหรัฐระบุว่า สหรัฐต้องพึ่งพาการนำเข้าแรร์เอิร์ธกว่า 80% จากจีน มาเลเซีย ญี่ปุ่น และเอสโตเนีย โดยในปี 2023 สหรัฐนำเข้าสารประกอบและแร่โลหะแรร์เอิร์ธมากถึง 190 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนับว่าสูงมากทำให้สหรัฐต้องหาทางลดการพึ่งพาจีน การเข้าถึงแหล่งทรัพยากรหายากของยูเครนจึงเป็นเป้าหมายสำคัญ ซึ่งล่าสุดหลายสำนักข่าวรายงานตรงกันว่า ข้อเสนอนี้ได้บรรลุเป้าหมายแล้ว
ปัจจุบันจีนครองตำแหน่งผู้ผลิตแรร์เอิร์ธรายใหญ่ที่สุดของโลก คิดเป็นสัดส่วน 70% ของการผลิตโลก ทำให้ประเทศอื่นรวมถึงสหรัฐอเมริกาต้องพึ่งพาจีนเป็นหลัก จีนจึงใช้ข้อได้เปรียบนี้เป็นเครื่องมือต่อรองทางการค้า สหรัฐอเมริกาและประเทศพันธมิตร เช่น ออสเตรเลีย และสหภาพยุโรป จึงได้เริ่มลงทุนในเหมืองแร่หายากและโรงงานแปรรูปของตนเอง และยังทุ่มงบ 200 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนการแปรรูปในประเทศ
ทั้งนี้ หากสหรัฐอเมริกาเข้าถึงแรร์เอิร์ธในยูเครน ก็จะช่วยลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจ การทหาร และยุทธศาสตร์ ช่วยรักษาสถานะความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ลดการพึ่งพาจีนซึ่งเป็นประเทศคู่แข่ง ด้วยความสำคัญเหล่านี้ ทำให้แรร์เอิร์ธกลายเป็นประเด็นสำคัญในการแข่งขันระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และคาดว่าน่าจะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้เกิดสงครามการค้าระหว่างสองยักษ์ใหญ่มหาอำนาจในอนาคต
Advertisement