การเติบโตของแอปเปิลในครั้งนี้ ได้รับอานิสงส์จากช่วงที่มีการปิดประเทศ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้ทุกบริษัทรวมถึงประชาชนต้องหันมาลงทุนกับโครงสร้างเทคโนโลยี และใช้เงินกับการซื้อสินค้ากลุ่มเทคโนโลยี รวมไปถึงบริการออนไลน์เพื่อใช้สนับสนุนการทำงานและเพื่อรับชมความบันเทิง เช่น ไอโฟน แมคบุ๊ค แอปเปิลทีวี และแอปเปิลมิวสิก
นอกจากนั้น “แอปเปิลคาร์ และผลิตภัณฑ์ AR/VR” ที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดในอนาคต ก็เป็นแรงสนับสนุนให้นักลงทุนที่เชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ และการอ่านเกมขาดของแอปเปิล ตบเท้ากันนำเงินมาลงทุนให้กับบริษัทจนมีมูลค่าเติบโตขึ้นเป็นที่ 1 ของโลก
ทั้งนี้ แอปเปิลมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาในการเติบโตของมูลค่าบริษัทจาก 1 ล้านล้านดอลลาร์ เป็น 2 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในเวลาประมาณ 2 ปี แต่ใช้เวลาเติบโตจาก 2 ล้านล้านดอลลาร์ เป็น 3 ล้านล้านดอลลาร์ ในเวลาเพียง 16 เดือนเท่านั้น
การเติบโตครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของแอปเปิลภายใต้การนำทัพของ "ทิม คุก" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของแอปเปิล ที่นับตั้งแต่การเข้ามารับตำแหน่งในปี 2011 ต่อจาก “สตีฟ จ๊อบส์” อดีตซีอีโอคนก่อน จนถึงปัจจุบัน ราคาหุ้นของแอปเปิลก็พุ่งทะยานไปแล้วมากกว่า 1,400% จากความจงรักภักดีต่อแบรนด์ของผู้ใช้ สินค้าและบริการใหม่ๆ ที่มาทำให้ระบบนิเวศของแบรนด์ตอบโจทย์หลากหลายมิติในชีวิต
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ยังนับเป็นการกลับมาทวงบัลลังก์อย่างยิ่งใหญ่ หลังก่อนหน้านี้เคยเสียแชมป์ให้กับ “ Microsoft” ที่มีมาร์เก็ตแคปรวมอยู่ที่ 2.6 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 86.9 ล้านล้านบาท) สำหรับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อื่นๆ ที่มีมูลค่าบริษัทเกิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ ได้แก่ Alphabet (บริษัทแม่ของ Google) ที่มีมูลค่าประมาณ 2 ล้านล้าน ขณะที่ยักษ์ค้าปลีก Amazon มีมูลค่า 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ และบริษัทรถบนต์ไฟฟ้า Tesla มีมูลค่าประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์