รับเคราะห์ต่อเนื่องจริงๆ สำหรับพนักงาน ‘Twitter’ ที่ได้เจ้านายใหม่เป็น 'อีลอน มัสก์' มาเพียงสัปดาห์เดียวก็ต้องเจอการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่มากมาย เพราะนอกจากจะได้คณะผู้บริหารใหม่แล้ว ในวันนี้อาจได้หางานใหม่ด้วย เพราะในวันที่ 3 พฤศจิกายน มัสก์เพิ่งส่งอีเมล์แจ้งพนักงานทั่วบริษัทว่าจะมีการปลดพนักงานครั้งยิ่งใหญ่ และรายละเอียดทั้งหมดจะถูกส่งเข้าอีเมล์พนักงานทุกคนในเวลา 9.00 น. เวลาอเมริกา หรือ 21.00 น. เวลาไทยวันนี้
ในอีเมล์ฉบับดังกล่าว มัสก์กล่าวว่าถึงแม้การปลดพนักงานออกครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อคนเป็นจำนวนมาก แต่ก็เป็นการจำเป็น เพราะมันจะช่วยกอบกู้สุขภาพทางการเงินของบริษัท และช่วยทำให้บริษัทอยู่รอดต่อไปได้
โดยถึงแม้ในอีเมล์จะไม่ได้ระบุไว้ว่ามัสก์มีแผนจะลดพนักงานเป็นจำนวนเท่าไหร่ แต่ก็มีแหล่งข่าวภายในออกมาให้ข่าวกับ The Wall Street Journal ว่า มัสก์น่าจะลดพนักงาน 2,000 - 3,750 คน ซึ่งถ้าข่าวนี้เป็นความจริง นั่นก็จะเท่ากับว่าพนักงานของทวิตเตอร์จะหายไปรวดเดียวถึงเกือบ 50% จากปริมาณพนักงานทั้งหมดมากกว่า 7,500 คนเมื่อต้นปี และจะต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2013 ซึ่งเป็นปีที่บริษัทนำหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์
ในขณะนี้ พนักงานทั้งหมดถูกห้ามไม่ให้เข้าไปในตัวบริษัท ทำให้ทุกคนต้องรอรับข่าวนี้จากที่บ้าน โดยในอีเมล์ระบุว่า คนที่ยังได้อยู่ต่อจะได้รับข่าวนี้ทางอีเมล์บริษัท ในขณะคนที่ถูกปลดจะได้รับข่าวทางอีเมล์ส่วนตัว
นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่า พนักงานที่น่าจะถูกปลดออกไปเป็นอันดับแรกน่าจะเป็นตำแหน่งงานในด้านการจัดการ (managerial roles) และพนักงานที่ยังรอดน่าจะเป็นเหล่าคนที่ทำงานด้านเทคนิคต่างๆ เช่น โปรแกรมเมอร์ เพราะมัสก์มองว่างานด้านการจัดการเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นนักสำหรับบริษัทเทคโนโลยี และเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ของบริษัทในขณะนี้
โดยก่อนหน้าจะต้องมาลุ้นว่าตัวเองจะโดนเด้งออกมั้ยในวันนี้ พนักงาน Twitter ก็ผจญวิบากกรรมกันมาแล้วหลังมัสก์สั่งให้พวกเขาทำงานวันละกว่า 12 ชั่วโมง แบบหามรุ่งหามค่ำเพื่อทำงานให้ทันเดดไลน์ จนปรากฎรูปพนักงานกางเบาะนอนกลางออฟฟิศใน Twitter จากผู้ใช้แอคเคาท์ @evanstnlyjones พร้อมแคปชั่น “When you need something from your boss at elon twitter” หรือ “ในตอนที่คุณอยากคุยกับหัวหน้าในออฟฟิศ Twitter ของอีลอน” หมายถึงการที่เขาเดินเข้ามาเจอหัวหน้าเขานอนอยู่ตอนที่อยากปรึกษางานด้วย
ซึ่งการสั่งให้พนักงานทำงานหนักวันละ 12-18 ชั่วโมงนี้เป็นสิ่งที่เขาทำอยู่แล้วกับพนักงานในบริษัท Tesla ที่ขึ้นชื่อเรื่องการบังคับให้พนักงานทำงานหนักแบบไม่มีวันหยุด จนมีรายงานออกมาว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บบ่อยครั้งจากงานทำงานในโรงงานของมัสก์ และมีรถพยาบาลขับมารับพนักงานที่โหมงานหนักจนป่วยออกมาบ่อยๆ
โดยเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แม้แต่ผู้บริหารระดับซีอีโอของ Tesla ก็เคยได้รับอีเมล์สั่งให้กลับมาทำงานในออฟฟิศวันละ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์มาแล้ว ไม่เช่นนั้นจะต้องลาออก
ทำไมต้องรีบขนาดนี้?
จากการรายงานของสื่อต่างประเทศ การที่มัสก์เร่งออกมาปลดพนักงานเพื่อลดค่าใช้จ่ายรวดเร็วขนาดนี้เป็นเพราะมัสก์ซื้อ Twitter ในราคาที่สูงเกินไป คือด้วยเงินก้อนโตถึง 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ถือว่าสูงเกินไปมากสำหรับบริษัทเทคโนโลยีที่ประสบปัญหาขาดทุนมาตลอด โดยขาดทุนไปแล้ว 8 ปี ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังอยู่ในช่วงขาลงเพราะรายได้จากการโฆษณากำลังหดจากภาวะเงินเฟ้อ และสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา
ด้วยเหตุนี้เอง หลังได้ Twitter มัสก์จึงต้องเร่งหาทางเพิ่มรายได้ ลดรายจ่ายอย่างยกใหญ่ ทั้งออกมาเสนอว่าจะเก็บค่า ‘ป้ายเครื่องหมายถูกสีฟ้า’ ที่ Twitter เคยให้กับคนดังแบบฟรีๆ เพื่อยืนยันตัวตน จนคนดังหลายคนประกาศออกจากแอปพลิเคชั่น รวมไปถึงได้ต่อปากต่อคำกับ สตีเฟน คิง นักเขียนดังที่ออกมาวิพากษ์นโยบายนี้ถึงพริกถึงขิง และล่าสุดก็ได้มาประกาศปลดพนักงานดังกล่าว
จากการรายงานของ The Wall Street Journal พนักงานของ Twitter เพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา เพราะมีการลงทุนในด้านวิศวกรรม ด้านการพัฒนาสินค้า ด้านการออกแบบ และด้านการวิจัยเพิ่มขึ้นมากในช่วงนั้น แต่ก็ยังประสบปัญหาขาดทุน เพราะรายได้จากการโฆษณาลดลงมาก ทั้งจากภาวะเงินเฟ้อ และสภาพเศรษฐกิจที่ทำให้กำลังซื้อลดลง และการเปลี่ยนนโยบายด้านความเป็นส่วนตัวของ Apple ที่ทำให้บริษัทติตตามผลลัพธ์ของการลงโฆษณาได้ยากขึ้นมาก
โดย Twitter ก็ไม่ใช่โซเชียลมีเดียรายเดียวเท่านั้นที่เจอปัญหารายได้จากการโฆษณาลด เพราะคู่แข่งของ Twitter อย่าง Snap ก็เจอผลประกอบการลดจนต้องปลดพนักงานถึง 20% ในขณะที่ที่ยักษ์ใหญ่อย่าง Meta ก็อ่วมหนักจนมีแววจะปลดพนักงานเช่นกัน
ที่มา: The Wall Street Journal, The Guardian, The New York Times, Entrepreneur