"เชน ธนา" อดีตสมาชิกวงบอยแบนด์ Nice 2 Meet U ที่หลายคนคุ้นเคย เขาผันตัวจากเส้นทางสายดนตรี สู่การเป็นผู้บริหาร "อมาโด้ กรุ๊ป" ธุรกิจอาหารเสริมชื่อดัง ที่สร้างรายได้ระดับพันล้าน แต่เบื้องหลังความสำเร็จ กลับมีเรื่องราว ความท้าทาย และปริศนา ซ่อนอยู่มากมาย
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกเส้นทางชีวิตของ "เชน ธนา" ตั้งแต่จุดเริ่มต้นในวงการบันเทิง สู่การก้าวสู่ธุรกิจส่วนตัว ความสำเร็จ และอุปสรรค ที่เขาต้องเผชิญ พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินของ "อมาโด้ กรุ๊ป" ที่สะท้อนให้เห็นถึง ความผันผวน จุดพีค จุดดิ่ง และปริศนา ที่รอการไขคำตอบ รวมถึง ข้อพิพาททางกฎหมาย ที่กลายเป็นมรสุมครั้งใหญ่ ของธุรกิจ มาร่วมกัน เปิดม่าน เบื้องหลัง เส้นทางธุรกิจ ของ "เชน ธนา" และ "อมาโด้ กรุ๊ป" ไปพร้อมๆ กัน
หลายคนอาจคุ้นหน้าคุ้นตา "เชน ธนา" หรือ "ธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์" ในฐานะอดีตสมาชิกวงบอยแบนด์สุดฮอตยุค 90s "Nice 2 Meet U" แม้เส้นทางสายดนตรีจะไม่ยืนยาว แต่เชนก็ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง เขาผันตัวเป็นนักร้องเดี่ยวในสังกัด RS พร้อมกับชิมลางงานแสดง แต่จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เชน ธนา กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง คือ การผันตัวสู่เส้นทางธุรกิจ
จุดเริ่มต้นบนเส้นทางธุรกิจของเชน สามารถย้อนกลับไปได้ถึงช่วงเวลาที่เขายังคงเป็นสมาชิกวง Nice 2 Meet U ด้วยการริเริ่มธุรกิจร้านขายสินค้ากิ๊ฟช็อปสไตล์เกาหลีในชื่อ "ซอลมุนปัง" ณ สยามสแควร์ ซอย 2 ก่อนจะขยายสาขาไปยังห้างแพลตตินั่ม ประตูน้ำ และต่อยอดสู่ธุรกิจเสื้อผ้า
ประสบการณ์ในแวดวงบันเทิงได้หล่อหลอมให้เชน มีทักษะด้านการตลาดอย่างโดดเด่น นำมาซึ่งการดำรงตำแหน่งพนักงานฝ่ายการตลาด ณ บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (พ.ศ. 2552-2554) ด้วยศักยภาพและผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ เชนได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นถึงผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท วุฒิศักดิ์ คอสเมติก จำกัด (พ.ศ. 2555-2557)
จนปี 2557 นับเป็นหมุดหมายแห่งความสำเร็จของ เชน ธนา เมื่อเขาก่อตั้งบริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด (AMADO GROUP COMPANY LIMITED) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและคอลลาเจนชั้นนำของประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2557
โดยคุณธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ หรือที่รู้จักกันในนาม "เชน ธนา" ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 43 ล้านบาท บริษัทมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ภายใต้แบรนด์ "อมาโด้" โดยยึดมั่นในวิสัยทัศน์ "Vitamins & Supplement's Expert" เพื่อก้าวสู่การเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับผู้บริโภค
ตลอดระยะเวลากว่าหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา อมาโด้ กรุ๊ป ได้พิสูจน์ถึงศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งปัจจุบัน บริษัทฯ ได้จดทะเบียนเป็นบริษัทขนาดใหญ่ มีจำนวนหุ้นมากถึง 430,000 หุ้น แม้ในปี พ.ศ. 2566 บริษัทฯ จะมีรายได้รวมสูงถึง 1,230,153,981 บาท แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและปัจจัยภายนอกหลายประการ ส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวลดลง และมีมูลค่าบริษัทติดลบอยู่ที่ -793,115,685 บาท คิดเป็น -1844.46% ของทุนจดทะเบียน
อย่างไรก็ดี อมาโด้ กรุ๊ป ยังคงครองส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดที่แข็งแกร่ง และผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการ อาทิ
กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ: ประกอบด้วย อมาโด้ เซริจิ เซรั่ม และผลิตภัณฑ์คอลลาเจนสูตรต่างๆ
กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ: เช่น ผลิตภัณฑ์ไบโอติก อมาโด้ ไฟเบอร์ เพื่อควบคุมน้ำหนัก และวิตามินเสริมภูมิคุ้มกัน
สำนักงานใหญ่ของบริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 18/165 ถนนประเสริฐมนูกิจ แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 ระบุว่า คุณธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ และคุณอมรศักดิ์ เกตุจรูญ ได้ยุติบทบาทกรรมการบริษัทแล้ว
รายได้รวมย้อนหลัง 10 ปี บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด
เมื่อพิจารณารายได้รวมย้อนหลัง 10 ปี ของบริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด พบว่าตัวเลขมีความน่าสนใจและชวนให้ขบคิดเป็นอย่างยิ่ง เริ่มจากปี 2557 บริษัทมีรายได้เพียง 4,558,760 บาท ก่อนจะค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นมาแตะหลักสิบล้านในปี 2559 พุ่งขึ้นสู่หลักร้อยล้านในปี 2561
แต่แล้ว จุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้น! รายได้ของอมาโด้ กรุ๊ป เติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วงปี 2562-2564 โดยในปี 2564 บริษัททำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 2,426,861,701 บาท ทว่า ความน่าประหลาดใจยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะในปี 2565 รายได้กลับลดฮวบลงเหลือ 0 บาท! และปี 2566 รายได้ลดลงเหลือ 1,230 ล้านบาท
ถือเป็นตัวเลขที่ผิดปกติอย่างมาก คำถามที่เกิดขึ้นคือ เกิดอะไรขึ้นกับอมาโด้ กรุ๊ป? เป็นไปได้หรือไม่ว่านี่อาจเป็นความผิดพลาดในการบันทึกข้อมูล? หรือมีปัจจัยลึกลับอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจจนทำให้บริษัทไม่มีรายได้เลยในปีนั้น?
แม้ในปี 2566 รายได้จะฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ที่ 1,230,153,981 บาท แต่ก็ยังถือว่าห่างไกลจากจุดสูงสุดในอดีต จากข้อมูลข้างต้น สะท้อนให้เห็นถึงความผันผวนของรายได้ อมาโด้ กรุ๊ป ซึ่งจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์เชิงลึกถึงปัจจัยต่างๆ ที่อยู่เบื้องหลัง เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ที่แท้จริงของบริษัท
ผลประกอบการ กำไร-ขาดทุน ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
เมื่อสำรวจเส้นทางผลประกอบการของบริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พบกับเรื่องราวน่าติดตาม ผ่านตัวเลขกำไร ขาดทุน ที่มีทั้งจุดพีค จุดดิ่ง และปริศนาชวนสงสัย! เมื่อย้อนกลับไปในปี 2557 อมาโด้ กรุ๊ป เริ่มต้นด้วยการขาดทุน 6,245,401 บาท แต่ก็สามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ในปีถัดมา แม้ตัวเลขจะยังไม่สูงมากนัก ช่วงปี 2557 - 2561 ผลประกอบการของบริษัทมีทั้งกำไรและขาดทุนสลับกันไป สะท้อนถึงความไม่แน่นอนในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 2563 อมาโด้ กรุ๊ป ทำกำไรได้สูงสุดถึง 81,369,123 บาท! ดูเหมือนว่าธุรกิจกำลังไปได้สวย แต่แล้ว... ปี 2564 กลับกลายเป็นปีแห่งความขาดทุนครั้งใหญ่ ด้วยตัวเลขที่สูงถึง 627,036,970 บาท เกิดอะไรขึ้น? การลงทุนครั้งใหญ่? ค่าใช้จ่ายที่บานปลาย? หรือมีปัจจัยลึกลับอื่นๆ?
และที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่า ในปี 2565 ผลประกอบการของอมาโด้ กรุ๊ป กลับกลายเป็น 0 บาท! ไม่มีทั้งกำไรและขาดทุน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ผิดปกติอย่างมาก ชวนให้ตั้งคำถามว่าเกิดจากความผิดพลาดในการบันทึกข้อมูล หรือมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่น่าสนใจกว่านั้น?
แม้ในปี 2566 บริษัทจะกลับมามีกำไรอีกครั้งที่ 36,919,267 บาท แต่เมื่อมองแนวโน้มในช่วง 3 ปีหลัง (2564-2566) จะเห็นได้ว่าผลประกอบการของอมาโด้ กรุ๊ป ยังคงมีความผันผวน และเต็มไปด้วยคำถามที่รอคำตอบ จากตัวเลขกำไร ขาดทุน สะท้อนให้เห็นถึงเส้นทางธุรกิจของอมาโด้ กรุ๊ป ที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มีทั้งความสำเร็จ ความล้มเหลว และปริศนา ซึ่งการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก จะช่วยให้เราเข้าใจสถานการณ์ที่แท้จริงของบริษัทได้ดียิ่งขึ้น
ย้อนกลับไปในปี 2557 บริษัทเริ่มต้นด้วยสินทรัพย์รวม 233,836,461 บาท แม้ในปี 2558 จะลดลงเหลือเพียง 6,617,628 บาท แต่ก็สามารถพลิกฟื้นกลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง เห็นได้จากตัวเลขสินทรัพย์รวมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2559 - 2561 (62,058,843 บาท, 103,202,312 บาท, และ 118,859,809 บาทตามลำดับ)
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 2562 เมื่อสินทรัพย์รวมพุ่งสูงขึ้นแตะ 233,836,461 บาท ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดนี้ อาจเป็นผลมาจากการลงทุนครั้งใหญ่ การขยายธุรกิจ หรือการควบรวมกิจการ ความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทยังคงดำเนินต่อไป โดยในปี 2563 สินทรัพย์รวมขึ้นไปสูงสุดที่ 642,164,632 บาท
ทว่า เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป ในช่วงปี 2564 - 2566 สินทรัพย์รวมมีแนวโน้มลดลง (388,127,608 บาท, 0 บาท, และ 250,044,061 บาทตามลำดับ) สอดคล้องกับช่วงเวลาที่บริษัทเผชิญกับผลประกอบการที่ไม่สู้ดีนัก การขายสินทรัพย์บางส่วน การปรับลดขนาดองค์กร หรือภาวะขาดทุนสะสม อาจเป็นปัจจัยที่อยู่เบื้องหลัง แต่สิ่งที่น่าฉงนใจ คือ ในปี 2565 สินทรัพย์รวมกลับกลายเป็น 0 บาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ผิดปกติ มีความเป็นไปได้ว่าอาจเกิดความคลาดเคลื่อนในการบันทึกข้อมูล
การวิเคราะห์สินทรัพย์รวมในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของบริษัท มองเห็นทั้งช่วงเวลาแห่งการเติบโตและช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับความท้าทาย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลสินทรัพย์รวมเพียงอย่างเดียว ไม่อาจบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดได้ การศึกษาข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม เช่น งบกำไรขาดทุน จะช่วยให้เข้าใจสถานะทางการเงินของบริษัทได้อย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น
อมาโด้ กรุ๊ป ภายใต้การนำของ "เชน ธนา" อดีตนักร้องบอยแบนด์ชื่อดัง กำลังเผชิญหน้ากับมรสุมทางกฎหมายครั้งใหญ่ เมื่อถูกบริษัท ไทยยินตัน จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับผลิตอาหารเสริม เข้าแจ้งความดำเนินคดีในข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกง" โดยมีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 79 ล้านบาท
จุดเริ่มต้นของคดีความนี้ เกิดจากการที่อมาโด้ กรุ๊ป สั่งซื้อสินค้าจากบริษัท ไทยยินตัน แต่กลับไม่ยอมชำระเงินค่าสินค้าตามที่ตกลงกันไว้ โดยอ้างว่าสินค้าไม่ได้คุณภาพตามที่ระบุในสัญญา ในเบื้องต้น พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. มองว่าคดีนี้เป็นคดีแพ่ง จึงแนะนำให้ฝ่ายโจทก์ดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลเอง
อย่างไรก็ตาม เมื่อคดีความดำเนินไปถึงชั้นอัยการ อัยการมีคำสั่งฟ้อง และให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียก เชน ธนา และภรรยา เพื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหา แต่ดูเหมือนว่าเรื่องราวจะไม่ง่ายเช่นนั้น เพราะ เชน ธนา และภรรยา ได้ยื่นหนังสือขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานสอบสวนถึง 3 ครั้ง โดยในครั้งล่าสุด ได้ส่งหนังสือขอเลื่อนในวันนัดหมาย โดยอ้างเหตุผลด้านสุขภาพและติดธุระบางอย่าง ทำให้พนักงานสอบสวนต้องออกหมายเรียกรอบสอง โดยกำหนดนัดหมายใหม่ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567
จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่า เชน ธนา และภรรยา จะเข้าพบเจ้าหน้าที่ตามหมายเรียกหรือไม่ ท่ามกลางกระแสข่าวลือต่างๆ นานา และการจับตามองจากสังคมอย่างใกล้ชิด
สิ่งที่น่าสนใจคือ โพสต์ล่าสุดของ เชน ธนา ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ที่เป็นภาพโกดังสินค้า พร้อมข้อความ "11.11 ขอให้พ้นทุกเรื่อง ลุ้นทุกวัน ทุกวินาที" ยิ่งตอกย้ำให้หลายคนตั้งคำถามถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และอนาคตของธุรกิจอมาโด้ กรุ๊ป
คดีความนี้ กลายเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการทำสัญญา การตรวจสอบคุณภาพสินค้า และการบริหารจัดการความเสี่ยง เพื่อป้องกันปัญหาข้อพิพาททางธุรกิจ ที่อาจส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือขององค์กร
เรื่องราวของ "เชน ธนา" และ อมาโด้ กรุ๊ป เปรียบเสมือนละครชีวิตที่เต็มไปด้วยรสชาติ ทั้งหวาน ขม และความลึกลับซับซ้อน จากอดีตนักร้องบอยแบนด์ที่ผันตัวสู่เส้นทางธุรกิจ เชน ธนา สร้าง อมาโด้ กรุ๊ป จนกลายเป็นแบรนด์อาหารเสริมที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม แต่ทว่าเบื้องหลังความสำเร็จนั้น กลับมีปริศนาและความท้าทายมากมายรออยู่
ตัวเลขผลประกอบการที่ผันผวน รายได้ที่หายไปอย่างน่าฉงนในปี 2565 และคดีความที่ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัท ล้วนเป็นปมปริศนาที่ชวนให้ขบคิด เกิดอะไรขึ้นกับ อมาโด้ กรุ๊ป ? ปัจจัยใดบ้างที่ทำให้บริษัทมีผลประกอบการขาดทุนสูงถึง 627 ล้านบาทในปี 2564 ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นมีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ คำถามเหล่านี้ยังคงไร้คำตอบที่แน่ชัด
แม้ข้อมูลทางการเงินจะเผยให้เห็นถึงความไม่แน่นอน และความเสี่ยงที่ อมาโด้ กรุ๊ป กำลังเผชิญ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า อมาโด้ ยังคงเป็นแบรนด์ที่มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง และมีศักยภาพในการเติบโต อนาคตของ อมาโด้ กรุ๊ป จะเป็นอย่างไรต่อไป ? เชน ธนา จะสามารถก้าวผ่านมรสุมครั้งนี้ไปได้หรือไม่ ? คงต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด
บทเรียนจาก อมาโด้ กรุ๊ป
เรื่องราวของ อมาโด้ กรุ๊ป เป็นบทเรียนอันล้ำค่า สำหรับผู้ประกอบการทุกคน ที่สะท้อนให้เห็นว่า เส้นทางธุรกิจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ความสำเร็จที่เกิดขึ้น อาจมาพร้อมกับความเสี่ยง และความท้าทายที่คาดไม่ถึง
ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องราวของ อมาโด้ กรุ๊ป จะเป็นเครื่องเตือนใจ ให้ผู้ประกอบการทุกคน ตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารจัดการธุรกิจอย่างรอบคอบ เพื่อสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง มั่นคง และยั่งยืน
หมายเหตุ: บทความนี้ใช้ข้อมูลจากแหล่งข่าวสาธารณะ เพื่อนำเสนอเรื่องราวของ อมาโด้ กรุ๊ป ในมุมมองที่เป็นกลาง และไม่มีเจตนาชี้นำ หรือตัดสิน ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณ ในการรับข้อมูลข่าวสาร และติดตามความคืบหน้าจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้
อ้างอิง : Creden Data, IG chaintana