การบินไทยทะยานฟ้า! แปลงหนี้เป็นทุนสำเร็จ เตรียมขายหุ้นเพิ่มทุน 4.48บาท

การบินไทย สายการบินแห่งชาติ กำลังจะกลับมาผงาดอีกครั้ง! หลังจากผ่านพ้นวิกฤตและเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ  ล่าสุด การบินไทยประกาศความสำเร็จในการแปลงหนี้เป็นทุน  พร้อมเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน  ด้วยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน  เพื่อเตรียมตัวกลับเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568

การบินไทยทะยานฟ้า! แปลงหนี้เป็นทุนสำเร็จ เตรียมขายหุ้นเพิ่มทุน 4.48 บาท

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ขอแจ้งความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ โดยกระบวนการแปลงหนี้เป็นทุนได้รับผลตอบรับเป็นที่น่าพึงพอใจ มีเจ้าหนี้แสดงเจตนาแปลงหนี้เป็นทุนสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ บริษัทฯ จึงพร้อมเดินหน้าสู่ขั้นตอนการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการในลำดับต่อไป

ในการนี้ บริษัทกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ 4.48 บาทต่อหุ้น  โดยจะเปิดจำหน่ายระหว่างวันที่ 6 – 12 ธันวาคม 2567  จำนวนหุ้นที่เสนอขายไม่เกิน 9,822.5 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 44,004.7 ล้านบาท  โดยจัดสรรให้แก่กลุ่มบุคคล ดังนี้

ผู้ถือหุ้นเดิมก่อนการปรับโครงสร้างทุน ตามรายชื่อที่ปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 (Record Date) โดยจำกัดเฉพาะผู้ถือหุ้นที่มีที่อยู่ในประเทศไทยเท่านั้น พนักงานของบริษัท และนักลงทุนสถาบัน (Private Placement)

อนึ่ง การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ สอดคล้องกับแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ  เพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับโครงสร้างทางการเงิน  เสริมสร้างความแข็งแกร่งของฐานะทุน  และเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

การบินไทยเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน เตรียมเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน

นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวแสดงความขอบคุณต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ได้ร่วมสนับสนุนการบินไทยตลอดช่วงระยะเวลาการฟื้นฟูกิจการที่ผ่านมา ซึ่งความร่วมมือจากทุกภาคส่วนนับเป็นกำลังสำคัญที่ผลักดันให้การบินไทยก้าวผ่านอุปสรรคและบรรลุเป้าหมายตามแผนฟื้นฟู

โดยที่ผ่านมา การบินไทยได้ดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่  ปรับกลยุทธ์การบริหารต้นทุนเพื่อลดค่าใช้จ่าย  รวมถึงปรับปรุงฝูงบินและเส้นทางการบิน  เพื่อเพิ่มรายได้และสร้างผลกำไรในทุกเส้นทางบิน  ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ปูทางไปสู่การดำเนินธุรกิจในฐานะบริษัทเอกชนที่มีศักยภาพในการแข่งขัน

ล่าสุด  การบินไทยประสบความสำเร็จในการดำเนินการแปลงหนี้เป็นทุน  ซึ่งประกอบด้วย

1. การแปลงหนี้เดิมของเจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการแบบภาคบังคับเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Mandatory Conversion) คิดเป็นมูลค่า 37,601.9 ล้านบาท โดยได้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 14,773.7 ล้านหุ้น โดยเจ้าหนี้กลุ่มที่ 4 หรือกระทรวงการคลัง ได้รับการชำระหนี้เงินต้นคงค้างเต็มจำนวนในสัดส่วนร้อยละ 100 ในขณะที่เจ้าหนี้กลุ่มที่ 5, กลุ่มที่ 6 (สถาบันการเงิน) และเจ้าหนี้ผู้ถือหุ้นกู้ ได้รับการชำระหนี้เงินต้นคงค้างในอัตราร้อยละ 24.50
2. การใช้สิทธิแปลงหนี้เดิมของเจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการเป็นทุนเพิ่มเติมโดยความสมัครใจ (Voluntary Conversion) ซึ่งในระหว่างวันที่ 19-21 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ได้มีเจ้าหนี้จำนวนมากแสดงเจตนา  โดยมีจำนวนรวมกันเกินกว่า 3 เท่าของจำนวนหุ้นที่มีรองรับตามแผนฟื้นฟูกิจการ  ในการนี้ บริษัทฯ ได้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเป็นจำนวน 4,911.2 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 12,500.1 ล้านบาท
3. การใช้สิทธิแปลงดอกเบี้ยตั้งพักใหม่เป็นทุน มูลค่า 3,351.2 ล้านบาท และได้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,304.5 ล้านหุ้น สุทธิภาษีหัก ณ ที่จ่าย

ทั้งนี้ หากรวมภาระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการในส่วน (1) – (3) จะคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 53,453.2 ล้านบาท เป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 20,989.4 ล้านหุ้น ที่ราคา 2.5452 บาทต่อหุ้น ซึ่งจะส่งผลให้ส่วนของผู้ถือหุ้นในงบการเงินของการบินไทยกลายเป็นบวกภายในสิ้นปีนี้  อันเป็นการบรรลุหนึ่งในเงื่อนไขในการยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ

อย่างไรก็ตาม เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงินให้สามารถดำเนินธุรกิจอย่างเต็มประสิทธิภาพ และเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันในอุตสาหกรรมการบินระดับสากล  การบินไทยมีแผนที่จะดำเนินการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในส่วนถัดไปภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการ

โดยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้  บริษัทฯ จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 9,822.5 ล้านหุ้น  ในราคา 4.48 บาทต่อหุ้น  ให้แก่

• ผู้ถือหุ้นเดิมของการบินไทยก่อนการปรับโครงสร้างทุน ตามข้อมูลที่ปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 ที่มีที่อยู่ในประเทศไทย
• พนักงานของการบินไทย

โดยเปิดให้จองซื้อและชำระเงินระหว่างวันที่ 6 – 12 ธันวาคม 2567 ผ่านช่องทางจัดจำหน่ายของผู้จัดการการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์และตัวแทนจำหน่ายหลักทรัพย์ที่กำหนด

ทั้งนี้ หากมีหุ้นสามัญคงเหลือจากการจัดสรรหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมก่อนการปรับโครงสร้างทุน และพนักงานของบริษัทฯ  บริษัทฯ จะดำเนินการเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ที่ราคาเสนอขายเดียวกันต่อไป

สำหรับการกำหนดราคาเสนอขายหุ้นที่ 4.48 บาท  ผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการได้พิจารณาจากปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ  เช่น

• การประเมินมูลค่ายุติธรรม ทั้งจากวิธีเปรียบเทียบอัตราส่วนตลาด (Market Comparable Approach) เช่น อัตราส่วนมูลค่ากิจการต่อกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (Enterprise Value to EBITDA Ratio: EV/EBITDA) อัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไรสุทธิ (Price to Earnings Ratio: P/E) และวิธีมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดของกิจการ (Discounted Cash Flow)
• ข้อจำกัดและโครงสร้างการเสนอขายภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการ
• ความเสี่ยงของนักลงทุนจากการที่ต้องใช้เวลาประมาณ 5-6 เดือนกว่าที่หุ้นจะกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ
• ประโยชน์และผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง

เพื่อให้บริษัทฯ มีโอกาสได้รับเงินทุนจากการเสนอขายในระดับที่เหมาะสม  สร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน  และเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

9 เดือนแรกปี 2567 ผู้โดยสารทะลุ 11.62 ล้านคน การลงทุนเพื่ออนาคตที่แข็งแกร่ง

นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภาพรวมผลประกอบการธุรกิจของการบินไทยในงวด 9 เดือนของปี 2567 ว่า บริษัทฯ มีการเติบโตที่แข็งแกร่งและมีความก้าวหน้าในการฟื้นฟูกิจการอย่างต่อเนื่อง  โดยมีจำนวนผู้โดยสารกว่า 11.62 ล้านคน  เพิ่มขึ้น 14.7% เมื่อเทียบกับงวด 9 เดือนของปี 2566

นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK)  อยู่ที่ 47,778 ล้าน ASK เพิ่มขึ้น 19.2%  เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน  ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น  อันเป็นผลมาจากการดำเนินธุรกิจตามแผนฟื้นฟูกิจการที่สามารถเรียกความเชื่อมั่นจากลูกค้ากลับคืนมาได้

สำหรับกำไร (ขาดทุน) จากการดำเนินงานในงวด 9 เดือนของปี 2567 อยู่ที่ 24,191 ล้านบาท  ซึ่งน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 29,330 ล้านบาท  และ EBITDA ของงวด 9 เดือน ปี 2567 อยู่ที่ 33,742 ล้านบาท  ในขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 37,590 ล้านบาท

ทั้งนี้  ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อกำไร (ขาดทุน)  มาจากความมุ่งมั่นในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานให้มีความมั่นคง  เช่น  ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษาอากาศยานที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนเครื่องบินที่เข้ามาใหม่  เพื่อรองรับการให้บริการแก่ผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น  ประกอบกับค่าบริการการบินที่ปรับตัวสูงขึ้นตามจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น  และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขายและการโฆษณาที่บริษัทฯ จำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสำรองที่นั่งที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณการจองเที่ยวบิน

ตั้งเป้าหมายกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไตรมาส 2 ปี 2568

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ขอแจ้งให้ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ก่อนการปรับโครงสร้างทุน  ซึ่งมีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน  ทราบว่า  ท่านสามารถตรวจสอบสิทธิได้  2  ช่องทาง  ดังนี้

• หนังสือแจ้งสิทธิเพิ่มทุนสำหรับผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด จะดำเนินการจัดส่งในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ผ่านทางไปรษณีย์ตามที่อยู่ที่ระบุไว้ในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น
• เว็บไซต์ของบริษัทฯ (https://ir.thaiairways.com/)

อนึ่ง  ผู้ถือหุ้นเดิมสามารถจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนได้ในระหว่างวันที่  6 – 12  ธันวาคม  2567  ผ่านช่องทางต่างๆ ดังต่อไปนี้

• บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ณ สำนักงานใหญ่ โดยการยื่นใบจองซื้อ หรือจองซื้อผ่านระบบโทรศัพท์บันทึกเสียง (เฉพาะนิติบุคคล ผู้ลงทุนสถาบัน และลูกค้าที่มีบัญชีหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เท่านั้น)
• ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ณ สำนักงานใหญ่และสาขา โดยการยื่นใบจองซื้อ
• ระบบออนไลน์ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ผ่านบริการ Money Connect by Krungthai บนแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT (สำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาที่มีบัญชีเงินฝากกับธนาคาร และใช้บริการ Krungthai NEXT เท่านั้น)

ในส่วนของพนักงานบริษัทฯ  สามารถจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนได้ในวันและเวลาเดียวกันกับผู้ถือหุ้นเดิม  ผ่านช่องทาง ดังนี้

• บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ณ สำนักงานใหญ่ โดยการยื่นใบจองซื้อ (เฉพาะลูกค้าที่มีบัญชีหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เท่านั้น)
• ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ณ สำนักงานใหญ่และสาขา โดยการยื่นใบจองซื้อ
• ระบบออนไลน์ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ผ่านบริการ Money Connect by Krungthai บนแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT (สำหรับลูกค้าที่มีบัญชีเงินฝากกับธนาคาร และใช้บริการ Krungthai NEXT เท่านั้น)
• ระบบออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน DIME! (เฉพาะลูกค้าบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยที่มีบัญชีหลักทรัพย์กับ DIME! เท่านั้น)

บริษัทกำหนดเป้าหมายการกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  ภายในไตรมาสที่  2  ของปี  2568  โดยคาดว่ากระบวนการปรับโครงสร้างทุนเพื่อให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวกจะเสร็จสิ้นภายในวันที่  31  ธันวาคม  2567  หลังจากนั้น  บริษัทฯ จะดำเนินการจัดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการบริษัทชุดใหม่  ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการ  และยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการต่อไป

การดำเนินการทั้งหมดนี้  เป็นไปตามแนวคิด  “Fly for The New Pride”  สู่ขอบฟ้าใหม่แห่งความภาคภูมิใจ  ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน  เพื่อประโยชน์สูงสุดขององค์กร  พนักงาน  และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย  อันจะนำไปสู่การเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน  และการยกระดับมาตรฐานการบริการ  เพื่อส่งมอบประสบการณ์การเดินทางที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าทุกท่าน

การบินไทย ประกาศเพิ่มทุน คืนชีพ กลับสู่ตลาดหุ้น ไตรมาส 2 ปี 68

การประกาศช่องทางการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ในครั้งนี้ นับเป็นหมุดหมายสำคัญในการขับเคลื่อนแผนฟื้นฟูกิจการ  โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการเพิ่มพูนศักยภาพทางการเงิน  เพื่อนำพาองค์กรกลับเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกครั้งภายในไตรมาสที่ 2 ของปี พ.ศ. 2568

การกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน  และเปิดโอกาสให้สาธารณชนได้มีส่วนร่วมในการลงทุน  อันจะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ  ภายใต้แนวคิด "Fly for The New Pride" ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจ  เพื่อสร้างคุณค่าสูงสุดแก่ผู้ถือหุ้น  พนักงาน  และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน

ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพการบริการอย่างต่อเนื่อง  เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่เป็นเลิศแก่ผู้โดยสาร  และยกระดับมาตรฐานให้เทียบเท่าสายการบินชั้นนำระดับสากล  เพื่อให้การบินไทยกลับมาดำเนินธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง  ในฐานะสายการบินแห่งชาติ

หมายเหตุ:  การลงทุนมีความเสี่ยง  ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูล  ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า  เงื่อนไขผลตอบแทน  และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน  รวมถึงศึกษาหนังสือชี้ชวน  หรือเอกสารที่มีสาระสำคัญตรงตามข้อมูลสรุปสาระสำคัญของหลักทรัพย์  (Executive Summary)  อย่างรอบคอบ