รู้หรือไม่ ไอศกรีมไทยไม่ได้เป็นเพียงของหวานคลายร้อน แต่ยังเป็นสินค้าส่งออกที่สร้างรายได้ให้ประเทศไทยอย่างมากอีกด้วย จากข้อมูลของ นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ประเทศไทยครองอันดับ 1 ผู้ส่งออกไอศกรีมในภูมิภาคเอเชีย รองจากสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของไอศกรีมไทยในฐานะสินค้าส่งออกที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ไอศกรีมไทยครองใจผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ? บทความนี้จะมาเจาะลึกถึงจุดแข็งของไอศกรีมไทย แนวโน้มตลาดไอศกรีมโลก และโอกาสสำหรับผู้ผลิตไอศกรีมไทยในอนาคต
จากข้อมูลของ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) พบว่า มูลค่าการส่งออกไอศกรีมของไทยเติบโตต่อเนื่อง ติดต่อกัน 7 ปี ด้วยอัตราเฉลี่ย 12.43% ต่อปี โดยในปี 2566 ไทยส่งออกไอศกรีมได้ถึง 148.21 ล้านเหรียญสหรัฐ (5,099 ล้านบาท) โดย ไทย ขึ้นแท่นเป็น ผู้ส่งออกไอศกรีมอันดับ 1 ของเอเชีย และ อันดับ 11 ของโลก สำหรับ 10 อันดับประเทศที่ส่งออกไอศกรีมของโลก ได้แก่
สำหรับตลาดไอศกรีมโลก ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก Euromonitor International บริษัทวิจัยตลาดคาดการณ์ว่า ตลาดไอศกรีมโลกจะมีมูลค่า 86,719.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2566 เติบโต 8.8% จากปี 2565 สำหรับประเทศที่มีตลาดไอศกรีม ขนาดใหญ่ที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่
ขณะที่ตลาดไอศกรีมของไทยมีมูลค่าค้าปลีก 396.0 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 11.0 นอกจากนี้ประเทศไทย มีศักยภาพที่จะขยายตลาดไอศกรีมทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะใน ตลาดเอเชีย ที่มีประชากรจำนวนมาก และมีปัจจัยสนับสนุน อาทิ
ไอศกรีมไทยไม่ได้โด่งดังแค่ในเอเชีย แต่ยังครองใจผู้บริโภคทั่วโลกด้วย จุดแข็ง ดังนี้
1. รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์
2. วัตถุดิบธรรมชาติ
3. ราคาคุ้มค่า
4. เสน่ห์ทางวัฒนธรรม
5. การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ด้วยจุดเด่นของไอศกรีมไทย ที่มาจากวัตถุดิบที่หลากหลาย ทั้งผลไม้ไทยนานาชนิด ขนมไทย และสมุนไพรไทย ล้วนถูกนำมาประยุกต์เป็นไอศกรีมรสชาติแปลกใหม่ ดึงดูดใจผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ นอกจากนี้ รูปแบบและรูปทรงของไอศกรีมไทย ก็มีความสร้างสรรค์ไม่แพ้ชาติใดๆ ช่วยดึงดูดสายตาและกระตุ้นต่อมอยากลองของผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับ สุขภาพและความยั่งยืน มากขึ้น ผู้ผลิตไอศกรีมไทยจึงต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด โดยมุ่งเน้นไปที่ ไอศกรีมเพื่อสุขภาพ และ ไอศกรีมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ยังมีโอกาสอีกมากสำหรับการขยายตลาดไอศกรีมไทย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผู้ผลิตและผู้ประกอบการไทยควรศึกษาและวิเคราะห์ตลาดอย่างละเอียด พัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงมองหาช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆ จึงทำให้ ไอศกรีมไทย มีศักยภาพที่จะกลายเป็นสินค้าส่งออกหลักของไทย สร้างรายได้ให้กับประเทศ และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยบนเวทีโลก
ในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ไอศกรีมไทยไม่ได้เป็นเพียงของหวานคลายร้อน แต่ยังกลายเป็นสินค้าส่งออกที่สร้างรายได้ให้ประเทศอย่างมาก ผู้ผลิตไอศกรีมไทยหลายรายหันมาปรับกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น เปลี่ยนมาใช้ตู้แช่ไอศกรีมที่ประหยัดพลังงาน และบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ง่าย จากข้อมูลล่าสุดในปี 2565 ประเทศไทยมีมูลค่าการส่งออกไอศกรีมคิดเป็น 2.6% ของมูลค่าการส่งออกไอศกรีมทั่วโลก แม้จะยังห่างไกลจากสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร ที่ครองส่วนแบ่งตลาดรวมกันถึง 76.4% แต่การส่งออกไอศกรีมของไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 มีมูลค่าการส่งออก 148.21 ล้านเหรียญสหรัฐ (5,099 ล้านบาท) ขยายตัว 7.3% และในเดือนมกราคม 2567 มีมูลค่าการส่งออก 9.91 ล้านเหรียญสหรัฐ (343 ล้านบาท) ขยายตัว 10.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
สำหรับตลาดส่งออกไอศกรีมไทยที่สำคัญ 5 อันดับแรกในปี 2566 ได้แก่
จากการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่าตลาดไอศกรีมทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยสำคัญหลายประการ ดังนี้
สำหรับประเทศไทย มีโอกาสสูงที่จะประสบความสำเร็จในตลาดไอศกรีมโลก ด้วยจุดแข็งที่โดดเด่น ดังนี้
นอกจากนี้หากภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนการส่งออกไอศกรีมไทย ช่วยส่งเสริมให้ผู้ผลิตไทยสามารถขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศได้ โดยเฉพาะในตลาดเอเชีย ไอศกรีมไทยมีโอกาสเติบโตสูง ด้วยปัจจัยสนับสนุน อาทิ เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้คนมีกำลังซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคมากขึ้น, หลายๆประเทศในเวลานี้มี ชนชั้นกลางที่ขยายตัว มีกำลังซื้อสูงและนิยมสินค้าที่มีคุณภาพ และ ความนิยมของสินค้าไทยที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาดเอเชีย เป็นโอกาสที่ดีให้ผู้ผลิตไอศกรีมไทยขยายธุรกิจ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตไอศกรีมไทยยังมีอุปสรรคและความท้าทายที่ต้องเผชิญ ดังนี้
สุดท้ายนี้ ความสำเร็จของไอศกรีมไทยบนเวทีโลก เกิดจากปัจจัยหลายประการ ทั้งรสชาติที่อร่อยถูกปาก วัตถุดิบที่มีคุณภาพ มาตรฐานการผลิตที่ได้มาตรฐาน และราคาที่แข่งขันได้ ประกอบกับกลยุทธ์การตลาดที่มุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทำให้ไอศกรีมไทยจะกลายเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ ในอนาคต คาดว่าตลาดไอศกรีมโลกจะยังคงเติบโต ผู้ผลิตไอศกรีมไทยจึงมีโอกาสขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศต่างๆ เพิ่มเติม ควบคู่ไปกับการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ