ดราม่าสะเทือนวงการเครื่องกรองน้ำ! โคเวย์ ที่ได้สร้างความเดือดร้อนวุ่นวาย จนทำให้ลูกค้าเสียเครดิต ร้องกันอื้ออึง บริษัทฯ รีบแก้ไขสถานการณ์ ออกจากการเป็นสมาชิกเครดิตบูโร ดราม่าครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาอะไร? บทความนี้ จะพาทุกท่านไปไขความจริง กับเบื้องหลังโมเดลธุรกิจของโคเวย์ และอะไรเป็นสาเหตุของปัญหา ในครั้งนี้
ก่อนจะไปทราบถึงปัญหาเรามาทำความเข้าใจ โมเดลธุรกิจเครื่องกรองน้ำ โคเวย์ กันก่อน การทำตลาดแบรนด์ โคเวย์ ในไทยจะเป็น รูปแบบการซื้อสินค้าที่เป็น “Subscription” มี สินค้าหลัก ได้แก่ เครื่องกรองน้ำ เครื่องฟอกอากาศ สัดส่วนยอดขายมาจากเครื่องกรองน้ำ 85% เครื่องฟอกอากาศ 15%
เนื่อจากเครื่องกรองน้ำระดับพรีเมี่ยมส่วนใหญ่ในท้องตลาด มักใช้ระบบ Reverse Osmosis หรือเรียกสั้นๆ ว่า R.O. ซึ่งเป็นระบบกรองที่ละเอียด ช่วยให้น้ำที่ได้นั้นสะอาดบริสุทธิ์ แต่จะมีราคาที่สูงมากพร้อมทั้งมีขั้นตอน วิธีทำความสะอาดเครื่องกรองน้ำที่ถูกต้องนั้นยุ่งยาก
ดังนั้นโมเดล ธุรกิจของ COWAY จะนำเสนอบริการเครื่องกรองน้ำแบบ Subscription คือ จ่ายค่าเช่าใช้เครื่องเป็นรายเดือน หรือ เช่าซื้อ เมื่อครบ 5 ปี จะได้เครื่องไป สอดรับความต้องการของลูกค้าในเวลานี้
จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2567 เหล่าลูกค้าเครื่องกรองน้ำโคเวย์หลายรายเกิดความกังวลใจ เมื่อพบว่าชื่อของพวกเขาถูกส่งเข้าเครดิตบูโร โดยที่ไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า เนื่องจาก โคเวย์ ทำธุรกิจ ในรูปแบบคือ จำหน่ายเครื่องกรองน้ำแบบเช่าซื้อ ลูกค้าจ่ายรายเดือน ส่งผลให้มีข้อมูลในเครดิตบูโร และหากมีการผิดนัดชำระ จะส่งผลเสียต่อเครดิตของลูกค้า แต่แล้วก็เกิด ปัญหา ขึ้น
เนื่องมาจากระบบการตัดบัตรเครดิตของโคเวย์ ที่ผิดพลาดในบางรายการ ลูกค้าบางรายเครื่องกรองน้ำถูกตัดบัตร แต่บางรายระบบไม่สามารถตัดบัตรได้ ผลก็คือมีรายการค้างชำระเกิดขึ้น แต่แทนที่จะแจ้งเตือนลูกค้า โคเวย์กลับส่งข้อมูลไปยังเครดิตบูโร ส่งผลให้ลูกค้าเสียเครดิตโดยไม่รู้ตัว จนสร้างความเดือดร้อนให้ลูกค้าเป็นอย่างมาก หลายคนต้องรีบติดต่อโคเวย์เพื่อแก้ไขข้อมูลกัน หลายคนคะแนนบูโรตก จนต้องเสียเวลาไปกับการอธิบายปัญหาให้ธนาคารฟัง
นอกจากนี้มีรายงานว่า โคเวย์ เพิ่งยื่นเป็นสมาชิกเครดิตบูโรเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และดึงข้อมูลประวัติการผ่อนสินค้าของลูกค้าเข้าระบบทันที ส่งผลให้ลูกค้าที่ลืมจ่าย หรือบัตรเครดิตไม่ตัด กลายเป็นมีสถานะเครดิตบูโรล่าช้า ส่งผลต่อคะแนนเครดิต
อย่างไรก็ตามแต่ในกรณีนี้ ลูกค้าหลายรายไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้า ยิ่งไปกว่านั้น บางรายไม่ได้ผิดนัดชำระ แต่เกิดจากระบบหรือพนักงานที่ทำงานผิดพลาด ไม่ใส่ข้อมูลลูกค้าในระบบ ส่งผลให้เครดิตเสียโดยไม่เป็นธรรม ดราม่าครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการทำงานที่ไม่รัดกุมของโคเวย์ ขาดการแจ้งเตือนลูกค้าล่วงหน้า และยังมีช่องโหว่ของระบบที่ทำให้ข้อมูลผิดพลาด ส่งผลเสียหายต่อลูกค้าอย่างร้ายแรง
ข้อมูลอ้างอิงจาก Facebook CEO ของ NCB การนำรายชื่อส่งเข้า NCB เป็นหน้าที่ของสมาชิกของเครดิตบูโร (โคเวย์) ตามกฎหมาย พรบ. การประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ. 2545 มาตรา 18 และ 19 ต้องนำส่งข้อมูลโดยไม่ต้องขอความยินยอมคือ การส่งข้อมูลบัญชีสินเชื่อที่มีประวัติการชำระหนี้ของสินเชื่อประเภทนั้นๆ ว่ามียอดคงค้างเท่าไหร่ เปิดบัญชีเมื่อไหร่ ชำระครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ การผ่อนชำระแต่ละเดือนมีสถานะอย่างไร เป็นปกติ หรือค้างชำระ เป็นต้น
นอกจากนี้ในครั้งแรกของการส่งข้อมูล ทางโคเวย์ได้นำส่งหนังสือแจ้งให้ลูกค้ารับทราบ ซึ่งทางบริษัทก็ได้นำส่งหนังสือไปเมื่อวันที่ 19 เมษายน ที่ผ่านมาซึ่งถือเป็นหน้าที่ของสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกของเครดิตบูโรตามกฎหมายโดยไม่ต้องขอความยินยอม
หลังจากเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก กรณีส่งลูกค้าเข้าเครดิตบูโรโดยไม่แจ้ง โคเวย์ ประเทศไทย ออกมาประกาศรับผิดชอบแก้ไขปัญหา ด้วยการลาออกจากการเป็นสมาชิกบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป หมายความว่า ข้อมูลลูกค้าผู้ขอสินเชื่อกับโคเวย์ทุกคน จะไม่มีชื่อและข้อมูลอยู่ในระบบเครดิตบูโรอีกต่อไป
สรุป เมื่อ โคเวย์ ทำการลาออกจากการเป็นสมาชิกเครดิตบูโรบ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ เครดิตบูโรจะดำเนินการลบข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่ของบัญชีสินเชื่อที่มีการนำส่งเข้ามาครับ เคยส่งเข้ามา 3 เดือนย้อนหลังก็ลบทิ้งทั้งสามเดือน การลบทำลายคือจะไม่มีข้อมูลบัญชีสินเชื่อนั้นๆไม่ว่าจะเป็นสินเชื่ออะไรก็ตาม ภาษาชาวบ้านคือลบบัญชีที่ลูกหนี้มีอยู่กับเจ้าหนี้สมาชิกสถาบันการเงินที่ลาออกนั้นออกจากระบบฐานข้อมูลในวันที่การลาออกมีผลบังคับ
สำหรับเนื้อความในจดหลายระบุบว่า
“บริษัท โคเวย์ (ประเทศไทย) จํากัด ตระหนักถึงผลกระทบของลูกค้าบางท่าน ดังที่ปรากฏ ในสื่อสังคมออนไลน์ บริษัทฯ ขอแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า บริษัทฯ ได้ดําเนินการขอประชุมวาระเร่งด่วน กับ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จํากัด (เครดิตบูโร) เพื่อหารือและชี้แจงในรายละเอียดต่างๆ และ ได้รับความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาให้แก่ลูกค้าทุกท่านได้เป็นที่เรียบร้อย โดยทางบริษัทฯ จะลาออก จากการเป็นสมาชิกของบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จํากัด (เครดิตบูโร)
ซึ่งจะมีผลทําให้ลูกค้า ผู้ขอสินเชื่อ (การบริการ subscription รายเดือน) ของบริษัทฯ ทุกรายจะไม่มีชื่อและข้อมูลที่เกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ของบริษัท โคเวย์ (ประเทศไทย) จํากัด อยู่ในระบบฐานข้อมูลของเครดิตบูโรอีกต่อไป ซึ่งการดําเนินการนี้จะมีผลตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป
บริษัทฯ ขออภัยในความไม่สะดวกต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้ และขอเน้นย้ำว่าบริษัทฯ น้อมรับฟังความคิดเห็นของลูกค้าทุกท่านอยู่เสมอ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าทุกปัญหาของ ลูกค้าโคเวย์ จะได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด โดยคํานึงถึงประโยชน์สูงสุดของลูกค้าเป็นสําคัญ ซึ่งทางบริษัทฯ ได้นําข้อเสนอแนะจากเหตุการณ์ในครั้งนี้มาใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการ แก่ลูกค้าทุกท่านให้ดียิ่งขึ้นต่อไป”
อย่างไรก็ตาม ยังมีลูกค้าอีกจำนวนหนึ่งที่ยังติดปัญหาเครดิตบูโรอยู่ โคเวย์จึงขอความร่วมมือจากลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ ติดต่อศูนย์บริการลูกค้าโคเวย์ เพื่อดำเนินการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องต่อไป โดยสามารถติดต่อสำนักงานขายและศูนย์บริการตามเบอร์โทร
หรือช่องทางติดต่อ Line Official Account: @coway-thailand Email: cowaythailandofficial@coway.co.th หรือ Call Center 1421 ในเวลาทำการ 09.00 – 17.00 น.
ล่าสุด คุณ สุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) ได้ออกมาชี้แจ้งว่า ตามที่มีข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเป็นสมาชิกเครดิตบูโรโดยระบุบว่า " ผมขอให้เรียนข้อมูลเพื่อความเข้าใจพื้นฐานที่ถูกต้องดังนี้
อยากเรียนว่า การที่สถาบันการเงินจะเข้ามาเป็นสมาชิกก็จะมีกระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติ ความสามารถในการส่งข้อมูล การดูแลความถูกต้องของข้อมูล การรักษาความลับและสิทธิ์ของลูกหนี้ผู้เป็นเจ้าของข้อมูลนะครับ ส่วนการลาออกก็เป็นสิทธิของสถาบันการเงินเช่นกัน ไม่มีการบังคับกัน ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย ไม่ได้มีอะไรพิเศษ พิสดาร หรือแปลกแตกต่างไปจากมาตรฐานสากล ภาษาชาวบ้านคือ เข้ามาเป็นเพราะเห็นประโยชน์ มีความสามารถเข้ามาได้ ผ่านเกณฑ์การประเมิน ส่งข้อมูลได้ และเมื่อเห็นว่าไม่มีความจำเป็นก็ลาออกไปได้ครับ ทางผมมีหน้าที่ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด เพราะมันมีกฎกติกาอยู่นั้นเอง"
สุดท้ายนี้ ดราม่าครั้งนี้ เป็นบทเรียนสำคัญให้กับโคเวย์ และบริษัทอื่นๆ ที่ต้องให้ความสำคัญกับระบบการจัดการข้อมูล และการสื่อสารกับลูกค้าอย่างโปร่งใส เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกในอนาคต สำหรับผู้บริโภค ควรตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโรของตัวเองเป็นประจำ หากพบข้อมูลผิดพลาด รีบแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไข และเก็บหลักฐานการชำระเงินต่างๆ ไว้อย่างมิดชิด เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการต่อสู้คดีหากจำเป็น